บทที่ 100 ตีได้ดีเยี่ยม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1

บทที่ 100 ตีได้ดีเยี่ยม โดย Ink Stone_Romance

เธอมิได้ปรานี กัวเซี่ยนเฉี่ยวหน้าคะมำลงกับพื้น

กัวเซี่ยนเฉี่ยวโตจนป่านนี้ ที่ผ่านมาก็ได้แต่รังแกผู้อื่น ใครหน้าไหนจะมารังแกนางได้? มิใช่เพราะคนในหมู่บ้านเหยาสุ่ยต่างหวาดกลัวนาง หากแต่เป็นเพราะนางมักรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า เด็กที่วิ่งหนีไปหลบนางเช่นเจินเจิน พูดไม่คล่อง ไหนเลยจะไปฟ้องว่าถูกรังแกได้ อีกทั้งไปฟ้องแล้วอย่างไร? นางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง!

ต่อให้นำเรื่องไปบอกบิดามารดาของนาง ให้พวกเขาสั่งสอนนาง พวกเขาก็ไม่มีทางลงไม้ลงมืออยู่ดี!

เป็นเพราะเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน พฤติกรรมของกัวเซี่ยนเฉี่ยวจึงไร้เหตุผลขึ้นทุกวัน นางมั่นใจว่าอวี๋หวั่นจะไม่ตีนาง แต่ใครจะไปคิดว่าอวี๋หวั่นไม่เพียงตีนาง ทว่ายังตีนางอย่างแรง

อวี๋หวั่นไม่เพียงดึงนางลงกับพื้นแล้วจบเรื่อง

เห็นว่าอวี๋หวั่นร่างอรชรเช่นนี้ แต่เธอสามารถดึงร่างจ้ำม่ำของกัวเซี่ยนเฉี่ยวได้อย่างง่ายดาย คว้าหมับ แล้วดึงลงพื้น! จับนางไว้ แล้วก็ดึงนางอีก จนกัวเซี่ยนเฉี่ยวที่ล้มลงถึงกับร้องไห้ออกมา!

ในตอนแรกกัวเซี่ยนเฉี่ยวมีเพียงความโกรธและความเจ็บปวด แต่หลังจากที่นางเห็นสายตาอันเยียบเย็นของอวี๋หวั่น รังสีอำมหิตที่กำจายออกมาทำให้นางพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

นางร้องไห้พลางเอ่ยปากบริภาษ และร้องเรียกให้อวี๋เฟิงช่วย

ป้าไป๋แค่นเสียง “ช่วยอะไรรึ? ต้องสั่งสอนให้นางหลาบจำ!”

เจินเจินเป็นเด็กที่ว่าง่าย อายุสองขวบเพิ่งเดินได้ อายุสามขวบก็เพิ่งหัดพูด อ่อนแอกว่าเด็กคนอื่นๆ แม้แต่เด็กที่ดื้อที่สุดในหมู่บ้านยังรู้ว่าควรปกป้องนาง แต่กัวเซี่ยนเฉี่ยวผู้นี้กลับเลือกรังแกเจินเจิน หากเก่งจริง ก็ไปสู้กับสือโถวสิ!

ป้าไป๋ได้แต่กลอกตาร้อยตลบอยู่ในใจ

เมื่อชาวบ้านโดยรอบได้ยินคำบอกเล่าของเด็กๆ ก็รู้สึกว่าแม่นางสกุลกัวผู้นี้ไม่ไหวเอาเสียเลย เจินเจินและเถี่ยตั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง นางอยู่ที่บ้านของพวกเขา กินข้าวบ้านพวกเขา แต่กลับมารังแกคนบ้านพวกเขาอีก จิตใจทำด้วยอะไร?

“ไอ้หยาๆ อาหวั่นพอแล้ว! พ่อแม่นางมาแล้ว!” ป้าจางรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวจากฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน

ป้าไป๋กล่าวกับอวี๋เฟิงว่า “ถอยออกมา ถอยออกมา!”

“รบกวนท่านป้าช่วยข้าอุ้มเจินเจินสักครู่” อวี๋เฟิงส่งเจินเจินให้ป้าไป๋ แล้วเดินไปดึงอวี๋หวั่นออกมา มืออีกข้างหนึ่งก็จับกัวเซี่ยนเฉี่ยวเอาไว้

บัดนี้กัวเซี่ยนเฉี่ยวตัวสั่นระริกประหนึ่งผักโขมในเหมันต์ฤดู นางห้อยอยู่ที่แขนอวี๋เฟิง ร้องไห้สะอึกสะอื้น

กัวต้าโย่วและตู้จินฮวาได้ยินเสียงบุตรสาวร้องไห้เสียงดังดุจหมูร้อง ก็รีบกระวีกระวาดเข้ามา ลุงใหญ่ก็ตามมาติดๆ เพียงแต่แข้งขาของเขาไม่ค่อยดีนัก จึงถูกทิ้งให้เดินตามอยู่ด้านหลัง

“เฉี่ยวเอ่อร์” เมื่อตู้จินฮวาเห็นบุตรสาวร้องโฮ ก็รุดเข้าไปรับบุตรสาวมาจากอวี๋เฟิง เมื่อเห็นว่านางเนื้อตัวเปรอะเปื้อน ผมเผ้ายุ่งเหยิง และดูเหมือนว่าจมูกจะเขียวและใบหน้าบวมด้วย โทสะก็พลุ่งพล่านขึ้นมา “ผู้ใดทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้!”

กัวเซี่ยนเฉี่ยวกลัวสุดขีด ไม่กล้าแม้แต่จะสาธยายเหตุการณ์

กัวต้าโย่วโมโห “บอกพ่อ! ใครรังแกเจ้า!”

เป็นพ่อไม่รู้หรือว่าลูกสาวนิสัยเป็นอย่างไร? พูดออกมาได้ว่าใครรังแกนาง ไยไม่ถามว่าเหตุใดนางจึงถูก ‘รังแก’ เล่า?

ชาวบ้านต่างเบะปาก เดาได้ไม่ยากว่านางได้นิสัยเช่นนี้มาจากผู้ใด

“เจ้าทำให้เฉี่ยวเอ่อร์เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?” เมื่อบุตรสาวไม่ยอมเปิดปากพูด ตู้จินฮวาจำต้องเค้นเอาความจากอวี๋เฟิง

อวี๋เฟิงอยากบอกว่า ‘ไม่ใช่ข้านะ…’

ลุงใหญ่ตามมาทันพอดี เขามองไปยังกัวเซี่ยนเฉี่ยว แล้วก็มองไปยังอวี๋หวั่นและอวี๋เฟิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง “เกิดอะไรขึ้น?”

อวี๋เฟิงจึงตอบว่า “นางรังแกเจินเจินและเถี่ยตั้น…”

ยังมิทันพูดจบ ลุงใหญ่ก็ตบเข้าที่ด้านหลังศีรษะของอวี๋เฟิง “เจ้าก็เลยตีเฉี่ยวเอ่อร์รึ? นางยังไม่รู้ความ! เจ้าเป็นพี่ใหญ่ประสาอะไร? อายุยี่สิบกว่าแล้ว ยังจะมาเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเด็กเล็ก!”

อวี๋เฟิงผู้ซึ่งรับเคราะห์เรื่องนางเจียง และยังต้องมาถูกใส่ความแทนอวี๋หวั่น “…”

ไม่ใช่เขาสักหน่อย!

ลุงวั่นยกไม้เท้าขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ข้าเลี้ยงเจ้ามาให้รังแกน้องหรืออย่างไร! เด็กทะเลาะกัน เจ้าเข้ามาทำให้แย่กว่าเดิม! เก่งนักหรืออย่างไร!”

อวี๋เฟิงช่างน่าสงสาร เป็นเพราะใบหน้าซื่อๆ ของเขาหรืออย่างไร? เมื่อไรที่เกิดเรื่องขึ้น คนที่ถูกเค้นเอาความคนแรกก็คือเขา!

“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้ทำ!” อวี๋เฟิงกำลังจะก้าวเท้าวิ่งหนีออกไป!

ลุงใหญ่ตามไปตีเขาได้ทัน “ยังจะมาเถียงอีก! หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร! เด็กเล็กเช่นนี้เจ้ายังทำได้ลงคอ! นางไม่ประสีประสา เจ้าเองก็ไม่ประสีประสาเหมือนกันรึ?”

“ท่านลุงใหญ่ ไม่ใช่พี่ใหญ่หรอก เป็นข้าเอง” อวี๋หวั่นก้าวออกไปด้านหน้า

ไม้เท้าของลุงใหญ่ชะงักทันที “เจ้า?”

อวี๋หวั่นพยักหน้า “เป็นข้าเอง นางรังแกเจินเจินกับเถี่ยตั้น ข้าโกรธมากจึงลงมือ หากท่านจะลงโทษ ก็ลงโทษข้าเถอะ”

สีหน้าของลุงใหญ่เปลี่ยนไปภายในชั่วพริบตา “ทำดีแล้ว”

อวี๋หวั่น “…”

อวี๋เฟิง “?!”

คนอื่นๆ “?!?!?!”

ชาวบ้านแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด!

สองสามีภรรยาสกุลกัวนึกว่าตนเองฟังผิดไป เด็กนั่นสารภาพเองว่าตีเฉี่ยวเอ่อร์ของพวกเขา อวี๋ไคหยางกลับพูดว่าอย่างไรนะ? ทำดีแล้วรึ?

ทว่ากับบุตรชายกลับไม่กล่าวเช่นนี้! สรุปแล้วใครเป็นบุตรแท้ๆ ของเขากันแน่?!

“พี่เขย! เรื่องนี้ท่านต้องจัดการให้พวกเรา!” กัวต้าโย่วเหยียดหลังตรง

ตู้จินฮวาพยักเพยิด “ใช่แล้ว! นางรังแกเฉี่ยวเอ่อร์จนเป็นเช่นนี้! วันนี้ท่านต้องสั่งสอนนาง!”

ลุงใหญ่ผู้ซึ่งเมื่อครู่โมโหปานจะกินเลือดกินเนื้อบุตรชาย พลันใจเย็นลงได้ในชั่วลัดนิ้วมือเดียว “ลูกสาวพวกเจ้าก็รังแกลูกสาวข้า พวกเจ้าก็จะจัดการให้ข้าหรือ?”

ตู้จินฮวาสะอึกไป “ฉะ…ฉะ…เฉี่ยวเอ่อร์…ยังเด็กอยู่”

ลุงใหญ่กล่าวอย่างไม่อับอายว่า “อาหวั่นบ้านข้าก็ยังเด็กอยู่”

ตู้จินฮวาแทบจะกระอักเลือด!

กัวต้าโย่วโกรธจัด พี่เขยผู้นี้เป็นคนใจเย็น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพูดกับเขาเช่นนี้ วันนี้เกิดอะไรขึ้น ใครไปยั่วโทสะเขากัน!

 กัวต้าโย่วกล่าวอย่างวางก้าม “คนแซ่อวี๋! ข้ามาที่บ้านเจ้าก็เพราะเห็นแก่หน้าเจ้า! อย่าคิดว่าข้าจำต้องพึ่งพาเจ้า! หากเจ้าไม่จัดการเรื่องนี้ วันนี้ไม่จบง่ายๆ แน่!”

ลุงใหญ่อุทานว่า ‘โอ้’ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ที่จริงแล้ว พวกเจ้าจะไม่อยู่บ้านข้าก็ย่อมได้”

สองสามีภรรยาถึงกับตะลึงงัน “…”

อะไรกัน?

พวกเขาถูกไล่แล้วหรือนี่?!

………………………………………..