ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 509 เยี่ยนจ้าวเกอฝ่ายธรรมมะ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูกระแสน้ำขนาดเล็กที่กระจ่างใสสายนั้นอยู่เช่นกัน

เมื่อได้ยินคำถามของฟู่เอินซู ชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อย “ของที่ข้าได้มาจากทะเลรางเลือนต้องรีบใช้โดยเร็ว โดยใช้กับหยดน้ำพิรุณนี้”

ขณะที่พูด เขาก็เคลื่อนไหวมืออย่างต่อเนื่อง ยังคงกวนคลื่นใต้น้ำในทะเลลึก

จนถึงตอนสุดท้าย กระแสน้ำสกปรกก็ค่อยๆ สลายไป คลื่นใต้น้ำของทั้งสามทะเลที่มารวมตัวกัน ผสมกันกลายเป็นน้ำวนที่เปล่งประกายจางๆ สายหนึ่ง

หยดน้ำพิรุณที่ก้นน้ำวนกลายเป็นกระแสน้ำสายเล็กไหลซ่าๆ อยู่บริเวณก้นทะเลอย่างเงียบเชียบ ทอดยาวไปยังที่ไกลออกไป

ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอจะเก็บเตากลืนดิน ไม่กวนคนทะเลเอง แต่สายน้ำสายนี้ก็ยังคงอยู่

ฟู่เอินซูมองดูสายน้ำที่เกิดจากหยดน้ำพิรุณ นางรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย ‘ทิศทางที่สายน้ำสายนี้ไหลไป คล้ายกับอยู่บนเส้นเขนแดนของทะเลจิตประสานและทะเลเต่าทะยาน’

นางมองจอมยุทธ์เกาะจิตประสาน จากนั้นก็มองจอมยุทธ์สำนักคืนวิญญาณที่อยู่ด้านข้าง แล้วถามเยี่ยนจ้าวเกอว่า “เด็กน้อยชั่วร้าย เจ้าวางกับดักผู้อื่นอีกแล้วเหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ป้าฟู่กล่าวอะไรกัน สายน้ำนี้ยังมีประโยชน์สำหรับข้าอยู่ แต่ใช้เสร็จเมื่อไรก็เมื่อนั้น มันเกิดจากสภาพแวดล้อมของพื้นที่บริเวณนี้ ข้านำมันไปไม่ได้ ทิ้งไว้ที่นี่ก็นับว่าเป็นผลประโยชน์ให้กับคนที่นี่ การมายังโลกผืนสมุทรจะได้ไม่เสียเปล่า”

ฟู่เอินซูเหลือบมองเขา เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มขึ้น “ที่บอกว่าข้าเป็นผู้สืบทอดสำนักปราชญ์ปีศาจอะไรนั่น เป็นสำนักจิตประสานพูดกันไปเอง”

“สายน้ำสายนี้วางอยู่ที่นี่อย่างชัดเจน สำนักคืนวิญญาณจะให้เกาะจิตประสานหรือไม่”

ชายหนุ่มกล่าว “ตามที่ข้าทราบ วิชาสร้างอาวุธสายหลักของโลกผืนสมุทร ก็คือวิชากลั่นสำริดชุบเพลิง หยดน้ำพิรุณนี้มีประโยชน์ต่อวิชานี้มาก”

“ทว่าสายน้ำที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสามทะเลไม่อาจแบ่งกันได้ คิดจะแย่งน้ำไว้คนเดียว ต้องมีภาชนะพิเศษ ไม่เช่นนั้นอยากเอาไปก็เอาไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินว่า โลกผืนสมุทรไม่มีของสิ่งนี้”

“คนของที่นี่คิดจะใช้ ได้แต่ต้องมาที่สายน้ำสายนี้”

ฟู่เอินซูขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทั้งสองสำนักอาจจะบรรลุข้อตกลงในการใช้สายน้ำร่วมกันก็ได้”

“แต่ตามคำกล่าวของเจ้า หยดน้ำพิรุณนี้สามารถเพิ่มระดับการสร้างอาวุธของเกาะจิตประสานและเกาะคืนวิญญาณได้ นี่อาจจะทำให้พวกเขาแกร่งขึ้น กลับเป็นผลดีต่อเกาะจิตประสาน”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “พูดเช่นนั้นก็ถูกเช่นกัน แต่สถานการณ์ตามความเป็นจริงใช่ว่าจะสะดวกเช่นนั้น”

“หมู่บ้านสองหมู่บ้านทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะแย่งแหล่งน้ำมีให้พบเห็นบ่อยๆ ทรัพยากรที่ติดอยู่บนเขตแดนเช่นนี้ ไม่มีใครยอมปล่อยไปโดยง่ายแน่”

“การชนะทั้งสองฝ่ายย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า กระนั้นหากมีโอกาส ผู้คนก็คิดจะยึดเป็นของตัวเองอยู่ดี”

มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอยกโค้งเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อข้าเข้าไปในน้ำแล้ว จะทำให้สารสำคัญด้านในถูกทำลายไปมาก”

“หลังจากข้าใช้เสร็จ ส่วนที่เหลืออยู่จะค่อยๆ สลายไปเอง นอกเสียจากว่าข้าจะมาจัดการอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นหลังจากผ่านไปสักพัก สายน้ำสะอาดจะค่อยๆ แห้งเหือด กลับเป็นสายน้ำสกปรกตามเดิม”

“แต่ว่าในตอนนั้นก็พอจะทำให้เกาะจิตประสานกับสำนักคืนวิญญาณเกิดความขัดแย้งกัน ส่วนที่เหลืออยู่ในช่วงเวลานี้ ต่อให้อยู่ในมือเกาะจิตประสานทั้งหมด ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาเกิดการพัฒนาครั้งใหญ่ได้”

ฟู่เอินซูส่ายหน้าเผลอยิ้มขึ้นมา “ในท้องเจ้ามีแต่น้ำเน่า”

เยี่ยนจ้าวเกอกระแอม “อาจารย์ป้า ข้าเป็นฝ่ายธรรมมะนะ”

จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่ใกล้ๆ มองสายน้ำสะอาดไหลซ่าๆ ต่างก็เหม่อลอยกันอยู่ชั่วขณะ

ไม่ว่าจะเป็นเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะหรือหกพรรคมาร ต่างมีเคล็ดวิชาที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น สำนักใหญ่ที่มีประวัติยาวนานเหมือนกับเขากว่างเฉิง เขาไร้พรมแดน และสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในโลกแปดพิภพ ต่างขุดค้นอารยธรรมของบรรพบุรุษก่อนมหาภัยพิบัติ จากนั้นก็ผสมผสานกับความเข้าใจของตัวเอง เปิดเป็นมิติใหม่ในตอนท้าย

สำนักและพรรคใหญ่มีความรู้ไม่ธรรมดา ต่างตั้งใจขุดค้นอารยธรรมและวิชาของบรรพบุรุษ รวบรวมเบาะแสะทุกอย่างก่อนมหาภัยพิบัติ

ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหยดน้ำพิรุณด้วยตัวเอง แต่ว่าสำนักใหญ่ในโลกผืนสมุทรกลับเคยได้ยินถึงลักษณะเฉพาะและประโยชน์ของมันมาบ้าง

ในตอนนี้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอกวนทะเลให้กลายเป็นหยดน้ำพิรุณ จิตใจของทุกคนจึงสั่นสะเทือนอยู่ชั่วขณะ

คนของเกาะจิตประสานและสำนักคืนวิญญาณ หลังจากมองเห็นทิศทางที่สายน้ำทอดไป ขณะที่จิตใจสั่นสะท้าน ความคิดของแต่ละคนก็ทำงานขึ้นมา

ถ้าหากตนสามารถยึดครองสายน้ำสายนี้ไว้ได้นาน ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าจะยกระดับพลังของฝ่ายตนได้ขนาดไหน

ตามปกติแล้ว ยิ่งขุมกำลังสำนักใหญ่ๆ ทั้งหลายมีตำแหน่งทางภูมิศาสตร์อยู่ใกล้กันมากเท่าไร ก็ยิ่งขัดแย้งกันมากเท่านั้น เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ง่ายกว่าเพื่อนบ้านทั่วไป

ในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ ที่เกาะจิตประสานอยู่ใกล้กับบึงหมื่นกระบี่ สำนักคืนวิญญาณอยู่ใกล้วังผลึกวารี ก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล

ทะเลจิตประสานและทะเลเต่าทะยานอยู่ติดกัน ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาเกาะจิตประสานกับสำนักคืนวิญญาณมิได้มีความสัมพันธ์ปรองดองอันใด

ถึงขั้นกล่าวได้ว่า เป็นสำนักที่มีความแค้นเก่าแก่ ปกติในตอนที่ไม่มีการคุกคามที่เกิดจากหกพรรคมาร ก็มักจะเกิดความขัดแย้งกันไม่น้อย

ตอนนี้ตรงจุดตัดของสองทะเลปรากฏสายน้ำเช่นนี้ขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สองสำนักจะเกิดความคิดไม่น้อย

ทั้งสองฝ่ายต่างมองหน้ากันแวบหนึ่ง คล้ายกับเห็นอะไรบางอย่างที่เหมือนกันในดวงตาของอีกฝ่าย

“เป็นไปได้อย่างยิ่งว่านี่จะเป็นแผนร้ายของสำนักปราชญ์ปีศาจ คิดจะยุให้รำตำให้รั่ว พวกเราอย่าทำตัวขายหน้าต่อหน้าพรรคมาร” จอมยุทธ์เกาะจิตประสานเงยหน้าหัวเราะฮ่าๆ

จอมยุทธ์สำนักคืนวิญญาณหัวเราะแห้ง “ย่อมเป็นเช่นนั้น”

เพียงแต่ในใจทั้งสองฝ่ายคิดอย่างไร กลับมีแต่พวกเขาที่รู้

โดยเฉพาะคนของสำนักคืนวิญญาณ พวกเขามองเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่เอินซู จากนั้นก็มองคนของสำนักจิตประสาน อดพึมพำในใจไม่ได้

พวกเยี่ยนจ้าเกอใช่ผู้สืบทอดของสำนักปราชญ์ปีศาจ หนึ่งในหกพรรคมารจริงหรือไม่ ในตอนนี้ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ นั่นเป็นเพียงแค่การสรุปฝ่ายเดียวขอเกาะจิตประสานเท่านั้น

ไม่แน่ว่าจะเป็นยอดฝีมือโพ้นทะเลที่ปรากฏขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน เกาะจิตประสานมีความแค้นกับคนผู้นี้ กลับคิดลากผู้อื่นให้ร่วมหัวจมท้าย

จอมยุทธ์เกาะคืนวิญญาณค่อยๆ มั่นใจ เมื่อมีความขัดแย้งระหว่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอและเกาะจิตประสาน อีกฝ่ายก็ไม่มีความสามารถมาแย่งชิงสายน้ำหยดพิรุณกับสำนักตนได้อีกแล้ว

ขณะมองสายตาที่เปล่งประกายของจอมยุทธ์สำนักคืนวิญญาณ จอมยุทธ์เกาะจิตประสานก็สบถด่าในใจ

แต่ว่าพวกเขาก็มีความมั่นใจเป็นของตัวเอง หลังจากผู้ปกครองเกาะฟางข่านได้รับข่าวก็รีบมาทันที จะต้องเร็วกว่าเจ้าสำนักคืนวิญญาณที่ไม่ได้เตรียมตัวแน่นอน

พอถึงตอนนั้น หลังจากจัดการพวกเยี่ยนจ้าวเกอได้แล้ว เกาะจิตประสานของตนเองจะได้โอกาสแย่งชิงสายน้ำหยดพิรุณก่อน

พวกเขามองเยี่ยนจ้าวเกอ คิดในใจอย่างคับแค้น ‘ให้เจ้าทำตัวเหิมเกริมไปก่อน’

ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจ ว่าจอมยุทธ์สำนักคืนวิญญาณและจอมยุทธ์เกาะจิตประสานคิดอย่างไร เขาพยักหน้าให้กับฟู่เอินซู “อาจารย์ป้าฟู่รออีกเดี๋ยวหนึ่ง”

ฟู่เอินซูกล่าว “ทำตามใจเถอะ ถึงข้าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็คุ้มครองเจ้าได้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ไม่เป็นไรขอรับ ข้าใช้เวลาไม่นาน”

พูดจบ เยี่ยนจ้วเกอก็เคลื่อนไหวร่าง เขาคล้ายกับกลายเป็นลำแสง เข้าในในสายน้ำกระจ่างใสในน้ำทะเล

เมื่อเข้าไปในกระแสน้ำ หยดน้ำพิรุณเข้ามาเกาะร่าง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกถึงความสดชื่นโดยพลัน

เขาเปิดถุงย่อส่วน เคลื่อนย้ายเสาระเบียงวังเทพ รูปสลักหินที่ได้มาจากในข่ายอาคมที่ทะเลรางเลือนพลันลอยออกมาจากด้านใน

จุดลมปราณทั่วร่างของเยี่ยนจ้าวเกอมีปราณพิสุทธิ์หลายสายไหลออกมา ก่อนที่มันเติมเข้าไปในจุดลมปราณเดียวกันบนรูปสลักหิน ขณะเดียวกัน หยดน้ำพิรุณก็ถูกห่อหุ้มไว้ในปราณพิสุทธิ์ ไหลเข้าไปในรูปสลักหินพร้อมกัน

รูปสลักหินพลันสั่นไหวเล็กน้อย

เมื่อเวลาผ่านไป ผิวของรูปสลักหินก็ค่อยๆ แตกร้าว มีประกายที่เหมือนกับหยกสาดออกมาจากรอยแตก