ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 511 พวกท่านแน่ใจหรือว่าจะมาให้ข้าสังหารที่นี่?

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ขณะเห็นลี่เซิ่งฝึกฝนดาบป่นทำลาย ซึ่งเป็นท่าดาบที่หกในท่าดาบเจ็ดทะเลสังหารมังกรสำเร็จ แม้แต่สีหน้าของผู้อาวุโสต่งแห่งวังผลึกวารีก็ยังเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

ทั้งสองฝ่ายนับว่ารู้จักกันดี ท่าดาบนี้หมายถึงอะไร ทุกคนในวังผลึกวารีล้วนทราบแก่ใจ

จอมยุทธ์วังผลึกวารีที่ติดตามจางฮ่าวเฉิงมาที่นี่ รวมทั้งผู้อาวุโสต่ง ในตอนที่พวกเขาอยู่ในขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย รู้ว่าหากเผชิญหน้ากับลี่เซิ่งในตอนนี้ จะได้ผลร้ายมากกว่าผลดี

ถึงแม้จะยังอยู่ในระดับรูปญาณระยะท้าย แต่ว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งตัวจริง

อย่าว่าแต่การจัดอันดับจอมยุทธ์สิบอันดับแรกในปัจจุบัน โลกผืนสมุทรจัดจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกขึ้นหลังจากผ่านพ้นยุคสมัยหนึ่งในช่วงเวลาอันยาวนาน ลี่เซิ่งในตอนนี้มีความสามารถแย่งชิงอันดับหนึ่งของรายชื่อ

ถึงแม้คนมากมายในวังผลึกวารีจะรู้สึกตกตะลึง ทว่ากลับไม่กังวล

จางฮ่าวเฉิงนำของสิ่งหนึ่งออกมาต่อหน้าลี่เซิ่งอย่างช้าๆ

คนที่อยู่รอบๆ โดยเฉพาะคนที่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของของสิ่งนี้ ต่างก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที

การต่อสู้ตัดสินระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้ห้ามไม่ให้ใช้อาวุธหรือของวิเศษ ดังนั้นในตอนนี้ต่อให้จางฮ่าวเฉิงนำของวิเศษประหลาดชิ้นหนึ่งออกมา ทุกคนก็ไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย อย่ามากก็แค่บอกว่าเขาขลาดเขลาในตอนที่เผชิญหน้ากับลี่เซิ่งเท่านั้น

แต่ว่าของที่จางฮ่าวเฉิงนำออกมาในตอนนี้กลับเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง

ทุกคนทราบว่า วรยุทธ์ของวังผลึกวารีมิใช่การฝึกฝนท่ากระบี่

จางฮ่าวเฉิงมิได้เจอโชค แอบฝึกฝนวรยุทธ์ท่ากระบี่อันใด เขาไม่ได้ใช้กระบี่จริงๆ

กระบี่เล่มนี้เป็นสินสงครามของเขา

อาวุธวิญญาณระดับกลางชิ้นหนึ่ง สำหรับสำนักใหญ่ๆ เช่น เจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะ และหกพรรคมารแล้ว เป็นของล้ำค่าที่มีความพิเศษ

แต่ว่าคนที่รู้จักอาวุธวิญญาณชิ้นนี้ต่างทราบว่า เจ้าของเดิมของกระบี่ ‘นกฮูกพลิกทะเล’ เหลิ่งคุน เป็นยอดฝีมือและมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะต้น ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่จอมยุทธ์พเนจร

ไม่ว่าจะเป็นที่ใดล้วนมีโจรร้ายที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ พวกเขาไม่มองเบื้องหลังของคู่ต้องสู้ เพียงคิดถึงความสุขเฉพาะหน้า เหลิ่งคุนเป็นผู้โดดเด่นในจำนวนนั้น

สำหรับจอมยุทธ์เช่นเหลิ่งคุนแล้ว กระบี่อยู่ คนก็ยังคงอยู่

แต่ว่าตอนนี้อาวุธประจำตัวของเขาตกมาอยู่ในมือของจางฮ่าวเฉิง ผลลัพธ์ย่อมไม่จำเป็นต้องพูดก็เข้าใจ

ต่างพูดกันว่าพลังฝึกปรือยิ่งสูงเท่าไร ระยะห่างของพลังระหว่างจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันก็ยิ่งน้อยเท่านั้น ระหว่างจอมยุทธ์ที่อยู่คนละระดับกันมีระยะห่างด้านพลังห่างกันมากกว่า การต่อสู้ข้ามระดับจึงมีให้เห็นน้อยลงเรื่อยๆ

แต่ว่ามีคนน้อยคนในคนน้อยคน อัจฉริยะในอัจฉริยะ ยอดฝีมือในยอดฝีมือ ที่มีความสามารถแหกกฎนี้ได้

ไม่ว่าจะเป็นจางฮ่าวเฉิงหรือว่าลี่เซ่ง ต่างก็เป็นบุคคลเช่นนี้

ในจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกในปัจจุบัน พวกเขาสองคนกับคนอื่นๆ ตั้งแต่อันดับสามลงไปต่างมีระยะห่างที่ชัดเจนมาก

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ที่จางฮ่าวเฉิงสังหารเหลิ่งคุณที่อยู่ในระดับรูปญาณระยะต้นได้ โดยอาศัยพลังฝึกปรือขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย ก็ยังคงทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง

ถึงอย่างไรการการฆ่าแย่งชิงอาวุธและการเอาชนะทั่วไปก็มีระดับความยากต่างกัน

ถึงแม้เหลิ่งคุนจะเป็นจอมยุทธ์พเนจร มิได้มีรากฐานมากมายเท่าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถทางวรยุทธ์ เช่นวังผลึกวารีและสำนักสังหารมังกร แต่ก็เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณตัวจริง

จางฮ่าวเฉิงมีสีหน้าราบเรียบ เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ในมือถือกระบี่ยาว ไม่จำเป็นต้องพูด ก็กดดันสภาวะกดข่มของท่าดาบป่นทำลายที่ลี่เซิ่งฝึกฝนสำเร็จลงไป

การฝึกวรยุทธ์ที่คนอื่นฝึกไม่สำเร็จให้สำเร็จได้ยังคงเป็นเรื่องน่าตระหนกอยู่ดี แต่พูดถึงการต่อสู้จริง สุดท้ายมีแต่ผลงานการรบที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่ทำให้คนยอมรับได้

แม้แต่จอมยุทธ์สำนักสังหารมังกรก็ยังมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ในใจรำพึงพำพันอย่างไม่อาจยอมรับ ‘สมกับเป็นอันดับหนึ่งในจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรก’

การท้าสู้ระหว่างสองฝ่ายนี้ พวกเขาเพิ่งจะปรากฏตัวออกมา บรรยากาศก็อยู่ในขั้นดุเดือดแล้ว

จอมยุทธ์คนอื่นที่อยู่รอบๆ ต่างรู้สึกฮึกเหิม

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือแข็งแกร่งกว่าจางฮ่าวเฉิงและลี่เซิ่งมิใช่ไม่มี

แต่ว่าการตัดสินผลแพ้ชนะ หรือการฆ่ากันระหว่างคนที่อยู่ในอันดับหนึ่งและอันดับสองของจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกมีค่อนข้างน้อย

คนที่มีพลังฝึกปรือสงูกว่า อาศัยระดับพลังเอาชนะจางฮ่าวเฉิงและลี่เซิ่งได้ไม่ยาก แต่ว่าในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณแล้ว การต่อสู้ต่อจากนี้แทบจะหมายถึงการต่อสู้ระดับสูงสุด

โดยเฉพาะใบวิญญาณเก้าใบของคนทั้งสองยังบานดอกไม้วิญญาณเก้าดอก อีกทั้งยังมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านวรยุทธ์อย่างวังผลึกวารีและสำนักสังหารมังกร ยิ่งทำให้การต่อสู้นี้มีค่าให้ชมดู

แม้แต่ฟู่เอินซูก็ยังรู้สึกตื่นเต้น

แต่ว่านางที่ยืนอยู่ที่นั่นก็ยังโดดเด่นในสายตาของยอดฝีมือวังผลึกวารีและสำนักสังหารมังกร

คลื่นใต้น้ำในระเบียงสมุทร ซึ่งเป็นสถานที่ที่สามทะเลไหลมารวมกันก่อนหน้านี้หายไป ปรากฏหยดน้ำพิรุณที่ไม่เคยพบมาแต่ไหนแต่ไรขึ้น ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสงสัย

เงาคนอันพร่าเลือนสองเงาในสายน้ำที่เกิดจากหยดน้ำพิรุณดึงดูดความสนใจของผู้คนเช่นกัน

ถึงแม้ว่าความสนใจหลักๆ ของทั้งจางฮ่าวเฉิงและลี่เซิ่งจะอยู่บนตัวของอีกฝ่าย แต่กลับไม่อาจไม่สังเกตเรื่องเหนือความคาดหมายตรงหน้า

มีจอมยุทธ์ที่คุ้นเคยกันรีบอธิบายสถานการณ์ จอมยุทธ์วังผลึกวารีและจอมยุทธ์สำนักสังหารมังกรได้ยินต่างขมวดคิ้วขึ้นมา

ผู้อาวุโสต่งที่เป็นผู้นำวังผลึกวารีมองฟู่เอินซู ถามเสียงทุ้ม “ท่านเป็นคนของสำนักปราชญ์ปีศาจหรือ”

ฟู่เอินซูมีสีหน้าเรียบเฉย “เพิ่งได้ยินชื่อสำนักนี้จากปากคนอื่นเมื่อสองสามวันก่อน”

พวกผู้อาวุโสต่งขมวดคิ้วครุ่นคิด จอมยุทธ์เกาะจิตประสานรีบร้อนกล่าวว่า “คนหนุ่มที่อยู่กับนางผู้นั้นอาศัยยันต์สวรรค์ผีดูดเลือดของสำนักปราชญ์ปีศาจทำลายข่ายอาคมอันแข็งแกร่งที่อยู่ในทะเลรางเลือน อาจารย์ลุงฟางของสำนักเรายืนยันด้วยตัวเอง ไม่ผิดแน่!”

ฟู่เอินซูได้ยินกลับไม่ขุ่นเคือง เพียงยิ้มอย่างเฉิดฉัน

ผู้อาวุโสต่งถามขึ้น “คนที่เจ้าพูดถึงคือฟางจ้าวหงหรือ แล้วตัวคนเล่า?”

จอมยุทธ์เกาะจิตประสานเม้มปาก “เป็นเพราะอาจารย์ลุงฟางพบร่องรอยที่ชายหนุ่มผู้นั้นเผยออกมา จึงถูกปีศาจสำนักปราชญ์ปีศาจฆ่าปิดปาก”

“ผู้อาวุโสเยว่ พวกเราควรทำอย่างไร” มีจอมยุทธ์สำนักสังหารมังกรผู้หนึ่งเขยิบเข้าใกล้ผู้อาวุโสที่เป็นผู้นำ ถามเสียงแผ่วเบา

ผู้อาวุโสเยว่ ผู้นำสำนักสังหารมังกรส่ายหน้า “ดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ”

สำนักปราชญ์ปีศาจลี้ลับแปลกประหลาด ถึงแม้ว่าจะเป็นหนึ่งในหกพรรคมาร แต่คนในพรรคมารอื่นๆ ต่างก็กริ่งเกรงพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

ลี่เซิ่งเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปรากฏตัวออกมา ด้วยเสียงเย็นเยียบดุจดาบว่า “สังหารเจียงสยงไปคนเดียวไม่ถือว่ามีความสามารถอันใด”

จางฮ่าวเฉิงทางหนึ่งมองดูเงาคนในสายน้ำที่เกิดจากหยดน้ำพิรุณ ทางหนึ่งกล่าว “แต่ว่ากันว่า เขามีอายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น”

ลี่เซิ่งกล่าวเสียงเย็นเยียบ “เขาเป็นคนของสำนักปราชญ์ปีศาจหรือไม่ข้าไม่สนใจ ข้ามาที่นี่เพื่อท้าสู้กับเจ้า ดูว่าใครถึงจะเป็นอันดับหนึ่งของมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณในโลกผืนสมุทรที่แท้จริง

“หลังจากสู้กับเจ้าแล้ว ถ้าข้าไม่ตาย ย่อมลองสู้กับเขาดู”

จางฮ่าวเฉิงกล่าว “การสังหารเจียงสยงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีคุณสมบัติต่อสู้กับข้าและเจ้า บุคคลเช่นนี้ก่อนหน้านี้ถึงกับไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้ากลับคิดจะประกระบวนท่ากับเขาก่อน”

ลี่เซิ่งมีสีหน้าเย็นชา

จางฮ่าวเฉิงเอ่ยต่อ “เขาอยู่ที่นี่ก็ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ของเรา พวกเราสามควรน่าจะเป็นคนที่แกร่งที่สุดในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณของโลกผืนสมุทรกระมัง? ไม่ต้องลำบากผู้อาวุโสขั้นรูปญาณ แค่แลกเปลี่ยนกระบวนท่าระหว่างกันดูก็พอ”

เขาใช้ญาณจริงแท้รวมตัวกันส่งเสียงเข้าไปในสายน้ำที่เกิดจากหยดน้ำพิรุณ “ท่านว่าอย่างไร?”

เสียงยังไม่ทันจะขาดลง ในสายน้ำพลันมีเสียงแค่นหัวเราะดังมา “พวกท่านแน่ใจหรือว่ามาให้ข้าสังหารทิ้งที่นี่? เหตุใดต้องลำบากด้วย”

วินาทีถัดมา มีประกายแสงพรั่งพรูจากในสายน้ำ เปล่งประกายระยิบระยับอย่างต่อเนื่อง เงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่างลอยขึ้นด้านบนอย่างช้าๆ

ลี่เซิ่งได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเดือดดาล ส่วนจางฮ่าวเฉิงขมวดคิ้ว ครั้นเพ่งตามองไป กลับตกตะลึงอยู่กับที่

ทุกคนที่อยู่รอบๆ ล้วนอ้าปากตาค้าง

เห็นบนศีรษะของเยี่นจ้าวเกอมีเงาแสงลอยไปมา ปรากฏใบวิญญาณสิบใบ บนใบวิญญาณแต่ละใบต่างมีดอกไม้วิญญาณหนึ่งดอกส่ายขยับไหว