บทที่ 438 สมรภูมิสายธารโลหิตทวนฟ้า

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อพูดจบ หลิงว่านจุนจึงดึงหลิงฟ่างหัวกลับเข้าไปในร่างของมังกรยักษ์พร้อมกันกับเขาทันที

จากนั้นเขาก็เริ่มออกคำสั่ง “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม การต่อสู้ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้น!”

เมื่อคนอื่นได้ยินคำสั่งนี้ หัวใจของเหล่าทหารก็เริ่มบีบรัดและเจตจำนงแห่งการสังหารของพวกเขาก็เข้มข้นขึ้น

“พี่สี่ต้องการให้ข้าทำอะไร?” หลิงฟ่างหัวถาม

หลิงว่านจุนพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรอก ก่อนหน้านี้ข้าได้วางแผนไว้ให้เกาหยูและหลูหลิงเป็นหน่วยหน้าไว้สำหรับเปิดเส้นทางไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงฟ่างหัวพูดอย่างไม่มีความสุข “นี่ท่านดูถูกข้าเหรอไง? ไม่รู้แหละ ในเมื่อข้าอุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วท่านจะต้องให้ข้าช่วยอะไรท่านบ้างนะพี่สี่!”

หลิงว่านจุนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “เฮ้อ เอางั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จงช่วยพวกเขาเปิดทางให้กับพี่ด้วยก็แล้วกัน!”

หลิงฟ่างหัวพูดอย่างพอใจ “ต้องแบบนี้สิ! ฮึ่ม เดี๋ยวท่านคอยดูผลงานอันน่าประทับใจของข้าได้เลย!”

หลังจากนั้นหลิงว่านจุนก็ไม่สนใจนางอีกต่อไป เขาหยิบธงรบโลหิตจักรพรรดิออกมาและเปิดใช้งานมันทันที

จากนั้นกองทหารของอาณาจักรหลงซานก็สัมผัสได้ทันทีว่ามังกรตัวใหญ่ที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นได้เปล่งเจตจำนงแห่งการสังหารออกมาอย่างรุนแรง ราวกับว่ามังกรตัวใหญ่ตัวนี้ได้ตื่นขึ้นมาอย่างแท้จริง

“น้องห้า เกาหยู หลูหลิง ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะได้ออกโรง! ส่วนคนอื่น ๆ จงฟัง! พวกเจ้าทุกคนจงเริ่มใช้ค่ายกลมังกรยมโลกหลุดพันธนาการ!” หลิงว่านจุนตะโกน

ด้วยคำสั่งของหลิงว่านจุน มังกรขนาดมหึมาก็แยกออกมาเป็นมังกรนับสิบตัว จากนั้นมันก็พุ่งไปข้างหน้าตามรูปแบบกระบวนทัพ และในเวลาเดียวกัน เกาหยู หลูหลิง และ หลิงฟ่างหัวก็ออกมาจากปากมังกร

เมื่อออกมาจากปากมังกรแล้ว ร่างของเกาหยูก็ขยายขึ้นสูงถึง 7 เมตร จากนั้นเขาก็อ้าปากกว้างและดูดทหารของอาณาจักรหลงซานที่อยู่ตรงหน้าเขา ส่งผลให้ค่ายกลรบของอาณาจักรหลงซานถูกพลังดูดนี้ฉีกออกจากกันทันที และบรรดาทหารมากมายก็ลอยเข้าไปในปากของเกาหยูอย่างรวดเร็ว และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

วิชาปีศาจศักดิ์สิทธิ์กลืนกินได้แสดงอำนาจของมันต่อโลกอีกครั้ง ซึ่งเป็นการย้ำเตือนถึงความน่ากลัวของเกาหยูให้กับเหล่าทหารของอาณาจักรหลงซานได้เห็น

ในเวลาเดียวกัน หลูหลิงเองก็โบกมือไปทางด้านหน้าของเขา ซึ่งในขณะที่เขาโบกมือหมอกพิษก็แพร่กระจายออกจากร่างกายของเขาและพุ่งกระจายออกไปบริเวณข้างหน้าเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ทหารกลุ่มใหญ่ของอาณาจักรหลงซานก็ล้มลงดิ้นตายอย่างทรมาน

ในตอนนี้ ราชาปีศาจและราชาพิษ ได้เริ่มสำแดงพลังแห่งความน่าสยดสยองของพวกเขาให้โลกได้เห็นอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งแล้ว…

ทางด้านของหลิงฟ่างหัว เมื่อนางมองไปที่เกาหยูที่อยู่ทางซ้ายของนาง และหลูหลิงที่อยู่ทางขวา นางก็พยักหน้าอย่างพอใจแต่ไม่ได้ตื่นตะลึงใด ๆ เนื่องจากว่านางเองก็เคยเห็นพวกเขาทั้งสองทำเช่นนี้มาก่อนแล้ว

จากนั้นนางก็หยิบประตูมิติของนางออกมาและเริ่มโคจรพลังวิญญาณของนางเองเข้าไปในประตู และหันมันไปยังทิศทางด้านหน้าของนางที่มีเหล่าทหารของอาณาจักรหลงซานรวมกลุ่มกันแน่น ซึ่งหลังจากที่นางโคจรพลังวิญญาณลงไปในประตูได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น รอยฉีกขาดของมิติยาว 3 ฟุตก็ปรากฏขึ้นที่กลางประตูมิติ

จากนั้นเมื่อรอยฉีกขาดของมิติปรากฏขึ้น หลิงฟ่างหัวก็ยิ่งเร่งการโคจรพลังวิญญาณของนางเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อควบคุมให้รอยฉีกขาดมันยาวและกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และส่งรอยแยกของมิตินี้เคลื่อนที่ออกไปจากประตูให้พุ่งไปยังเหล่าทหารของฝั่งตรงข้าม ซึ่งขนาดของรอยแยกเมื่อมันพุ่งออกจากประตูนั้นมันกลับใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ได้อีกจนมันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 40 เมตร!

ทางด้านของทหารของอาณาจักรหลงซานที่เผชิญกับรอยแยกนี้ที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วเกินใครจะหลบทัน พวกเขาทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในรอยแยกมิตินี้ทันที ซึ่งไม่มีใครรู้ได้ว่าพวกเขาถูกดูดหายไปอยู่ที่ไหน

จากนั้นรอยแยกนี้ก็เคลื่อนที่พุ่งไปข้างหน้าได้ประมาณ 60 เมตรก่อนที่มันจะค่อย ๆ หายไป

เมื่อเห็นภาพความโหดร้ายเช่นนี้ เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็พูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเป็นห่วง “สามีกลิ่นอายสังหารของฟ่างหัว ดูเหมือนว่ามันจะเข้มข้นเกินไป!”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “นี่คือสงคราม สิ่งที่นางทำไม่มีอะไรผิดปกติ! ทั้งสองฝ่ายต่างจำเป็นต้องใช้ทุกวิธีในการเอาชนะกัน หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือหากคนเหล่านั้นไม่ตายมันก็จะเป็นเราที่ต้องตายแทน ดังนั้นเจ้าจะไปกังวลอะไร?”

“ข้ากังวลว่านางจะฆ่าคนมากเกินไป!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อ อธิบาย

“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล นางจะไม่มีปัญหาใด ๆ” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

เย่ชิงเฉิงยิ้มและพูดว่า “น้องเฟ่ยเอ๋อ เจ้ายังไม่เคยเห็นสงครามที่แท้จริง บางครั้งผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังเพียงคนเดียวก็สามารถสังหารผู้คนได้ไม่น้อยกว่าล้านคน”

เย่ชิงเฉิงที่เกิดในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นได้เห็นการต่อสู้มามากกว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อและคนอื่น ๆ บางครั้งแม้แต่คลื่นกระแทกของพลังวิญญาณที่แพร่ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจจากการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสองคนก็สามารถทำลายล้างผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียงเฟ่ยเอ๋อจึงยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ

ทางด้านของโจวจื่อซินก็ถามขึ้นบ้างว่า “สามี ทำไมท่านไม่เรียกให้ว่านจุนและคนอื่น ๆ กลับมา และให้ข้าจัดการคนพวกนี้ทั้งหมดทีเดียวไปเลยล่ะ? แบบนั้นพวกเราจะได้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอะไรมากมาย”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร ยิ่งเจ้ามีส่วนร่วมน้อยมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น ทุกสงครามมีกฎบางอย่างที่ไม่ควรฝ่าฝืน มันไม่ใช่ว่าหากใครต้องการจะลงมือทำอะไรก็ลงมือได้เลยโดยไม่สนใจอะไร ถ้าเป็นเช่นนั้นบนโลกนี้มันก็คงเหลือแค่เพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเหลือรอดอยู่เพียงคนเดียวในโลกไปแล้ว และยิ่งด้วยที่เจ้าได้เริ่มต้นเส้นทางการบ่มเพาะของเจ้าที่ข้าถ่ายทอดให้ไปแล้ว เจ้ายิ่งต้องหลีกเลี่ยงการสังหารให้ได้มากที่สุด เจ้าไม่เหมือนกับเกาหยูและคนอื่น ๆ ซึ่งพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงผลจากการสังหารของพวกเขาได้”

โจวจื่อซินถอนหายใจและไม่พูดอะไรต่อ

นางแน่ใจว่าหากนางปล่อยดอกบัวปีศาจกระหายโลหิตออกไป ทหารของฝั่งตรงข้ามนับล้านที่มาจากอาณาจักรหลงซานนั้นนางคงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำในการส่งพวกเขาไปเกิดใหม่จนหมด

เมื่อได้ยินการสนทนาเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็เหลือบมองไปยังบรรดาผู้หญิงที่อยู่รอบกายของหลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจปนสงสัย

นางเคยเห็นความสามารถของมี่ไล และ หลิวเฟ่ยเฟ่ยมาก่อนแล้ว

แล้วความสามารถของคนอื่นเป็นอย่างไร? น้องสาวคนนี้แข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันที่ถึงขนาดกล้าเอ่ยออกมาว่าจะสังหารกองทัพที่อยู่ตรงหน้านับล้านนี้ได้ทั้งหมดด้วยมือของนางเอง?

นอกจากนี้นางยังได้ค้นพบความแปลกประหลาดของลูกคนอื่น ๆ ของหลิงตู้ฉิงเช่นกัน

นางเคยเห็นร่างเงาของหลิงเทียนหยุนมาก่อนที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ในตอนนั้นนางว่านางเองก็รู้สึกประหลาดใจมากแล้วเนื่องจากความสามารถของเขามันคล้ายกับความสามารถของพวกปีศาจเงา และที่สำคัญมันแปลกและดีกว่าของพวกปีศาจเงาอีกด้วยซ้ำ

แล้วพอมาตอนนี้ลูกสาวคนหนึ่งของหลิงตู้ฉิงกลับสามารถกระตุ้นให้เกิดรอยแยกของมิติที่น่ากลัวจนเพียงพอที่จะสังหารคนลงได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าความเข้าใจในพลังมิติของนางนั้นทรงพลังเหนือล้ำเพียงใด

ในฐานะคนที่มาจากภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ นางเข้าใจชัดเจนเป็นอย่างมากว่าความสามารถเช่นนี้มันเหนือล้ำแค่ไหน และด้วยทั้งหมดในตอนนี้ที่นางเห็น ซึ่งอันที่จริงแล้วหากให้เทียบมันก็เหมือนเป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร มันเพียงพอที่จะทำให้นางรู้สึกตกตะลึงได้เป็นอย่างมาก

ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน สถานการณ์ในสนามรบก็พลิกผันอีกครั้ง กองทัพที่แข็งแกร่งนับล้านของอาณาจักรหลงซานในตอนนี้ได้ล้อมกรอบกองทัพมังกรของหลิงว่านจุนเพื่อสังหารเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อมังกรขนาดมหึมาแยกร่างออกเป็นมังกรตัวขนาดย่อม ๆ เป็นสิบตัวและพุ่งกระจายออกไปโจมตีกองทัพของอาณาจักรหลงซานที่ล้อมรอบอยู่ กองทัพนับล้านก็ถูกฉีกออกไม่เป็นชิ้นดีโดยมังกรที่แยกย้ายกันทำลายล้างไปทั่วทุกทิศทาง

จากนั้นมังกรที่แยกจากกัน 2-3 ตัว ในบางครั้งเมื่อพวกมันอยู่ใกล้กันพวกมันก็กลับเข้ารวมร่างกันและบดขยี้กองทัพฝ่ายศัตรูร่วมกันต่อ จนกลายเป็นภาพอันแปลกประหลาดที่มังกรนับสิบตัวเหล่านี้บางทีก็รวมร่างกัน บางทีก็แยกร่างกันสลับไปมาเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ไม่ว่าภาพที่เกิดขึ้นมันจะพิสดารมากขนาดไหน ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือยิ่งเวลาผ่านไปจำนวนของกองทัพนับล้านของอาณาจักรหลงซานก็ถูกลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ในตอนนี้สนามรบทั้งหมดเต็มไปด้วยลำแสงสีเลือดที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายกับพวกมันคือสายธารโลหิตที่ไหลขึ้นทวนไปยังสรวงสวรรค์

“อืม…ในที่สุดว่านจุนก็สำเร็จขั้นที่สองของการแปลงร่างมังกรศักดิ์สิทธิ์ ‘มังกรยมโลกหลุดพันธนาการ’ ! ” หลิงตู้ฉิงมองไปที่สนามรบและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ