หลังจากที่หลิน ชูจิ่ว เข้ามาในพระราชวัง สิ่งเดียวที่เธอทำก็คือใช้เข็มเงินฝังเข็มให้เสี่ยว จื่ออัน ตามคำสั่งของเสี่ยวเทียนเหยาเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก เห็นได้ชัดว่าเธอได้แต่เฝ้าดูเท่านั้น … …
สำหรับหมอนี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก หลิน ชูจิ่วรู้สึกอยากกลับไปสู่อนาคตและซ่อมแซมระบบการแพทย์ เพราะโลกนี้มันน่ากลัวมาก
อย่างไรก็ตาม ระบบการแพทย์ยังคงให้คะแนน 10 คะแนนแก่เธอในการช่วยชีวิตของเสี่ยว จื่ออันเอาไว้
น่าอับอายจริงๆ!
หลิน ชูจิ่ว รู้สึกไม่ค่อยมีความสุขจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงการต้องเสียใบ้ให้กับเสี่ยวเทียนเหยา ดังนั้นหลังจากบรรจุสิ่งของเธอแล้ว เธอจึงถามขึ้น “องค์ชายสามไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว เราควรจะกลับได้หรือยัง?”
“อืมมม หมอหลวงฉิน สามารถทำส่วนที่เหลือได้ “เสี่ยวเทียนเหยา สังเกตเห็นพฤติกรรมของหลิน ชูจิ่ว แต่สถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวัง บางคำก็ไม่ควรพูด
หมอหลวงฉิน รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา กำลังให้โอกาสเขาเพื่อชดเชยการเสียหน้าของเขาก่อนหน้านี้ ดังนั้นช่วงเวลาต่อไปเขาจึงตอบขึ้นอย่างสุภาพ “หมอผู้ต่ำต้อยผู้นี้จะดูแลองค์ชายสามต่อให้เอง”
“ไปกันเถอะ” หลิน ชูจิ่ว หยิบกล่องยาของเธอและมองไปที่เสี่ยว จื่ออัน ก่อนออกเดินทาง เสี่ยว จื่ออันยังไม่รู้สึกตัว แต่เขาดูสงบมากขึ้นกว่าเดิม
กล่องยาหนักมาก หลิน ชูจิ่วต้องใช้กำลังเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากไม่กี่ก้าวเธอก็กลับไปเดินอยู่ด้านหลังของเสี่ยวเทียนเหยาและกลายเป็นเหมือนสาวใช้ตัวเล็ก ๆ ของเสี่ยวเทียนเหยาแทน
หลังจากประตูเปิดออก เสี่ยวเทียนเหยา ก็เดินออกไปโดยไม่รอหลิน ชูจิ่ว
ทันทีที่ฮ่องเต้และคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงฝีเท้า พวกเขาเดินตรงเข้ามา ทั้งสองฝ่ายได้พบกันที่ทางเดิน เสี่ยวเทียนเหยา ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ฝ่าบาท … … ”
“เทียนเหยา จื่ออันเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้ถามขึ้น เพราะเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้ว่าเขาหวังว่าเสี่ยว จื่ออันจะไม่เป็นไร แต่นอกจากนี้เขายังอยากจะใช้โอกาสนี้ประณามเสี่ยวเทียนเหยาอีกด้วย
“ยังไม่ตาย” เสี่ยวเทียนเหยา ตอบขึ้นอย่างหยิ่งยโสทันทีที่เขาเปิดปากของเขา ฮ่องเต้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ก็รู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อย เมื่อฮองเฮาได้ยินเรื่องนี้ นางก็ถามคำถามขึ้น “ขาของจื่ออันเป็นอย่างไรบ้าง? เขาสามารถเดินได้ในอนาคตหรือไม่? ”
เมื่อคำของฮองเฮาตกลง ดวงตาของทุกคนก็ตกลงไปที่เสี่ยวเทียนเหยา นอกเหนือจากพระสนมโจว คนอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เนื่องจากความรักของฮ่องเต้ที่มีต่อเสี่ยว จื่ออัน ถ้าขาของเขาหายสนิท ไม่ว่าจะเป็นวังหลังหรืออดีตขุนนาง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสับเปลี่ยนไป
“คำถามนี้ … ควรจะถามหวางเฟยของเปิ่งหวางมากกว่า” เสี่ยวเทียนเหยาหันศีรษะและมองไปที่หลิน ชูจิ่วที่อยู่ข้างหลังเขา
ในขณะนี้ อารมณ์ของหลิน ชูจิ่ว อยู่ต่ำมาก ดังนั้นแม้ว่าเธอจะได้เห็นดวงตาของทุกคนกำลังมองมาที่เธอ เธอก็พูดขึ้นอย่างไร้จิตวิญญาณใด ๆ “ขาขององค์ชายสามก็ไม่เป็นไรแล้วเพคะ เขาเพียงแค่ต้องการการฟื้นฟูสมรรถภาพ … … “
คำพูดของหลิน ชูจิ่วยังพูดไม่ทันจบ แต่พระสนมโจวก็ขัดจังหวะเธอขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ”ขาของจื่ออันหายแล้วหรือ? เขาสามารถเดินได้แล้วหรือ”เนื่องจากความสุขที่มากเร็วจนเกินไป พระสนมโจวเกือบจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ
“ขาขององค์ชายสามได้รับการรักษาให้หายขาดแล้วจริงๆหรือ?” องค์รัชทายาทพูดขึ้นดังๆ อย่างไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ ดวงตาที่เยือกเย็นของฮ่องเต้ตกลงไปที่เขาทันที “ทำไม? หรือเจ้าไม่มีความสุข? ”
ต่อหน้าฮ่องเต้ องค์รัชทายาทก็เป็นเหมือนขอทาน เขาโค้งคำนับศีรษะของเขาลงและพูดขึ้น “เสด็จพ่อ กระหม่อมย่อมต้องมีความสุขกับพี่สามอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮึ! … ” ฮ่องเต้ส่งเสียงเย็นขึ้นอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อ เมื่อองค์ชายเจ็ดเห็นสถานการณ์ เขาก็พยายามปกปิดความสูญเสียของพวกเขาเอาไว้ เขาตบมือและพูดขึ้นทันที “ดีมากจริงๆ ขาของเสด็จพี่สามได้รับการรักษาให้หายแล้ว เขาสามารถสอนวิธียิงธนูให้ข้าได้ ข้าหวังว่าเสด็จพี่สามจะมีอาการที่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อที่เราจะสามารถเล่นด้วยกันได้ ”
คำพูดขององค์ชายเจ็ดทำให้ฮ่องเต้มีความสุข ฮ่องเต้ลูบศีรษะของเขาและพูดขึ้นด้วยความรัก “เจ็ดน้อยเด็กดี หลังจากเสด็จพี่สามของเจ้าเริ่มเดินได้ เขาอาจจะมีหลายอย่างที่ต้องทำ เขาอาจจะไม่สามารถเล่นกับเจ้าได้ทุกวัน “
องค์ชายเจ็ดไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้หงุดหงิด และพูดขึ้น “เสด็จพ่อ ลูกจะรอจนกว่าเสด็จพี่สามจะมีเวลามาเล่นกับลูก ลูกจะไม่รบกวนเสด็จพี่สามอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อรีบไปดูเสด็จพี่สามกันเถอะพ่ะย่ะค่ะลูกทนรอที่จะพบเสด็จพี่สามแทบจะไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
***วันนี้ลงให้ตอนเดียวนะคะ ต้องไปธุระ ขอบคุณค่ะ