เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 856
อยากเบิกภูเขาด้วยมือเดียว อันดับแรกต้องรับรองว่ามือของคุณแข็งเหมือนหิน ทะเยอทะยานคิดทำการใหญ่ อย่างน้อยตัวเองต้องตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้เสียก่อน

นี่คือความจริงที่นักบู๊ซึ่งฝึกฝนได้แค่พลังปราณ ต้องเจอเมื่ออยู่ต่อหน้าวิชาระดับฟ้า วิชาพื้นฐานไม่พร้อม ร่างกายไม่พร้อม เมื่อเจอด่านนี้ ยากมากที่จะผ่านได้

กลับกันวิชาของผู้ฝึกชี่จะง่ายกว่าหน่อย

ตัววิชาอาจเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ความฝันหนึ่ง ตัวอักษรตัวหนึ่ง หรือภาพภาพหนึ่ง

คุณดูแล้วเข้าใจก็จะเข้าใจ แต่ถ้าดูแล้วไม่เข้าใจ ถึงครุ่นคิดทั้งชีวิตก็เปล่าประโยชน์

พรสวรรค์ คือสิ่งที่ผู้ฝึกชี่ต้องการ

ได้เป็นผู้ฝึกชี่ เป็นแค่เครื่องรับรองว่าคุณมีพรสวรรค์ แต่อยากโดดเด่นท่ามกลางผู้ฝึกชี่ สิ่งที่คุณต้องการคือพรสวรรค์ที่เหนือธรรมชาติ

ฮ่วนเย่ว์รู้ว่าตัวเองฝึกวิชาระดับฟ้าไม่ได้

เธอมีอาจารย์ที่ดี ฝึกฝนราบรื่น พลังปราณมากมาย ตัวเองยังมีคุณสมบัติอันล้ำเลิศด้วย

แต่เพราะเหตุนี้ เธอจึงไม่มีวิชาพื้นฐานที่มั่นคง หรือเรียกว่าวิชาพื้นฐานของเธอ ยังไม่ถึงขั้นที่วิชาระดับฟ้าต้องการ

เธอจำเป็นต้องรอให้วิทยายุทธของตัวก้าวหน้าขึ้นอีก ใช้ระดับวิทยายุทธทดแทนจุดบกพร่องวิชาพื้นฐานของตัวเอง ถึงจะฝึกฝนได้ ตอนนี้ยังไม่เพียงพออย่างมาก เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าวิชาระดับฟ้า เธอทนได้แค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น

แต่เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว ผ่านไปสองชั่วยามแล้ว ลู่ฝานยังไม่มีท่าทีจะเสร็จเลย

ฮ่วนเย่ว์รู้สึกสงสัย รู้สึกไม่เข้าใจ รู้สึกตกใจ

เขาทำได้ยังไง

ฮ่วนเย่ว์คงไม่รู้สภาพการฝึกฝนของลู่ฝานตั้งแต่เด็ก

แดนฝึกร่างอายุ สิบแปดปี ใครจะอยู่ในแดนฝึกร่างนานได้เท่าเขาบ้าง ฝึกทั้งบู๊และชี่ควบคู่กัน ถ้าพูดถึงพื้นฐาน ถึงเป็นเซียนบู๊ ก็ไม่น่าจะมั่นคงเท่าเขา

ลู่ฝานมองนิ่งๆ พลังความเป็นความตายทั้งบท โดนเขาอ่านทีละตัวจนจบ

แม้จำตัวอักษรไม่ได้ แต่ลู่ฝานรู้เนื้อหาวิชาแล้ว

นี่เป็นวิชาที่แข็งแกร่งเล่มหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าเคล็ดวิชาบู๊ที่ลู่ฝานเคยเห็นมาทั้งหมด พวกวิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุ กระบี่ฆ่าพิชิตฟ้า เมื่อเทียบกับวิชานี้ เรียกได้ว่าด้อยจนไม่รู้จะด้อยอย่างไรแล้ว

หลังจากอ่านเสร็จ ลู่ฝานมีเพียงความคิดเดียว นี่เป็นวิชาที่สามารถทำให้คนทั่วไปฝึกจนเป็นเทพได้

ตายเก้าครั้ง ฟื้นเก้าครั้ง วนเวียนไม่จบสิ้น

ตายแล้วเกิด พังแล้วตั้งตระหง่าน

คนที่ฝึกวิชานี้ จำเป็นต้องมีความขยันและความกล้าหาญมาก

เมื่อเข้าสู่วิชาจะต้องตายก่อนเก้าครั้ง หลังจากนั้นค่อยว่ากันว่าฝึกฝนอย่างไร

หลังผ่านไปสามชั่วยาม ลู่ฝานจำวิชาได้ทั้งบทแล้ว จากนั้นเขาจึงละสายตาออกมา

ตอนที่เขาละสายตาออกมา ความเจ็บปวดบนร่างกายหายไปทั้งหมด เหมือนทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา

ลู่ฝานค่อยๆ ยืนขึ้น พรูลมหายใจออกมา

ฮ่วนเย่ว์เดินเข้ามาพูดว่า “นายฝืนไม่ไหวแล้วเหรอ ฉันนึกว่านายจะฝึกวิชาวิปริตนี่เสียอีก”

ลู่ฝานพูดว่า “ฉันคิดจะฝึก แต่ฉันต้องเตรียมตัวสักสองสามวัน”

ฮ่วนเย่ว์พูดอย่างตกใจ “อะไรนะ นายดูเข้าใจแล้วหรือยัง วิชานี้ต้องให้คนตายตั้งหลายครั้งไม่ใช่เหรอ ฉันลืมไปแล้วว่ากี่ครั้ง”

ลู่ฝานพูดว่า “ตายเก้าครั้ง ฟื้นเก้าครั้ง”

ฮ่วนเย่ว์พูดว่า “รู้แล้วนายจะฝึกอีกเหรอ!”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่ออยากแข็งแกร่ง ยังไงก็ต้องจ่ายอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

ฮ่วนเย่ว์มองความแน่วแน่ในดวงตาลู่ฝาน จู่ๆ ความรู้สึกประหลาดผุดขึ้นในใจ

“นายไม่กลัวตายเหรอ”

“นักบู๊ล้วนไม่กลัวตาย”

“ชิ คนพวกนั้นเอาแต่พูดว่าไม่กลัวตาย ความจริงกลัวตายเป็นที่สุด นายแน่ใจเหรอว่าจะต้องพยายามสุดชีวิตแค่การฝึกวิชาเนี่ยนะ”

“ฉันมีความมั่นใจ”

“มีแค่ความมั่นใจใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ”

“ใช้ได้!”