ลำนำแห่งพระเจ้า (2)
“พี่ชิง แฟนของพี่โคตรแย่เลย” ณ ร้านขายเสื้อผ้าของฉือชิงได้มีหญิงสาวคนหนึ่งโกรธจนควันออกหู
“ฮ่าฮ่า เขาก็แค่เล่นกู่จิ้งเอง ใครใช้ให้เธอฟังแล้วลงไปคุกเข่ากองกับพื้นอย่างนั้นหล่ะ” ตงเจี๋ยหัวเราะออกมา คนอื่นๆต่างก็พากันหัวเราะตาม แต่ในใจจริงนั้นพวกเธอแอบดีใจที่ฝืนไม่ให้คุกเข่าได้สำเร็จ หรืออย่างน้อยๆก็เฉพาะตอนอยู่ที่สาธารณะล่ะนะ
“น่า อย่าไปหัวเราะเสี่ยวลี่สิ” ฉือชิงที่อยู่นอกวงสนทนาได้เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“ชิงชิง ท่านเทพของเธอนี่สุดยอดจริง แค่เล่นเพลงหน่อยเดียวถึงกับทำให้หญิงสาวยอมศิโรราบได้ เธอต้องจับตาดูเขาไว้ดีๆนะ” ตงเจี๋ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มหยอกเล่น ฉือชิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มรับโดยไม่พูดอะไร ทันใดนั้นเธอพลันไปนึกเรื่องที่ซูจิ้งเตรียมงานแต่งของเธอกับเขาไว้ทำให้เธอเขินหน้าแดงขึ้นมา เธอเองก็ได้ฟังเพลงของเขาด้วยเหมือนกันพร้อมกับนึกไปว่าฝึมือการเล่นของเขาเพิ่มขึ้นอีกแล้วสินะ ได้แต่หวังว่าเหล่าแฟนคลับของเขาจะไม่มาติดแจจนเกินไป
“เสี่ยวหยา พี่ชายของเธอคงไม่ใช่พวกกลับชาติมาเกิดใหม่แบบในนิยายใช่ไหมเนี่ย” ภายในหอพักหญิงแห่งหนึ่ง หญิงสาวในห้องรวมถึงถังเซี่ยวหยูถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าเขาเป็นเทพจริงฉันก็คงเป็นเทพเหมือนกันแหล่ะ” ซูหยานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับเพื่อนร่วมห้องของเธอก็ทำให้เธออึ้งไปเหมือนกัน ความจริงเธอก็ชอบเพลงนี้เหมือนกันแต่ด้วยการที่เธอเติบโตมาพร้อมซูจิ้งทำให้เธอขึ้นเคยกับเขาดีเลยไม่ได้คุกเข่าไปด้วย
ในห้องของซูจิ้งตอนนี้แตกตื่นราวกับระเบิดลงเพราะคนที่เข้ามาดูการสตรีมตอนนี้ขึ้นไปอยู่ที่แปดแสนคนเรียบร้อยแล้วและยังคงพุ่งสูงขึ้นไปอีก
“พระเจ้า เพลงนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ”
“ใช่แล้ว เพลงนี้ไม่สามารถจัดอยู่ในเพลงทั่วไปได้แล้ว ทั่วทั้งร่างและจิตใจของฉันเหมือนได้ชำระบาปเลย”
“ฮ่าฮ่า เพื่อนของฉันนี่ถึงกับคุกเข่าเลย ไม่ได้เวอร์นะ เขาคุกเข่าจริงๆ”
“ลองดูในข่าวตอนนี้สิ มีคนมากมายเลยที่คุกเข่าทันทีที่ฟังเพลงนี้ และพวกเขาล้วนเป็นคนที่ดูการสตรีมของพี่จิ้งทั้งนั้นเลย”
“ตอนแรกฉันก็นึกว่าบ้าไปแล้วนะที่มาพูดเรื่องแบบนี้ในช่องแชท แต่พอเห็นข้อความคนอื่นนีดถึงกับอึ้งไปเลยด้วยซ้ำ”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เห็นเพลงที่ทำให้คนถึงกับต้องยอมคุกเข่าให้ ลูกพี่จิ้งนี่กลายเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติไปแล้วสินะ”
“พี่จิ้ง พี่คงไม่ได้กำลังจะไปอยู่ในสวรรค์ใช่ไหม”
“โอ้ ลืมไปเลยนะเนี่ยว่าเบ่ยเจียฮัวได้ท้ากันไว้ เบ่ยเจียฮัวรีบออกมาเลยนะนำอย่ามัวแต่อึ้งอยู่”
ตอนนี้ทุกคนที่เห็นข้อความพลันนึกได้ว่าที่พวกเขาบางคนต้องคุกเข่าเป็นเพราะเบ่ยเจียฮัวนั้นดันไปท้าทายซูจิ้งด้วยเพลงลูกพี่เรามาต่อยกันดีกว่า
พวกเขาจึงเริ่มเรียกให้เบ่ยเจียฮัวออกมา ถึงเพลงเขาจะมีกลิ่นอายแห่งเซนและพลังธรรมอยู่เต็มเปี่ยม แต่เมื่อเทียบกับซูจิ้งแล้วทำให้ดูธรรมดาไปเลย ต่อให้เบ่ยเจียฮัวยอมออกมาจริงๆพวกเขาก็ไม่ประหลาดใจอะไรเลยซักนิด
“เบ่ยเจียฮัว ออกมาเร็วเข้าน่า นายยอมรับหรือยัง”
“เบ่ยเจียฮัว ออกมาเดี๋ยวนี้นะถ้านายแน่พอ”
ตอนนี้ทุกคนที่กำลังดูสตรีมอยู่ต่างพิมข้อความในทำนองเดียวกันคือให้เบ่ยเจียฮัวพิมอะไรออกมาซักอย่าง หลังจากนั้นมีใครซักคนพูดมาในห้องแชทด้วยข้อความเสียงจนทำให้ทุกคนได้ยินว่า “ทุกคนหยุดพิมข้อความก่อน ฉันอยากเห็นข้อความของเบ่ยเจียฮัว แต่ฉันมองไม่ทัน” ถึงแม้ข้อความของเขาเองจะถูกดันขึ้นไปอย่างรวดเร็วสักพักข้อความถึงค่อยๆช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง และอีกพักใหญ่ข้อความที่ยาวๆมากๆได้ปรากฎออกมาให้ทุกคนเห็น “พวกนายนี่น้ารอหน่อยไม่ได้รึไงกัน ที่ช้าก็เพราะมัวแต่พิมนี่หล่ะ มันยากนะที่จะบรรยายความรู้สึกในใจของฉันออกมาเป็นคำพูดน่ะ ฉันพิมข้อความไปเป็นร้อยแล้วนะแต่พวกนายพิมซะจนข้อความฉันหายไปในพริบตา ถ้าฉันไม่อารมณ์ดีอยู่ล่ะก็ฉันจะไปถล่มพวกนายรายตัวแน่นอน” ข้อความนี้พิมซ้ำๆกันหลายครั้งจนเขาเห็นว่ามีแต่ข้อความของเขาปรากฎเลยเปลี่ยนข้อความที่พิมไป
“อา….. ในที่สุดข้อความของฉันก็ขึ้นซักที พบปะลูกพี่เพื่อท้าต่อยตีงั้นหรอ พอฉันมานึกทีหลังก็ยังนึกแปลกๆเหมือนกันนะว่าทำไมฉันถึงบอกไปอย่างนั้น ถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อคงโดนเล่นแหงๆ แต่ถ้าบอกสาเหตุกับผลที่ได้รับหวังว่าเขาคงไม่ว่าอะไรมากหล่ะนะ”
เบ่ยเจียฮัวยังคงพิมต่อไปว่าเขานั้นยอมรับความพ่ายแพ้ แพ้อย่างหมดหัวใจแต่ก็ยังได้รับความสนใจอยู่ดี
ในขณะนั้นมีอีกคนที่ทุกคนเลิกสนใจไปแล้วและรู้ตัวว่าไม่ควรจะพิมอะไรออกไปนั่นคือฉิวหยุนจินและในตอนนั้นเองเขาก็รู้ด้วยว่าแฟนคลับของเขาได้กลายเป็นแฟนคลับของซูจิ้งเรียบร้อยแล้ว และเขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย
หลังจากดูข้อความพวกนั้นซูจิ้งรู้สึกได้เลยว่าการสตรีมครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ได้เลย
นอกจากนั้นเรื่องในครั้งนี้ยังทำให้เขารู้สึกได้ว่าพลังสมองของเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากซึ่งรวมถึงพลังจิตของเขาด้วยเช่นกัน
ตราบใดที่พลังจิตของเขาได้รับการพัฒนาถ้าเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆเขาก็คิดว่าคุ้มค่า ทันใดนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “เพลงนี้มีชื่อว่าลำนำแห่งพระเจ้า”
ผลงานเพลงชิ้นนี้เป็นเพลงจากในห้วงเวลาฯบังสวรรค์ ถึงแม้มันจะไม่ได้แสดงผลเหมือนลำนำของพระเจ้าของจริงก็ตาม
เพลง “ลำนำแห่งพระเจ้า” ที่แท้จริงไม่แสดงผลออกมาแบบนี้พูดได้ด้วยซ้ำว่าแสดงผลไม่ได้ซักเศษเสี้ยวของของจริง
เพลงของจริงนั้นไม่เพียงแค่ให้ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกยิ่งกว่านี้ แต่ยังทำให้เกิดความรู้แจ้งในความจริงแท้แก่ชีวิต(เต๋า) สามารถทำได้แม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่ง
ขับเคลื่อนได้แม้กระทั่งจักรวาลรวมไปถึงก่อกำเนิดชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ
ในตำนานแห่งห้วงเวลาฯบังสวรรค์กล่าวไว้ว่าเพลงลำนำแห่งเพราะเจ้านี้เป็นพระเจ้าเองที่แต่งขึ้นมามันจึงเป็นเพลงแห่งพระเจ้าอย่างแท้จริง นั่นทำให้เพลงนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่ในห้วงเวลาฯบังสวรรค์ เพลงลำนำแห่งพระเจ้านี้อยู่ในระดับขั้นชั้นอมตะก็ว่าได้ เป็นเพลงที่ต้องให้นักบวชชั้นสูงในการเล่นถึงจะแสดงผลได้อย่างทรงพลัง
ซูจิ้งเองก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเพลงอันแสนมีค่านี้ถึงได้ถูกทิ้งลงมา
ซูจิ้งนั้นที่เล่นได้ก็เพราะเขานั้นเข้าใจเพียงหลักการแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ถึงแก่นแท้ของเพลง
พอเขานึกถึงพลังที่แท้จริงของเพลงแล้วเขาจะรู้สึกเซ็งทุกครั้งเพราะเมื่อเทียบกับผลจากเพลงที่เขาเล่นได้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว
เขานั้นยังขาดในหลายๆด้านทั้งทักษะการเล่นกู่จิ้ง พลังวิญญาณ พลังจิต ฯลฯ ทักษะเหล่านั้นเป็นทักษะที่เขาปล่อยปะละเลยไม่ยอมตั้งใจฝึกให้ดี เขาได้แต่นึกว่าต้องหาโอกาสพัฒนาทักษะเหล่านี้ให้หมดให้จงได้
ถึงจะบอกมาอย่างนั้นแต่บนโลกมนุษย์หาได้มีนักบวชชั้นสูงที่เดินขวักไขว่กันเป็นเวลาเล่นแบบในห้วงเวลาฯบังสวรรค์
ที่นี่มีเพียงมนุษย์ธรรมดาผลกระทบที่เกิดจากการเล่นเพลงนี้แม้จะเทียบไม่ได้กับของจริงแต่ก็ยังส่งผลต่อผู้ที่ได้ยินอย่างมหาศาล
นอกจากนั้นซูจิ้งยังใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไปกระตุ้นให้เหรียญตราเทวฑูตแสดงอำนาจของมันออกมา ส่งผลให้เพลงนี้ดูศักดิ์สิทธิ์กว่าที่ควรจะเป็นจึงทำให้ทุกคนต้องยอมคุกเข่า
“ลำนำแห่งพระเจ้า” ช่างเป็นชื่อที่ท้าทายสวรรค์จริงๆ แต่ก็ถือได้ว่าเหมาะสมสุดๆเช่นกัน
“ฉันจะจำเพลงนี้ไว้จนวันตายเลย”
“พี่จิ้งเล่นอีกซิ ฉันยังฟังไม่จุใจเลย”
“เอาไว้ค่อยย้อนไปฟังที่หลังแล้วกันนะ เดี๋ยงบนอินเตอร์เน็ตก็คงจะมีหล่ะ ไม่ก็กดรีเพย์ไปพลางก่อนละกัน”
สิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังจากเพลงนี้ถูกอัพขึ้นอินเตอร์เน็ตไว้ก็คือทั้งเพลง “ภูผาสูงและสายน้ำไหลริน” และเพลง “ลำนำแห่งพระเจ้า” ได้ส่งไปให้คนในวงการเพลงฟัง นั่นทำให้เพลงนี้ติดลิสต์รายชื่ออย่างรวดเร็วจนกระทั่งต้องแข่งอันดับกันเองในลิสต์รายชื่อยอดนิยม
ถ้าเทียบกันจริงๆแล้วเพลงลำนำแห่งพระเจ้านั้นน่ากลัวที่สุดแล้ว เพราะเมื่อเพลงนี้มีคนได้ยินคนที่ได้ยินก็จะคุกเข่าคุกเข่าเสร็จก็จะบอกความน่าอัศจรรย์ต่อไปยังคนอื่นให้ลอง และวนไปอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนนำโด่งมาอย่างรวดเร็ว
แต่ในไม่ช้าเพลงภูผาสูงและสายน้ำไหลรินก็ค่อยๆตามมาในเวลาชั่วโมงครึ่งเพลงนี้ก็ขึ้นมาเป็นเพลงลำดับที่ห้าของรายการแต่ก้ยังแพ้ลำนำแห่งพระเจ้าที่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
ทุกคนในห้องของซูจิ้งต่างก็ตกใจทันทีที่ได้ยินข่าวแม้แต่แฟนคลับของซูจิ้งก็ตกใจไม่แพ้กันจนกระทั่งพวกเขารู้สึกยินดีจนต้องกระหน่ำส่งรางวัลในช่องแชทอย่างไม่เคยมีมาก่อนจนทำให้ระบบข้อความในห้องสตรีมล่มเป็นที่เรียบร้อย