ลู่จือยี่ผู้ยังกังขาถือไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ในมือและตัดต้นไม้ดำสนิทที่อยู่ใกล้ๆ
ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์นั้นแข็งแกร่งและทนทานเกิดรอยฟาดที่รากของต้นไม้สูงพันศอกขนาดยักษ์
ตำราแห่งชีวิตเหนือต้นไม้นี้เสียฐานรากมันเริ่มถล่มลงมา มันกลายเป็นกองเถ้าเมื่อจมถึงพื้น แหลกสลายไปตามสายลม
ไม่นานต้นไม้ขนาดมหึมาได้กลายเป็นความว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงหลุมลึกที่แสดงว่าต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งเคยตั้งอยู่ ณ ที่นั้น
“ต้นเดียวพอหรือไม่?”
ลู่จือยี่มองซือหยู
ซือหยูยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ต้นเดียวจะไปพอรึ!”
มังกรอสูรห้าตัวร้องคำรามออกมาพวกมันร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะสัมผัสต้นไม้ใดต้นไม้และตำราแห่งชีวิตจะกลายเป็นความว่างเปล่า แค่พริบตาเดียวมังกรอสูรหนึ่งตัวก็โค่นไปราวแปดต้น
มังกรทั้งห้าพุ่งทะยานไปพร้อมกันเพียงไม่นานต้นไม้สูงร้อยศอกราวห้าสิบต้นก็ได้โค่นลงสู่พื้น เหลือไว้เพียงหลุมลึกเป็นเครื่องบ่งบอกความเสียหาย
ด้วยความเป็นจ้าวเทวะระดับแปดอย่างลู่จือยี่ประสบการณ์ชีวิตของบุคคลในอดีตไม่สำคัญต่อนางนัก
แต่สำหรับยอดฝีมือคนอื่นพวกมันคือสมบัติล้ำค่าพอ ๆ กับรางวัลที่จะได้จากแดนมณี การทำลายเช่นนี้ไม่แตกต่างจากการทำลายโอกาสของคนอื่น
ซือหยูยิ้มโดยไม่พูดอะไรเขายังคงใช้วิชามังกรเก้าอสูรโค่นต้นไม้ต่อไปเรื่อย ๆ
ลู่จือยี่จ้องมองซือหยูนางไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อใจเขา นางไม่ใช้แค่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ แต่นางใช้ใบไม้ทองคำทั้งหมดอีกด้วย นางซัดไปยังทุกทิศทางพร้อมกัน
โครม!
ต้นไม้แห่งชีวิตพากันโค่นล้มไปตามๆ กันจากการกระทำอันอุกอาจของทั้งสอง ถ้าหากมีใครเห็นพวกเขาก็คงจะกัดฟันด้วยความแค้นกับสิ่งที่พวกเขาทำเป็นแน่แท้
ปั้ง…
ในตอนนั้นเองเสียงสั่นสะเทือนเบา ๆ ดังขึ้น ราวกับว่ามีบางสิ่งพุ่งเข้ามาอย่างไร้เสียง
“เจ้าผู้มาเยือนเจ้าจะพอได้หรือยัง?”
เสียงโพล่งมาจากความว่างเปล่า
ลู่จือยี่มองรอบๆ ด้วยความตกใจ
“ใครน่ะ?ออกมานะ!”
ซือหยูทำเป็นไม่ได้ยินเขาพูดโดยไม่หันกลับไปมอง
“ถ้าเจ้าฉลาดพอก็อย่ามายุ่งกับเรื่องของดินแดนมีดสวรรค์!”
ดินแดนมีดสวรรค์เรอะ?ลู่จือยี่สับสน และจากนั้นความคิดหนึ่งก็ได้แล่นเข้ามาทันที
“ตำราแห่งชีวิตไม่มีประโยชน์กับดินแดนมีดสวรรค์แน่นอนว่าพวกข้าต้องทำลายมัน มิเช่นนั้นคนอื่นก็จะได้ผลประโยชน์!”
ลู่จือยี่เล่นตามน้ำด้วยสีหน้าเย็นชาไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์และใบไม้สีทองในมือนางโบกสะบัดอีกครั้ง มันทำลายต้นไม้แห่งชีวิตไปนับไม่ถ้วน
เสียงนั้นดังขึ้นมาอีก
“ผู้มาเยือนอย่าพวกเจ้าทุกคนมันโลภมากเห็นแก่ตัวหรือยังไง?ต่อให้มันไม่มีประโยชน์กับพวกเจ้า พวกเจ้าก็เลือกที่จะทำลายแทนที่จะให้คนอื่นได้ประโยชน์งั้นเรอะ?”
ซือหยูหยุดและหรี่ตาเหลือบมองรอบๆ
“ข้าจะบอกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย!ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็จงอย่ามายุ่งกับดินแดนมีดสวรรค์! พวกข้าสองคนเป็นแค่แนวหน้า กองทัพที่เหลือกำลังจะตามมา ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ!”
สายลมหยุดเคลื่อนคล้อยทันทีกลิ่นอายพลังดุดันแผ่มาถึงพวกเขาพร้อมกับจิตสังหาร
ฟึ่บ! novel-lucky
วายุลูกหนึ่งปรากฏเหนือจุดที่ต้นไม้ถูกโค่นตำราเล่มเล็กที่มีสีขาวและสีน้ำเงินลอยอยู่บนวายุ
ผู้มาใหม่หาใช่มนุษย์แต่เป็นตำราประหลาด
“ตำรารึ?เจ้ามันตัวบ้าอะไรกัน?”
ซือหยูเลิกคิ้วเขาผงะเล็กน้อย
เสียงโกรธเกรี้ยวดังมาจากตำราสามสี
“ข้าคือผู้ปกป้องที่นี่!คนอย่างพวกเจ้าเรียกข้าว่าจ้าวสวนตำรา!!”
อะไรนะ!จ้าวสวนตำรารึ? ทั้งซือหยูและลู่จือยี่ตกใจกลัว ในแววตาดูกระวนกระวาย
“เป็นไปไม่ได้!จ้าวสวนตำราในตำนานไม่เคยปรากฏตัวแก่ผู้ใด ไม่ว่าตำราแห่งชีวิตจะถูกชิงเอาไปมากแค่ไหนจ้าวสวนตำราก็ไม่สน!”
ลู่จือยี่ตกใจมาก
ตำราสามสีกล่าวด้วยความเหยียดหยาม
“แน่นอนว่าข้าจะไม่ออกมาถ้าพวกเจ้าแค่เปิดอ่านตำราแห่งชีวิตแต่พวกเจ้าจงใจทำลายมัน ส่งผลกระทบต่อส่วนรวม ข้าจะไม่ออกมาได้เรอะ?”
ลู่จือยี่ยังคงระแวง
“แล้วทำไมไม่มีใครเคยเห็นตัวตนของเจ้าเล่า?”
จิตสังหารแผ่ออกมาจากตำราสามสี
“เพราะข้าจะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีคนตั้งใจทำลายสวนตำราเท่านั้น!และทุกคนที่ทำลายสวนตำราก็ตายอยู่ที่นี่เพราะข้า พวกมันกลายเป็นต้นไม้แห่งชีวิตไปหมดแล้ว เจ้ารู้หรีอยังล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครเคยเจอข้า?”
ก็เพราะว่าทุกคนที่เคยเห็นมันนั้นตายหมดแล้ว ซือหยูกับลู่จือยี่ขนลุกทั้งสองทำให้จ้าวสวนตำราต้องปรากฏตัว มันทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายมากกว่าจ้าวสวนบุพผา
จ้าวสวนบุพผานั้นเป็นดอกไม้ซึ่งดอกไม้ย่อมไร้ความปรารถนาในการสังหาร แต่จ้าวสวนตำราได้อ่านประสบการณ์ชีวิตของยอดฝีมือมานับไม่ถ้วน จ้าวสวนตำรารู้เรื่องทางโลกมากจนเป็นอิสระจากพันธนาการความรู้สึก
อย่างมากการสังหารก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาโดยเฉพาะกับวายร้ายอาจหาญที่ชั่วช้าอย่างซือหยูที่ตั้งใจมาทำลายสวนตำรา
“เจ้าคิดว่าดินแดนมีดสวรรค์คือกลุ่มเดียวในกัลป์นี้ที่มาทำลายสวนตำราเพื่อไม่ให้คนอื่นได้เติบโตต่อไปรึ?พวกเจ้าไม่คิดเลยรึว่าทำไมสวนตำราถึงยังคงมีอยู่ได้จนตอนนี้?”
เสียงของจ้าวสวนตำราดังก้อง
แน่นอนว่าถ้ามีดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ในจิวโจวมันคงจะถูกกลุ่มกองกำลังสักแห่งยึดครองและให้ศิษย์ของตัวเองได้เข้าถึงเท่านั้น และก็จะไม่มีกลุ่มกำลังใดได้รับผลประโยชน์จากมัน
แต่สวนตำรายังคงมีตัวตนมาได้จนถึงวันนี้มันแสดงถึงความแปลกประหลาด และเรื่องประหลาดนั่นก็คือผู้ปกป้องสวนตำรา จ้าวสวนนั่นเอง จ้าวสวนตำราคือผู้ที่ป้องกันการทำลายล้างสวนตำรา แต่ละครั้งที่ปรากฏตัว นั่นย่อมเป็นการเริ่มต้นของการสังหารคนจำนวนมาก!
ลู่จือยี่ถอยช้าๆ ด้วยสายตาหวาดกลัว
“ศิษย์พี่พวกเราน่าจะมีปัญหาแล้ว!”
ซือหยูดูหวาดกลัวเช่นกัน
“ขอความช่วยเหลือจากสำนักเดี๋ยวนี้!ไม่ว่าจ้าวสวนตำราจะแข็งแกร่งยังไง มันก็มีแค่คนเดียว!”
ทั้งสองหนีเอาชีวิตรอดทันที
จ้าวสวนตำราพูดอย่างไร้ความรู้สึก
“ข้าไม่ได้ฆ่าใครมาหลายพันปีแล้วในที่สุดพวกเจ้าก็ลืมข้าไป!” จิตสังหารพุ่งทะยานเสียดฟ้า
จ้าวสวนถอนหายใจอย่างเยือกเย็นและจ้องมองทิศทางที่ซือหยูหนีรอยแยกมิติฉีกขาดข้างจ้าวสวน มันหันเข้าไปยังรอยแยกมิติ
ซือหยูกับลู่จือยี่ยังไปได้ไม่กี่ร้อยลี้ก่อนที่รอยแยกมิติจะฉีกออกตรงหน้าพวกเขา
“ไม่นะ!”
ลู่จือยี่อุทานด้วยความตกใจนางคว้าตัวซือหยูและถอยทันที
ปั้ง!
คลื่นพลังอสูรเนรมิตรทะลวงออกมาจากความว่างเปล่ามันเกือบจะฆ่าทั้งคู่
“สู้มัน!พอความช่วยเหลือจากสำนักมาถึงเมื่อไหร่ พวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้!”
ซือหยูตะโกนร้องเขาสะบัดมือขว้างพู่กันห้าด้ามออกไป พู่กันทั้งห้ามีสีที่แตกต่างกัน
พู่กันลอยขึ้นมันปล่อยลำแสงห้าสีออกมาปกคลุมมุมนภา แสงเหล่านี้ปิดน่านฟ้าเอาไว้ ตำราสามสีถูกค่ายกลปิดผนึกและออกมาจากรอยแยกมิติไม่ได้
จ้าวสวนตะโกน
“ค่ายกลแข็งแกร่งนัก!อสูรเนรมิตรขั้นแรกยังถูกขังได้ระยะหนึ่ง!”
มันมองซือหยูอย่างเย็นชาจิตสังหารมิได้จางหายกลับเข้มข้นขึ้น
“เจ้าเตรียมตัวมาดี!พวกดินแดนมีดสวรรค์!”
แท้จริงแล้วมันไม่รู้ว่านี่คือค่ายกลดับสวรรค์ห้าธาตุที่ถูกซือหยูควบคุมให้ปล่อยพลังออกมาเพียงหนึ่งในสิบการขังและบีบอัดจ้าวสวนจนตายไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันคือหนึ่งในไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของซือหยู!