สะพานอุดรใหม่ยามค่ำคืน ก็เหมือนกับที่อื่นของจิงตูในค่ำคืนฤดูร้อน ซึ่งเต็มไปด้วยความร้อนอบอ้าว บนพื้นดินทุกที่มีคนโบกพัดกันไม่หยุด คนจำนวนมากที่มืออีกข้างไม่ได้ถือพัดอยู่ก็ยังถือถุงใส่น้ำแข็งอีกด้วย เฉินฉางเซิงรออยู่เป็นเวลานานมาก ถึงจะหาโอกาสที่เหมาะสมได้ และพุ่งจากใต้ต้นไม้ไปจนถึงข้างบ่อ หลังจากนั้นก็กระโดดลงไป
ยังคงเป็นความรู้สึกร่วงหล่นที่คุ้นเคยนั่น ยังเป็นความหนาวที่เสียดแทงกระดูกเช่นนั้น ความร้อนอบอ้าวบนพื้นดิน ในที่ว่างใต้พื้นดินนี้ กลับหาไม่พบเลยแม้แต่เงา หิมะที่ทับถมหนาอยู่บนพื้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ที่นี่เป็นฤดูหนาวที่โหดร้ายมาโดยตลอด
มองดูมังกรดำที่เหมือนดั่งภูเขาค่อยๆ ลอยลงมา ถึงแม้จะเป็นภาพที่เคยเห็นมาหลายครั้งแล้วก็ตาม เฉินฉางเซิงก็ยังไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ของตนได้ เขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่บ้าง
มังกรดำลอยมาอยู่ที่ตรงหน้าเขา มองเขาลงมาจากด้านบน ความรู้สึกที่แสดงออกมาจากนัยน์ตามังกรคือความเย็นชาอย่างมาก มีเพียงเขาที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ภายในส่วนลึกสุดนั้นยังซ่อนความวุ่นวายใจกับความคับแค้นใจอยู่
หลังกลับจากเมืองสวินหยางมาถึงจิงตูแล้ว เขามาหามังกรดำเพียงครั้งเดียว เป็นเพราะช่วงนี้สำนักฝึกหลวงได้รับความกดดันอย่างมาก เขาเองก็ยุ่งนัก จึงไม่อาจจะปลีกตัวออกมาได้
รอยแผลที่อยู่ตรงหว่างคิ้วของมังกรดำนั่นก็น่าจะดีขึ้นแล้ว อย่างน้อยในตอนนี้ก็มองไม่เห็นปัญหาอะไร
เฉินฉางเซิงหยิบของกินที่เตรียมไว้อย่างพวกไก่ย่างแพะย่างออกมา และเก็บขยะที่อยู่บนพื้นพวกนั้นไปรอบหนึ่ง ตอนที่เตรียมตัวจะพูดขึ้นมา อยู่ๆ ก็มีสายลมเย็นระลอกหนึ่งพัดเข้ามาตรงหน้า
นั่นเป็นลมหายใจของมังกรดำ ภายในเต็มไปด้วยอานุภาพที่น่าหวาดกลัวและไอเย็น
ดวงจิตที่แข็งแกร่งสักแค่ไหน ก็ล้วนสามารถถูกลมหายใจมังกรที่เหน็บหนาวสายนี้พัดกระจาย
ลมหายใจของมังกรทองยักษ์ในตำนานก็สามารถที่จะหลอมละลายโลหะไปได้ เฉินฉางเซิงไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในตอนนี้ เขามั่นใจอย่างมาก ลมหายใจของมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งที่อยู่ในระดับเดียวกัน ก็สามารถที่จะแช่แข็งโลหะให้เป็นเศษฝุ่นอย่างแน่นอน เพราะว่าเขาในตอนนี้ก็ถูแช่แข็งไปแล้ว ไอเย็นเสียดกระดูก เจ็บปวดอย่างหาใดเปรียบ ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาถึงได้ทำลายน้ำแข็งออกมา แล้วพูดขึ้นโดยที่ยังมีความกลัวอยู่ “คราวหลังอย่าล้อเล่นเช่นนี้อีก”
เขาไม่รู้ว่าร่างกายของตนเคยอาบเลือดของมังกรดำมาก่อน ไม่เช่นนั้นลมหายใจเมื่อครู่นั่น ก็คงทำให้เขาแข็งตายไปแล้ว นั่นไม่ใช่การล้อเล่นเลย
ส่วนลึกของนัยน์ตาใหญ่ยักษ์ของมังกรดำมีความได้ใจอยู่ ในที่ว่างพลันมีเสียงหัวเราะจี๊ดๆ ดังสะท้อนขึ้นมา
เฉินฉางเซิงเคยชินกับเสียงหัวเราะที่แสนประหลาดนี้ของมังกรดำแล้ว เขาเล่าเรื่องที่สำนักฝึกหลวงได้เจอในช่วงนี้ให้มันฟัง และก็เป็นการอธิบายว่าทำไมช่วงนี้ถึงไม่ได้มาเป็นเวลานาน
มังกรดำค่อยๆ ร่อนลงบนพื้นตรงหน้าเขา บดบังแสงสว่างจากไข่มุกราตรีนับพันที่อยู่บนเพดาน
เฉินฉางเซิงอยู่ในเงามืด มองมันเป็นเวลานาน และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าวันนี้จะต้องถามหาคำตอบมาให้ได้
ในตอนแรกที่เอาเสี่ยงชีวิตมาถอดจิตเป็นครั้งแรก มองเห็นว่าตนกำลังจะตายอยู่แล้ว ผลสุดท้ายตอนที่ตื่นขึ้นมา เขากลับนอนอยู่บนเตียงในสำนักฝึกหลวง ไม่เพียงแต่ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย เขากลับได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งไปจนถึงพละกำลังและความเร็วของร่างกายในระดับที่ยากจะจินตนาการ
เขารู้ว่านี่จะต้องเกี่ยวข้องกับมังกรดำ ภายหลังก็ถามขึ้นมาอยู่หลายครั้ง แต่มังกรดำตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขา เมื่อได้ยินคำถามของเขา บางทีอาจจะรับรู้ได้ถึงการตัดสินใจของเขาในวันนี้ มังกรดำถึงได้ไม่เหมือนกับหลายครั้งก่อนนั้น ที่ใช้การมองข้ามดูหมิ่นเขา บางทีก็ใช้ลมหายใจมังกรดูหมิ่นเขา แต่กลับนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน
“เจ้าอยากจะรู้คำตอบจริงๆ หรือ” มังกรดำใช้ภาษาของมนุษย์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินฉางเซิงได้ยินมังกรดำพูดโดยใช้ภาษาของมนุษย์ ตอนแรกสุดเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงของมังกรดำถึงได้เหมือนกับเด็กสาวที่อารมณ์ร้าย ภายหลังถึงได้คิดตก ถึงแม้มังกรดำจะถูกหวังจือเช่อขังเอาไว้ใต้ดินนับร้อยปี แต่สำหรับเผ่ามังกรที่มีอายุขัยยาวนาน ที่จริงมันก็ยังอยู่ในช่วงหนุ่มสาว ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นมังกรเด็ก ก็น่าจะนับว่า…
เป็นมังกรสาวน้อยตัวหนึ่ง?
เฉินฉางเซิงพูดขึ้น “ข้าอยากจะรู้คำตอบ”
มังกรดำนิ่งเงียบเป็นเวลานานอีกครั้ง หลังจากนั้นก็บรรยายเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นขึ้นมารอบหนึ่ง
เฉินฉางเซิงถึงได้รู้ว่า ที่แท้ตนก็โชคดีถึงขนาดนี้
ผ่านไปนานมาก เขามองมังกรดำแล้วพูดขึ้น “ข้าควรจะขอบคุณท่านอย่างไรดี”
หลังจากการเดินทางไปสวนโจว เขาก็ไม่ค่อยเรียกมังกรดำอย่างเคารพแล้ว แต่ในตอนนี้ จิตใจของเขาไม่ค่อยสงบ ซึ่งเต็มไปด้วยความกลัวไปจนถึงความซาบซึ้งที่มีต่อมังกรดำ ดังนั้นจึงใช้คำว่าท่านด้วยความเคารพอย่างมาก
แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามังกรดำไม่อยากจะได้ยินคำนี้ ส่วนลึกของดวงตาพลันปรากฏความโกรธขึ้นมา
หลังจากนั้น มังกรดำไม่รู้ว่าคิดอะไร ความโกรธนั้นกลับกลายเป็นไม่พอใจ
ถ้าหากทักษะในบางด้านของเฉินฉางเซิงเฉียบคมกว่านี้สักหน่อย บางทีก็อาจจะมองเห็นถึงความเขินอายอยู่ในนั้น
ความหมายทั้งหมดที่อยู่ในส่วนลึกของดวงตามังกรดำ สุดท้ายก็ได้เปลี่ยนไปเป็นจิตสังหาร
เจ้าได้เลือดแรกของข้าไป แล้วยังจะถามข้าว่าจะขอบคุณข้าอย่างไร!
โลกเบื้องล่างพลันหนาวเหน็บอย่างหาใดเปรียบขึ้นมาในทันที หิมะบนพื้นฟุ้งกระจายขึ้นมา เกล็ดหิมะร่วงหล่นมาจากด้านบน ทุกที่ล้วนเป็นสีขาวโพลน
เสียงมังกรคำรามสายหนึ่งได้ตรงเข้าสู่ห้วงแห่งจิตของเฉินฉางเซิง
นั่นเป็นเสียงของนาง ครั้งนี้นางใช้ภาษามังกร
เสียงของนางเบาและชัดเจนอย่างมาก
อารมณ์ของนางเหน็บหนาวและรุนแรงอย่างมาก
เฉินฉางเซิงเกือบจะถูกทำให้หมดสติไป เมื่อย้อนนึกกลับไปถึงเสียงมังกรคำรามที่ได้ยินเมื่อครู่นั่น ถึงได้รู้ว่ามังกรดำกำลังพูดกับตน
ภาษามังกรเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในโลก และก็เป็นภาษาที่ง่ายที่สุด เสียงมังกรคำรามเสียงหนึ่งก็คือพยางค์เสียงหนึ่ง ในนั้นกลับประกอบด้วยท่วงทำนองจำนวนนับไม่ถ้วน สามารถที่จะเป็นความหมายหนึ่ง และก็สามารถกลายเป็นบทความใหญ่บทหนึ่ง
เฉินฉางเซิงตอนที่ยังเด็กมากๆ คัมภีร์เล่มสุดท้ายที่อ่านนั้น ก็เคยได้สัมผัสกับภาษามังกรมาก่อน หลังจากที่มายังจิงตู ก็เคยเรียนจากมังกรดำมาช่วงหนึ่ง แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถฟังเข้าใจได้ทั้งหมด
เขาพอจะฟังเข้าใจบางส่วนจากเสียงมังกรคำรามของมังกรดำนี้
“เลือด…เจ้า…ข้า…คำสัญญา…สาบาน…ทรยศ…อาย…โทษ…ตาย…คลัง…น้ำ…อ้วน…ครั้ง…”
นี่หมายความว่าอย่างไร เขาค่อนข้างจะมึนงง โดยเฉพาะคำว่าทรยศที่ผุดขึ้นในหัวนั่น ทำให้เขาสงสัยว่าตนได้ยินจริงๆ หรือ ตัวเขาได้เคยเรียนภาษามังกรมาจริงๆ หรือเปล่า
“ท่านอยากให้ข้าทำอะไรกันแน่”
เขาปัดเกล็ดหิมะที่อยู่บนร่างออก เดินไปที่ตรงหน้าของมังกรดำ และเงยหน้ามองขึ้นไป
มังกรดำยังคงมองเขาลงมาจากที่สูง ดวงตาที่ปราศจากอารมณ์ใด ค่อยๆ ปรากฏความเศร้าสลดกับความรู้สึกไม่เป็นธรรม
ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากให้เฉินฉางเซิงได้เห็น หรือเพราะว่ามันรู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ มันหลับตาลง พายุหิมะที่อยู่ด้านล่างก็หยุดลงไปด้วย
เฉินฉางเซิงมองมันแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณ”
เขาพูดอย่างซื่อตรง แต่มังกรดำก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ก็เหมือนกับที่เคยพูดที่สวนโจวกับในภูเขาหิมะนั่น มันรู้สึกว่าตอนที่เขาพูดสองคำนี้ออกมา ไม่ได้ใส่ใจ
ที่จริงเฉินฉางเซิงมองเห็นถึงความเศร้าสลดกับความรู้สึกไม่เป็นธรรมก่อนที่ดวงตามังกรจะปิดลง
เขาไม่ได้คิดเชื่อมโยงมาถึงตัวเขาเอง แต่กำลังคิดว่าถ้าหากเปลี่ยนเป็นมนุษย์กับเผ่าปีศาจดู มังกรดำก็น่าจะเป็นเด็กสาวที่โตประมาณลั่วลั่ว
เด็กสาวคนหนึ่งถูกผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์หลอกลวง ถูกขังเอาไว้ใต้ดินนับร้อยปี แน่นอนว่ามีสิทธิ์ที่จะรู้สึกไม่เป็นธรรม แน่นอนว่าจะต้องเศร้าสลด
เฉินฉางเซิงคิดว่าตัวเขาเข้าใจว่าทำไมมังกรดำก่อนหน้านี้ถึงได้แสดงความโกรธออกมา
ใช่แล้ว มังกรดำช่วยชีวิตของตน กระทั่งพูดได้ว่ามอบชีวิตใหม่ที่ดียิ่งกว่าให้กับตน แต่มันก็ถูกขังอยู่ที่ใต้ดินมาโดยตลอด ตนเคยรับปากมันไว้ ถ้าหากเป็นไปได้ จะคิดหาวิธีช่วยมันออกไป แต่ในครึ่งปีมานี้ตนทำอะไรไปบ้างล่ะ ตนเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม เมื่อครู่ตนถึงกลับถามไป ว่าจะขอบคุณมันเช่นไร…
เขาก้มหน้าเดินออกไปจากข้างตัวของมังกรดำ เดินไปทางความมืดยามราตรีที่ไกลออกไป หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หายไป
ในใจของเฉินฉางเซิงตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
มังกรดำไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่ก็รู้ว่าเขากำลังทำอะไร กลับไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
เงียบสงบ มีเพียงเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ไกลออกไป ดวงตาที่ปิดอยู่ของมังกรดำสั่นไหวไปรอบด้าน มีเกล็ดหิมะค่อยๆ ร่วงลงมา ดูเหมือนอยากจะลืมตา แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ลืมขึ้น
นางคิดอย่างเซื่องซึม สมแล้วที่มนุษย์นั้นทั้งไร้ยางอายและไร้ความสามารถ เมื่อเจอกับเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เจอกับบุญคุณที่รับไม่ไหว ก็คิดแต่จะหลบหนี บางทีก็ยังโต้เถียงอย่างน่ารังเกียจ
สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง
เช่นนั้น อยากไปก็ไปเถิด
วันนี้ข้าไม่อยากอาหาร ไม่อยากกินเนื้อคน
แต่ถ้าหากครั้งหน้าเจ้ามาอีก แล้วยังพูดเพียงแค่ขอบคุณ แต่ไม่ยอมเอาอาหารจากโรงอาหารของสำนักฝึกหลวงมาให้ข้าชิม ข้าจะต้องกลืนเจ้าลงท้องแน่
ใช่ เมื่อครู่ตอนที่เฉินฉางเซิงบรรยายเรื่องที่เกิดขึ้นกับสำนักฝึกหลวงในช่วงนี้ ก็ไม่ลืมที่จะพูดถึงเรื่องถังซานสือลิ่วเปลี่ยนหอเฉิงหูมาเป็นโรงอาหารของสำนักฝึกหลวง
เมื่อนางได้ยินคำว่ากุ้งมังกรสีคราม ก็นึกถึงตอนที่ยังเด็กได้ไปเที่ยวเล่นกับบิดาที่ทางตะวันตก ในที่ว่ายน้ำอยู่ใต้ทะเลอย่างเบื่อๆ ก็จะจับกุ้งมังกรสีคราวเข้าปากมาเคี้ยวเป็นของว่าง หลังจากที่นางขึ้นแผ่นดินมาจนถึงโลกมนุษย์ พบว่าทางใต้ก็มีมนุษย์ที่ชอบกินอาหารที่เหมือนกัน ดูเหมือนจะเรียกว่าหมากสง?
อยู่ๆ มังกรดำก็ได้สติขึ้นมา ในใจคิดว่าตนถูกขังนานเกินไปแล้วหรือ ทำไมถึงได้เหม่อลอยง่ายขนาดนี้ นาทีก่อนยังเตรียมจะด่าเจ้าผู้ชายทรยศ นาทีถัดมาทำไมถึงได้คิดถึงเรื่องของว่างกัน
หลังจากนั้นนางก็ได้ยินเสียงกระแทกดังมาจากที่แสนไกลด้านหลังของตน ดังนั้นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
นางเป็นมังกรยักษ์น้ำค้างแข็ง ไอเย็นที่อยู่ในดวงตา สามารถทำให้ทั่วทั้งโลกรู้สึกถึงความหวาดกลัว ไม่รู้เพราะเหตุใด ในตอนนี้ถึงมีความอบอุ่นขึ้นมา
เสียงกระแทกที่มาจากที่แสนไกล นั่นเป็นเพราะร่างของมังกรดำนั้นใหญ่โตเป็นอย่างมาก ร่างกายก็เหมือนกับภูเขาก็ไม่ปาน
เฉินฉางเซิงในตอนนี้อยู่ที่หน้ากำแพงหินที่ใหญ่โตอย่างหาใดเปรียบนั่น ทดลองที่จะถอดโซ่ที่ขังมังกรดำอยู่
น่าอัศจรรย์อย่างมาก โซ่ทั้งสองเส้นนั้นไม่ได้ใหญ่โตนัก อย่างน้อยเมื่อเทียบกับร่างของมังกรดำ แต่มังกรดำกลับไม่สามารถที่จะหลุดพ้นไปได้
ก่อนหน้านี้เฉินฉางเซิงเคยลองมาก่อน เขารู้ว่าต่อให้เป็นกระบี่ไร้ราคีที่ถูกหอความลับสวรรค์ประเมินว่าแหลมคมเป็นเอก ก็ยังไม่สามารถตัดโซ่เส้นนี้ให้ขาดได้
เพราะคมกระบี่ของกระบี่ไร้ราคี ไม่อาจสัมผัสกับตัวโซ่ได้ ด้านนอกของตัวโซ่ มีไอพลังปราณที่มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ แต่กลับมีอยู่อย่างแท้จริงคลุมเอาไว้
ที่ในตอนนี้ตรงกำแพงมีเสียงกระแทกดังขึ้น เป็นเพราะเขากำลังทุบชั้นน้ำแข็งหนาที่อยู่ตรงที่โซ่ฝังเข้าไปในกำแพง
โซ่กับค่ายกลที่สามารถขังมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งเอาไว้ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาในตอนนี้จะสามารถทำลายได้ และที่ว่าหนทางนับหมื่นลี้เริ่มต้นจากใต้ฝ่าเท้า เขาก็ต้องเริ่มเดินก้าวแรก
ก้าวแรกคือการวิเคราะห์
ยิ่งวิเคราะห์ เขาก็ยิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน