ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 510 สู้ตัดสินที่ระเบียงสมุทร

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอร่างกลายเป็นลำแสง พุ่งเข้าไปในกระแสน้ำสะอาดที่เกิดจากหยดน้ำพิรุณ แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา

ทุกคนที่อยู่รอบๆ งงงัน ในตอนแรกจอมยุทธ์เกาะจิตประสานคิดว่าเยี่ยนจ้าวเกออาศัยพลังของสายน้ำแอบหนีไป

แต่เมื่อเห็นฟู่เอินซูยังคงอยู่ที่นี่ ทุกคนจึงตัดการคาดเดาก่อนหน้านี้ออก ตั้งใจสังเกตสายน้ำสะอาดสายนั้น ก่อนจะเห็นเงาคนสองคนยืนอยู่ด้านในอย่างเลือนราง

เงาคนสองคน?

ทุกคนมองหน้ากันเอง เกิดความรู้สึกสับสนเล็กน้อย

กระแสน้ำที่เกิดจากหยดน้ำพิรุณกระจ่างใสและสะอาดเหลือประมาณ แต่ว่าเงาสองเงานั้นคล้ายกับกลายเป็นลำแสง เห็นแค่เงาตะคุ่มเงาหนึ่งอยู่ในสายน้ำ ไม่อาจเห็นรูปร่างที่แท้จริงได้

จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรส่วนใหญ่มองหยดน้ำพิรุณด้วยความหวั่นไหว แต่กลับไม่กล้าเข้าใกล้

อย่าว่าแต่เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในสายน้ำมีสถานการณ์ไม่ชัดเจน ฟู่เอินซูที่อยู่ด้านข้างก็ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกว่า ต่อให้มีพลังก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วาม

หลังจากเวลาผ่านไป น้ำวนที่เปล่งประกายด้านบนยังคงก่อให้เกิดหยดน้ำพิรุณอย่างต่อเนื่อง เงาคนในสายน้ำพร่าเลือนมากขึ้น

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรยังไม่ทันได้สติกลับมา ดวงตาของฟู่เอินซูก็เคลื่อนไหวก่อนแล้ว

สายตาของนางมองไปยังที่ไกลออกไป เพราะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณทางผิวทะเล

เนิ่นนานให้หลัง จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่ที่นั่นก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่มาจากทางทิศทางนั้นเช่นกัน

บนใบหน้าของจอมยุทธ์สำนักคืนวิญญาณปรากฏความยินดีขึ้นมาก่อน

จอมยุทธ์เกาะจิตประสานถึงแม้จะรู้สึกยินดีเช่นกัน แต่ว่าบนใบหน้ากลับปรากฏสีหน้าโล่งอก

จอมยุทธ์จากขุมกำลังอื่น ซึ่งเป็นคนจากฝ่ายธรรมะ ต่างมีใบหน้ายินดี ส่วนคนที่มีใจให้พรรคมารกลับมีสีหน้าครุมเครือ

ส่วนจอมยุทธ์พเนจรล้วนมีสีหน้าฮึกเหิม เนื่องจากเรื่องสนุกที่เฝ้าคอยมานาน ในที่สุดก็จะเปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว

ไกลออกไป น้ำทะเลสั่นไหว คลื่นใต้น้ำพรั่งพรู คลื่นน้ำเหานือผิวน้ำซัดสาด เห็นอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่โตกำลังเข้ามาใกล้ได้อย่างเลือนราง

รอจนเห็นชัดแล้ว ก็ทราบว่านั่นคือมังกรเจียวหลงขนาดใหญ่จำนวนมาก บ้างมีเกล็ดสีดำ บ้างมีเกล็ดสีน้ำเงิน ขณะที่เกล็ดเปิดออก บนตัวก็มีพลังลมปราณอันยิ่งใหญ่ส่งมา

ตัวที่นำหน้าเป็นมังกรเจียวหลงสีแดง บนตัวเปล่งประกายสีเพลิงระยิบระยับ มองไปดูละลานตาเป็นพิเศษ

สิ่งที่ทำให้จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่มาชมการต่อสู้รู้สึกได้ถึงแรงกดดันก็คือ มังกรเจียวหลงขนาดยักษ์มากมายเหล่านี้ก็คือยอดฝีมือด้านวรยุทธ์จำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณอีกด้วย

อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องมาหลายคน แต่มังกรเจียวหลงฝูงนี้ก็มีพลังไม่ธรรมดาแล้ว

มังกรเจียวหลงสีแดงหนึ่ง สีดำสี่ สีน้ำเงินสี่ ฝ่าคลื่นน้ำมาถึงน่านน้ำระเบียงทะเลลึกอยู่เป็นแถวเดียว

ไม่ต้องดูอย่างอื่น ดูแค่มังกรเจียวหลงขนาดยักษ์เก้าตัว จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ ก็รู้ถึงสถานะของผู้มาแล้ว

หนึ่งในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ วังผลึกวารี

บนหลังของมังกรเจียวหลงเก้าตัว แยกกันนั่งไว้ด้วยจอมยุทธ์ที่ใส่อาภรณ์สีน้ำเงินดุจท้องทะเล มีทั้งบุรุษและสตรี

สายตาของฟู่เอินซูไม่มองคนอื่น เพียงมองชายชราผู้หนึ่งที่นั่งบนมังกรเจียวหลงตัวสีแดง เขาผู้นั้นคือผู้อาวุโสของวังผลึกวารีที่นำกลุ่มในครั้งนี้ เป็นยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ผู้มากประสบการณ์

ชายชรายืนอยู่ตรงนั้น คล้ายกับทะเลสีมรกต คล้ายกับไร้ขีดจำกัด ทำให้คนหยั่งคาดไม่ถึง

เมื่อเห็นชายชราผู้นี้ คนจำนวนมากในกลุ่มคนที่มาชมดูการต่อสู้ก็คารวะ “คารวะผู้อาวุโสต่ง”

ผู้อาวุโสต่งพยักหน้าเล็กน้อย คล้ายกับสัมผัสได้ สายตาของเขาจึงมองมาที่ฟู่เอินซู เขารู้สึกคุ้นตานางเป็นอย่างยิ่ง อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้

ฟู่เอินซูมองบุรุษในเสื้อคลุมสีน้ำเงินที่ยืนข้างผู้อาวุโสต่งอีกครั้ง เขามีผมสีน้ำเงินดุจมหาสมุทร และมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง

คนผู้นั้นย่อมเป็นหนึ่งในฝั่งที่มาท้าสู้ ‘มังกรน้ำเงิน’ จางฮ่าวเฉิงที่มาจากวังผลึกวารี และถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งในจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกของโลกผืนสมุทรในปัจจุบัน

บนหลังของมังกรเจียวหลงตัวอื่นยังมีจอมยุทธ์วังผลึกวารีคนอื่นอยู่ด้วย ในจำนวนนี้มีคนหนุ่มที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ แต่ถูกผู้อาวุโสพามาเปิดหูเปิดตา

ด้วยพลังฝึกปรือของฟู่เอินซู ยังสนใจพิจารณาจางฮ่าวเฉิง

ขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย ใบวิญญาณเก้าใบบานเป็นดอกไม้วิญญาณเก้าดอก บุคคลเช่นนี้ในแปดพิภพก็มีแค่ไม่กี่คนเช่นกัน

ในระดับหนึ่ง จำนวนของดอกไม้วิญญาณแสดงให้เห็นถึงระดับพลังในปัจจุบันของจอมยุทธ์ ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ลึกล้ำมากกว่าในอนาคตด้วย

แน่นอนว่าระดับพลังและศักยภาพซ่อนเร้นในตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้จากจะเหนือกว่าคนอื่น

ทว่าอย่างน้อย เทียบกับจอมยุทธ์ที่ใบวิญญาณแปดใบบานดอกไม้วิญญาณแปดดอก หรือใบวิญญาณเก้าใบบานดอกไม้วิญญาณแปดดอกแล้ว จางฮ่าวเฉิงที่ใบไม้วิญญาณเก้าใบบานดอกไม้วิญญาณเก้าดอก ย่อมมีจุดเริ่มต้นสูงกว่า และมีความหวังในการประสบความสำเร็จสูงกว่า

การยึดครองบัลลังก์อันดับหนึ่งของจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณถือเป็นข้อพิสูจน์หนึ่ง

ฟู่เอินซูพิจารณาจางฮ่าวเฉิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ละสายตา มองไปยังทิศทางของทะเลเรือนลาง

ผู้อาวุโสต่งแห่งวังผลึกวารีผู้นั้นมองสายน้ำที่มีหยดน้ำพิรุณ รวมถึงฟู่เอินซูอย่างสงสัย จากนั้นสายตาก็มองไปทางทะเลรางเลือนเช่นกัน

ผ่านไปสักพัก ก็มีจิตสังหารอันดุดันส่งมาจากทางทะเลรางเลือนที่อยู่ไกลออกไป

เจตจำนงดาบไร้รูปร่างผ่าน้ำทะเล มหาสมุทรเปิดออกเป็นทาง สายน้ำพากันหลบไปด้านข้าง ตรงกลางปรากฏเป็นเส้นทางสายหนึ่ง

จอมยุทธ์ชุดดำกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาแต่ไกล กลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงคล้ายกับกลายเป็นคมดาบยักษ์ไร้รูปร่างเปิดเป็นทางอยู่ด้านหน้า

หลังจากพวกเขาผ่านไปแล้ว น้ำทะเลจึงค่อยปิดลง กลับคืนสู่สะภาพเดิม

“คนของสำนักสังหารมังกรก็มาแล้วเช่นกัน” จิตใจของคนที่อยู่ฝ่ายธรรมะต่างสั่นสะท้าน ส่วนจอมยุทธ์ฝ่ายมารต่างเกิดความรู้สึกได้เอาคืน

ผู้นำของคนชุดดำ ก็คือบุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์สีดำผู้หนึ่งซึ่งไว้หนวดสามแฉก คาดดาบไว้ที่เอว สภาวะพลังไม่อ่อนด้อยกว่าผู้อาวุโสต่งแห่งวังผลึกวารีแม้แต่น้อย

ที่ด้านข้างเขาเป็นจอมยุทธ์ในชุดสีดำที่มีรูปร่างสูงใหญ่

จางฮ่าวเฉิงพอเห็นคนผู้นี้ก็พยักหน้าอย่างเรียบเฉย “ลี่เซิ่ง”

จอมยุทธ์เสื้อดำที่มีรูปร่างสูงใหญ่ก็คือ ‘ฟันเสาสวรรค์’ ลี่เซิ่งผู้ท้าสู้กับจางฮ่าวเฉิงในวันนี้ บุคคลที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสองในหมู่จอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกของโลกผืนสมุทร

ที่ด้านข้างของลี่เซิ่งมีจอมยุทธ์สำนักสังหารมังกรอยู่หลายคนเช่นกัน

บนโลกผืนสมุทรระหว่างธรรมะกับมารมีการพิพาทกันตลอดเวลา สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยรุนแรงนัก แต่ว่าการต่อสู้ตัดสินระหว่างยอดฝีมือระดับจางฮ่าวเฉิงและลี่เซิ่งมิใช่เรื่องธรรมดา วังผลึกวารีกับสำนักสังหารมังกรต่างให้ความสำคัญต่อกันและกันมาก ต่างฝ่ายต่างมียอดฝีมือและผู้อาวุโสมาดูแล

สายตาของคนในสำนักสังหารมังกรที่มองลี่เซิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ภายใต้การนำของผู้อาวุโสสำนักที่นำหน้า จอมยุทธ์สำนักสังหารมังกรหยุดฝีเท้าลง ส่วนลี่เซิ่งเดินต่อ แหวกฝูงชนออกมา

หลังจากลี่เซิ่งก้าวออกมาแล้ว ก็มีประกายดาบสีดำหลายสายพรั่งพรูออกมารอบๆ ตัวเขา แล้วเปล่งประกายกลางอากาศ

ประกายดาบผ่านไปที่ใด ก้นทะเลก็คล้ายกับพากันแหลกสลาย ดูไปน่ากลัวเป็นพิเศษ

จิตสังหารไร้สิ้นสุดกับกลิ่นอายอันดุร้ายทำให้คนมากมายที่อยู่รอบๆ ต้องกลั้นหายใจ

คนส่วนใหญ่มองประกายดาบที่น่ากลัวนั้น สูดลมหายใจเย็นเยียบพร้อมกัน “มิน่าถึงได้ท้าสู้จางฮ่าวเฉิง ที่แท้เขาฝึกท่าดาบป่นทำลาย ท่าดาบท่าที่หกในดาบเจ็ดทะเลสังหารมังกรสำเร็จแล้ว!”

ดาบเจ็ดทะเลฟันมังกรซึ่งเป็นวรยุทธ์ของสำนักสังหารมังกร ว่ากันว่ามีทั้งหมดเจ็ดท่าดาบ ท่าดาบสุดท้ายมีแต่จอมยุทศักดิ์สิทธิ์ถึงจะฝึกได้

เจ้าสำนักสังหารมังกรใช้ดาบสุดท้านนี้สยบเจ็ดทะเล สังหารสรรพสิ่ง ในมหาสงครามครั้งหนึ่งที่ผ่านมา ยังใช้พลังของท่าดาบนี้กดดันราชาแห่งวังผลึกวารี ถูกยกให้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกผืนสมุทร

นอกจากท่าดาบสุดท้ายแล้ว ท่าดาบเจ็ดทะเลฟันมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือท่าดาบท่าที่หก ทุกคนต่างทราบมาแต่ไหนแต่ไรว่ามีเพียงมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณเท่านั้นถึงจะฝึกสำเร็จ

แต่ว่าลี่เซิ่งในตอนนี้ยังอยู่ในขั้นกำเนิดญาณแท้ๆ กลับฝึกท่าดาบนี้สำเร็จแล้ว เมื่อต่อสู้กับคนที่มีอยู่ในขั้นรูปญาณลงไป แทบจะถือว่าเป็นการโกง คนส่วนใหญ่จึงอดตกใจไม่ได้

จางฮ่าวเฉิงมองลี่เซิ่ง จากนั้นก็นำของชิ้นหนึ่งออกมา

พอลี่เซิ่งเห็นแล้ว ม่านตาก็พลันหดตัวลง