ตอนที่ 1024 - จ้าวสวนตำรา

The Divine Nine Dragon Cauldron

ลู่จือยี่ผู้ยังกังขาถือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ในมือและตัดต้นไม้ดำสนิทที่อยู่ใกล้ๆ
  ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์นั้นแข็งแกร่งและทนทานเกิดรอยฟาดที่รากของต้นไม้สูงพันศอกขนาดยักษ์
  ตำราแห่งชีวิตเหนือต้นไม้นี้เสียฐานรากมันเริ่มถล่มลงมา มันกลายเป็นกองเถ้าเมื่อจมถึงพื้น แหลกสลายไปตามสายลม
  ไม่นานต้นไม้ขนาดมหึมาได้กลายเป็นความว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงหลุมลึกที่แสดงว่าต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งเคยตั้งอยู่ ณ ที่นั้น
  “ต้นเดียวพอหรือไม่?”
  ลู่จือยี่มองซือหยู
  ซือหยูยิ้มอย่างมีเลศนัย
  “ต้นเดียวจะไปพอรึ!”
  มังกรอสูรห้าตัวร้องคำรามออกมาพวกมันร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะสัมผัสต้นไม้ใดต้นไม้และตำราแห่งชีวิตจะกลายเป็นความว่างเปล่า แค่พริบตาเดียวมังกรอสูรหนึ่งตัวก็โค่นไปราวแปดต้น
  มังกรทั้งห้าพุ่งทะยานไปพร้อมกันเพียงไม่นานต้นไม้สูงร้อยศอกราวห้าสิบต้นก็ได้โค่นลงสู่พื้น เหลือไว้เพียงหลุมลึกเป็นเครื่องบ่งบอกความเสียหาย
  ด้วยความเป็นจ้าวเทวะระดับแปดอย่างลู่จือยี่ประสบการณ์ชีวิตของบุคคลในอดีตไม่สำคัญต่อนางนัก
  แต่สำหรับยอดฝีมือคนอื่นพวกมันคือสมบัติล้ำค่าพอ ๆ กับรางวัลที่จะได้จากแดนมณี การทำลายเช่นนี้ไม่แตกต่างจากการทำลายโอกาสของคนอื่น
  ซือหยูยิ้มโดยไม่พูดอะไรเขายังคงใช้วิชามังกรเก้าอสูรโค่นต้นไม้ต่อไปเรื่อย ๆ
  ลู่จือยี่จ้องมองซือหยูนางไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อใจเขา นางไม่ใช้แค่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ แต่นางใช้ใบไม้ทองคำทั้งหมดอีกด้วย นางซัดไปยังทุกทิศทางพร้อมกัน
  โครม!
  ต้นไม้แห่งชีวิตพากันโค่นล้มไปตามๆ กันจากการกระทำอันอุกอาจของทั้งสอง ถ้าหากมีใครเห็นพวกเขาก็คงจะกัดฟันด้วยความแค้นกับสิ่งที่พวกเขาทำเป็นแน่แท้
  ปั้ง…
  ในตอนนั้นเองเสียงสั่นสะเทือนเบา ๆ ดังขึ้น ราวกับว่ามีบางสิ่งพุ่งเข้ามาอย่างไร้เสียง
  “เจ้าผู้มาเยือนเจ้าจะพอได้หรือยัง?”
  เสียงโพล่งมาจากความว่างเปล่า
  ลู่จือยี่มองรอบๆ ด้วยความตกใจ
  “ใครน่ะ?ออกมานะ!”
  ซือหยูทำเป็นไม่ได้ยินเขาพูดโดยไม่หันกลับไปมอง
  “ถ้าเจ้าฉลาดพอก็อย่ามายุ่งกับเรื่องของดินแดนมีดสวรรค์!”
  ดินแดนมีดสวรรค์เรอะ?ลู่จือยี่สับสน และจากนั้นความคิดหนึ่งก็ได้แล่นเข้ามาทันที
  “ตำราแห่งชีวิตไม่มีประโยชน์กับดินแดนมีดสวรรค์แน่นอนว่าพวกข้าต้องทำลายมัน มิเช่นนั้นคนอื่นก็จะได้ผลประโยชน์!”
  ลู่จือยี่เล่นตามน้ำด้วยสีหน้าเย็นชาไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์และใบไม้สีทองในมือนางโบกสะบัดอีกครั้ง มันทำลายต้นไม้แห่งชีวิตไปนับไม่ถ้วน
  เสียงนั้นดังขึ้นมาอีก
  “ผู้มาเยือนอย่าพวกเจ้าทุกคนมันโลภมากเห็นแก่ตัวหรือยังไง?ต่อให้มันไม่มีประโยชน์กับพวกเจ้า พวกเจ้าก็เลือกที่จะทำลายแทนที่จะให้คนอื่นได้ประโยชน์งั้นเรอะ?”
  ซือหยูหยุดและหรี่ตาเหลือบมองรอบๆ
  “ข้าจะบอกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย!ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็จงอย่ามายุ่งกับดินแดนมีดสวรรค์! พวกข้าสองคนเป็นแค่แนวหน้า กองทัพที่เหลือกำลังจะตามมา ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
  สายลมหยุดเคลื่อนคล้อยทันทีกลิ่นอายพลังดุดันแผ่มาถึงพวกเขาพร้อมกับจิตสังหาร
  ฟึ่บ! novel-lucky
  วายุลูกหนึ่งปรากฏเหนือจุดที่ต้นไม้ถูกโค่นตำราเล่มเล็กที่มีสีขาวและสีน้ำเงินลอยอยู่บนวายุ
  ผู้มาใหม่หาใช่มนุษย์แต่เป็นตำราประหลาด
  “ตำรารึ?เจ้ามันตัวบ้าอะไรกัน?”
  ซือหยูเลิกคิ้วเขาผงะเล็กน้อย
  เสียงโกรธเกรี้ยวดังมาจากตำราสามสี
  “ข้าคือผู้ปกป้องที่นี่!คนอย่างพวกเจ้าเรียกข้าว่าจ้าวสวนตำรา!!”
  อะไรนะ!จ้าวสวนตำรารึ? ทั้งซือหยูและลู่จือยี่ตกใจกลัว ในแววตาดูกระวนกระวาย
  “เป็นไปไม่ได้!จ้าวสวนตำราในตำนานไม่เคยปรากฏตัวแก่ผู้ใด ไม่ว่าตำราแห่งชีวิตจะถูกชิงเอาไปมากแค่ไหนจ้าวสวนตำราก็ไม่สน!”
  ลู่จือยี่ตกใจมาก
  ตำราสามสีกล่าวด้วยความเหยียดหยาม
  “แน่นอนว่าข้าจะไม่ออกมาถ้าพวกเจ้าแค่เปิดอ่านตำราแห่งชีวิตแต่พวกเจ้าจงใจทำลายมัน ส่งผลกระทบต่อส่วนรวม ข้าจะไม่ออกมาได้เรอะ?”
  ลู่จือยี่ยังคงระแวง
  “แล้วทำไมไม่มีใครเคยเห็นตัวตนของเจ้าเล่า?”
  จิตสังหารแผ่ออกมาจากตำราสามสี
  “เพราะข้าจะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีคนตั้งใจทำลายสวนตำราเท่านั้น!และทุกคนที่ทำลายสวนตำราก็ตายอยู่ที่นี่เพราะข้า พวกมันกลายเป็นต้นไม้แห่งชีวิตไปหมดแล้ว เจ้ารู้หรีอยังล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครเคยเจอข้า?”
  ก็เพราะว่าทุกคนที่เคยเห็นมันนั้นตายหมดแล้ว  ซือหยูกับลู่จือยี่ขนลุกทั้งสองทำให้จ้าวสวนตำราต้องปรากฏตัว มันทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายมากกว่าจ้าวสวนบุพผา
  จ้าวสวนบุพผานั้นเป็นดอกไม้ซึ่งดอกไม้ย่อมไร้ความปรารถนาในการสังหาร แต่จ้าวสวนตำราได้อ่านประสบการณ์ชีวิตของยอดฝีมือมานับไม่ถ้วน จ้าวสวนตำรารู้เรื่องทางโลกมากจนเป็นอิสระจากพันธนาการความรู้สึก
  อย่างมากการสังหารก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาโดยเฉพาะกับวายร้ายอาจหาญที่ชั่วช้าอย่างซือหยูที่ตั้งใจมาทำลายสวนตำรา
  “เจ้าคิดว่าดินแดนมีดสวรรค์คือกลุ่มเดียวในกัลป์นี้ที่มาทำลายสวนตำราเพื่อไม่ให้คนอื่นได้เติบโตต่อไปรึ?พวกเจ้าไม่คิดเลยรึว่าทำไมสวนตำราถึงยังคงมีอยู่ได้จนตอนนี้?”
  เสียงของจ้าวสวนตำราดังก้อง
  แน่นอนว่าถ้ามีดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ในจิวโจวมันคงจะถูกกลุ่มกองกำลังสักแห่งยึดครองและให้ศิษย์ของตัวเองได้เข้าถึงเท่านั้น และก็จะไม่มีกลุ่มกำลังใดได้รับผลประโยชน์จากมัน
  แต่สวนตำรายังคงมีตัวตนมาได้จนถึงวันนี้มันแสดงถึงความแปลกประหลาด และเรื่องประหลาดนั่นก็คือผู้ปกป้องสวนตำรา จ้าวสวนนั่นเอง จ้าวสวนตำราคือผู้ที่ป้องกันการทำลายล้างสวนตำรา แต่ละครั้งที่ปรากฏตัว นั่นย่อมเป็นการเริ่มต้นของการสังหารคนจำนวนมาก!
  ลู่จือยี่ถอยช้าๆ ด้วยสายตาหวาดกลัว
  “ศิษย์พี่พวกเราน่าจะมีปัญหาแล้ว!”
  ซือหยูดูหวาดกลัวเช่นกัน
  “ขอความช่วยเหลือจากสำนักเดี๋ยวนี้!ไม่ว่าจ้าวสวนตำราจะแข็งแกร่งยังไง มันก็มีแค่คนเดียว!”
  ทั้งสองหนีเอาชีวิตรอดทันที
  จ้าวสวนตำราพูดอย่างไร้ความรู้สึก
  “ข้าไม่ได้ฆ่าใครมาหลายพันปีแล้วในที่สุดพวกเจ้าก็ลืมข้าไป!”   จิตสังหารพุ่งทะยานเสียดฟ้า
  จ้าวสวนถอนหายใจอย่างเยือกเย็นและจ้องมองทิศทางที่ซือหยูหนีรอยแยกมิติฉีกขาดข้างจ้าวสวน มันหันเข้าไปยังรอยแยกมิติ
  ซือหยูกับลู่จือยี่ยังไปได้ไม่กี่ร้อยลี้ก่อนที่รอยแยกมิติจะฉีกออกตรงหน้าพวกเขา
  “ไม่นะ!”
  ลู่จือยี่อุทานด้วยความตกใจนางคว้าตัวซือหยูและถอยทันที
  ปั้ง!
  คลื่นพลังอสูรเนรมิตรทะลวงออกมาจากความว่างเปล่ามันเกือบจะฆ่าทั้งคู่
  “สู้มัน!พอความช่วยเหลือจากสำนักมาถึงเมื่อไหร่ พวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้!”
  ซือหยูตะโกนร้องเขาสะบัดมือขว้างพู่กันห้าด้ามออกไป พู่กันทั้งห้ามีสีที่แตกต่างกัน
  พู่กันลอยขึ้นมันปล่อยลำแสงห้าสีออกมาปกคลุมมุมนภา แสงเหล่านี้ปิดน่านฟ้าเอาไว้ ตำราสามสีถูกค่ายกลปิดผนึกและออกมาจากรอยแยกมิติไม่ได้
  จ้าวสวนตะโกน
  “ค่ายกลแข็งแกร่งนัก!อสูรเนรมิตรขั้นแรกยังถูกขังได้ระยะหนึ่ง!”
  มันมองซือหยูอย่างเย็นชาจิตสังหารมิได้จางหายกลับเข้มข้นขึ้น
  “เจ้าเตรียมตัวมาดี!พวกดินแดนมีดสวรรค์!”
  แท้จริงแล้วมันไม่รู้ว่านี่คือค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุที่ถูกซือหยูควบคุมให้ปล่อยพลังออกมาเพียงหนึ่งในสิบการขังและบีบอัดจ้าวสวนจนตายไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันคือหนึ่งในไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของซือหยู!