เงานั่นถอย มุ่งหน้าไปทางชานเมืองหลี่ว่าน คุณหมอเกานั้นต้องคำสาปทั้งหมดและสภาพของเขานั้นก็ดูไม่ดีนักเช่นกัน หมอกเลือดสลายไป และชุดที่เสี่ยวปู้สวมอยู่ก็ดูสดสว่างมากขึ้น เธอเอียงคอมองเฉินเกอ เธอรู้สึกเหมือนว่าการติดตามชายคนนี้นั้นเพิ่มโชคดีของตัวเธอขึ้น
“ไปกันเถอะ!” เฉินเกอแบกกระเป๋าใบใหญ่สองใบของตัวเองและเริ่มออกวิ่ง ฟ่านฉงนั้นเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในกลุ่ม ด้วยขนาดตัวของเขา การวิ่งคราวนี้นั้นแทบจะฆ่าเขาได้
“รอผมด้วย!” ฟ่างหยวนกุมหน้าอกตัวเอง ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าโชคชะตานั้นบางครั้งก็เล่นตลก ครั้งสุดท้ายที่เขาวิ่งสุดชีวิตก็คือในบ้านผีสิงของเฉินเกอ และคราวนี้ เขาก็กำลังวิ่งหนีไปกับผู้ชายคนนี้อีก
“อย่าหยุด! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น! ฉันจะไปหารถหรือพาหนะอะไรสักอย่างให้เธอ!” เฉินเกอวิ่งไปตามถนนเป็นนาน แต่เขาก็ไม่เจอพาหนะอะไรที่เขาจะใช้ได้ เมื่อไม่มีตัวเลือกอื่น เขาก็หยุดและบอกเสี่ยวปู้ “ตอนที่หมอคนนั้นเริ่มต้นไล่ล่าพวกเรา ผมต้องการให้เธอพาฟ่านฉงไปสักที่ที่เธอสองคนจะสามารถซ่อนตัวได้อย่างปลอดภัยขณะที่ผมชักนำหมอคนนั้นไปไกล ๆ แต่พยายามอย่าอยู่ห่างจากผมมากเกินไป ผมยังต้องการความช่วยเหลือจากเธอรับมือกับเงานั่นทีหลัง”
เฉินเกอนั้นวิ่งข้ามมาครึ่งเมืองแล้วตอนที่คุณหมอเกา ที่ร่างกายส่วนล่างละลายไปนั้น เริ่มลงมือ โซ่พุ่งผ่านหมอก เกิดเสียงแหลมเหมือนพวกมันเสียดสีกับตึกรามที่รอบด้าน
“เฉินเกอ…” ดวงตาสีเลือดคู่นั้นมองเฉินเกอและเงานั่นที่กำลังหนี บางทีคำถามในใจของเขาตอนนี้อาจจะเป็น– ทำไมทั้งสองถึงได้ดูคล้ายกันนัก?
คำสาปเกือบทั้งหมดที่หมักหมมอยู่ในเมืองหลี่ว่านนานหลายปีพุ่งเข้าไปในร่างของหมอเกา เลือดสีดำเริ่มไหลออกมาจากร่างกายของคุณหมอ เลือดผสานเข้ากับสารสีเทาและดำ หากอยู่ใกล้พอ ก็อาจจะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนจากบางอย่างที่ในสารเหล่านั้น
เห็นสภาพของหมอเกาแล้ว เฉินเกอก็ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว “ไพ่ตายของเงานั่นร้ายกาจจริง ๆ ถ้าหมอเกาไม่ปรากฏตัวขึ้น อย่างนั้นก็คงเป็นฉันกับพนักงานของฉันแล้วที่ต้องทนทุกข์กับคำสาปทั้งหมดนี่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้ฉันฆ่าเงานั่นได้ ฉันก็คงสูญเสียพนักงานไปเกินครึ่ง”
จำนวนคำสาปที่วิญญาณสามารถกลืนกินและย่อยได้นั้นจำกัด ถ้ามันเกินขีดจำกัด วิญญาณก็จะกลายไปเป็นคำสาปใหม่ นอกจากนี้ หลังจากกลืนกินคำสาปแล้ว ความรู้สึกด้านลบในหัวใจของพวกมันก็จะเพิ่มมากขึ้นและกลายเป็นถูกครอบงำ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยังรักษาหน้าที่ที่บ้านผีสิงไว้ได้ เมื่อไม่มีนักแสดง เฉินเกอก็ต้องปิดฉากใต้ดินทั้งหมดที่บ้านผีสิงลงชั่วคราว
หากบ้านผีสิงไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ ก็จะส่งผลเสียต่อสวนสนุกนิวเซนจูรี่ ระหว่างช่วงเวลาอันสำคัญที่สวนสนุกแห่งอนาคตกำลังจะเปิดนั้น สิ่งนี้ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ลาหลังหัก
มองผิวเผินแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนกำลังจะดีขึ้น แต่มีแค่เฉินเกอที่รู้ถึงความยากในกระบวนการทั้งหมดนี้ ถ้าเขาประมาท ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาก็จะสลายกลายเป็นควันไป
“เงานั่นเลือกที่จะถอยและรีบไปทางอพาร์ทเม้นท์ผี หมายความว่ากลุ่มของถงถงนั้นได้บางอย่างที่สำคัญกับเงานั่นมากมาแล้ว นี่น่าจะเป็นข่าวดีของฉันเหมือนกัน” เฉินเกอมองว่าทุกอย่างที่ถ่วงเงานั่นได้เป็นเรื่องดีทั้งนั้น
ด้านหลังเขา คุณหมอเกาเริ่มไล่ตามมา แต่ว่า สถานการณ์ของชายคนนั้นสามารถอธิบายได้แค่ประหลาดนัก เฉินเกอไม่รู้ว่าทำไมคุณหมอเกาถึงยืนกรานจะไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละ “ไม่ใช่ว่าพวกเราทำความเข้าใจกันไปแล้วก่อนที่เขาจะเลือกฆ่าตัวตายหรือไง? ฉันยังสัญญาจะช่วยเขาดูแลลูกสาวของเขา เกาหรูเซว่ ด้วยซ้ำ”
ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ คุณหมอเกานั้นก็แทบจะสูญเสียสติไปแล้ว ตอนนี้เมื่อเขาตายไปแล้วและมาพัวพันอยู่ในคำสาปมากมายของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ แน่นอนว่า เฉินเกอย่อมไม่อยากอยู่พูดคุยกับชายคนนี้
“ไม่มีเวลาวางแผนแล้ว– ฉันจะลากทุกคนไปที่อพาร์ทเม้นท์ผี ถ้ามีการต่อสู้ อพาร์ทเม้นท์ผีก็อาจจะถูกทำลาย บางที ฉันอาจจะทำลายแผนการของเงานั่นได้ด้วย” เฉินเกอนำอยู่ด้านหน้า คุณหมอเกาและเสี่ยวปู้ ทั้งคู่ต่างมุ่งตรงไปยังอพาร์ทเม้นท์ผี เงานั่นสังเกตเห็นแล้วและโมโห มันรู้ว่าเฉินเกอนั้นอยู่ในเมืองหลี่ว่าน แต่มันไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของคุณหมอเกาคือเฉินเกอ
สัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นอันหนาหนักเฉียบคม เฉินเกอก็มองไปรอบ ๆ และเห็นเงานั่นมุ่งไปตามถนนที่ขนานกับถนนที่เขาอยู่ เฉินเกอชี้ไปด้านหลังตัวเองแล้วก็ทำท่าบอกเงานั่น “แกเดาถูกแล้วแหละ เป็นฉันเองที่ชักนำเขามาที่นี่”
เงานั่นกัดฟันอย่างโกรธแค้น แต่มันรู้ว่าเฉินเกอนั้นมีการปกป้องจากวิญญาณสีเลือดตนหนึ่งอยู่ มันไม่สามารถจัดการกับเฉินเกอด้วยเวลาอันสั้นได้ ดังนั้น มันตัดสินใจปรับเป็นกลยุทธิ์ ‘ไม่เห็นผีสางอะไรทั้งนั้น’ ขณะเร่งความเร็วพุ่งไปยังอพาร์ทเม้นท์ผี
“ดูเหมือนว่าถงถงกับพวกจะสร้างปัญหาใหญ่ให้เงานั่นจริง ๆ” เฉินเกอให้สัญญาณเสี่ยวปู้กับฟ่านฉงเดินหน้าไปด้วยกัน เขาวิ่งไปเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามตามเงานั่นไป ไม่ช้า ภาพประหลาดภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ในเมืองหลี่ว่าน
ในฐานะผู้ร้าย เงานั่นถูกมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งที่แบกกระเป๋าสองใบเหมือนเพิ่งกลับมาจากไปช้อปปิ้งครั้งใหญ่ไล่ตาม ผู้ชายคนนั้นมีวิญญาณสีเลือดที่บ้าคลั่งไล่ตามหลังมา และที่ด้านท้ายของภาพประหลาดนี้ก็คือชายร่างอ้วนที่ดูเหมือนจะล้มพับไปตอนไหนก็ได้เพราะขาดอากาศหายใจและเด็กหญิงเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีแขนและขา
เงานั่นกังวลเกี่ยวกับอพาร์ทเม้นท์ผีมากเกินกว่าจะสนใจเฉินเกอ ดังนั้น สำหรับคนนอกแล้ว มันเหมือนกับว่าเฉินเกอกำลังไล่ตามเงานั่นอยู่ อพาร์ทเม้นท์ผีนั้นอยู่ในเขตที่พักหมิงหยางนอกเมืองหลี่ว่าน ตอนที่เฉินเกอมาถึงชานเมืองหลี่ว่าน เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหมอกเลือดที่นี่นั้นหนาตัวขึ้น
“หมอกเลือดนอกเมืองเล็ก ๆ ดูเหมือนจะต่างไปจากที่ในเมือง มันเหมือนหมอกพวกนี้มีบางอย่างที่พิเศษ” เฉินเกอใช้ใจสัมผัสหมอกประหลาดพวกนี้ และเขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังเรียกชื่อของเขามาจากทางตะวันตก เขามองไปในทิศทางนั้นและพบว่าที่รอบ ๆ นั้นเป็นสวนสนุกนิวเซนจูรี่
เงานั่นไม่ได้ให้เวลาเฉินเกอหยุดเพื่อคิดนานนัก มันข้ามถนนที่ไม่มีไฟจราจรและพุ่งเข้าไปในเขตที่พักอาศัย หมอกเลือดปิดบังร่องรอยของมันและเพราะอย่างนั้น เงานั่นจึงหายลับไปต่อหน้าต่อตาเฉินเกอ
เงานั่นหายไปแล้ว แต่ว่าคุณหมอเกานั้นยังตามหลังเฉินเกออยู่ เขาต้องหาทางดึงดูดความสนใจของคุณหมอเกา เฉินเกอหันกลับไปมอง– ดวงตาข้างหนึ่งของคุณหมอเกานั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เส้นด้ายสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพันเกี่ยวอยู่กับหลอดเลือดมากมาย และพวกมันก็ไหลเข้าไปในดวงตาของเขาราวกับน้ำตาสีเทา
“คุณหมอเกายิ่งประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวปู้เคยบอกว่าวิญญาณสีเลือดที่ย่อยกินคำสาปเข้าไปมากเกินไปจะกลายไปเป็นคำสาปเสียเอง และวิญญาณยิ่งแข็งแกร่ง คำสาปที่มันเป็นก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น! ถ้าคุณหมอเกาถูกคำสาปพวกนั้นครอบงำ วิญญาณดวงนี้ที่เป็นวิญญาณสีเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดจะกลายไปเป็นคำสาปชนิดไหนกัน?
“ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว!” เฉินเกอเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลังและตะโกนเรียกชื่อของเอี๋ยนต้าเหนียน “คุณสัมผัสถึงตำแหน่งของเหล่าโจวได้หรือเปล่า? เร็วเข้า!”
เหล่าโจวนั้นอาศัยอยู่ในหนังสือการ์ตูนของเอี๋ยนต้าเหนียนมาหลายปี และพวกเขาก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน อันที่จริง เฉินเกอก็แค่ลองดู– เขาไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ผลหรือไม่
แรงกดดันจากวิญญาณสีเลือดนั้นแทบทำให้หายใจไม่ออก เพราะเข้าใจในความหนักเบาของสถานการณ์ หนังสือการ์ตูนในกระเป๋าสะพายเริ่มพลิกเปิดเอง จากนั้นปากกาลูกลื่นที่มีเทปกาวแบบใสพันอยู่ก็เริ่มวาดรูปหนึ่งที่หน้ากระดาษเปล่า เหล่าโจวและเหมินหนานนั้นซ่อนอยู่ในห้องหนึ่ง และที่ด้านนอกหน้าต่างที่ข้างกายพวกเขานั้นสามารถมองไปเห็นสถานีขนส่งที่ชานเมืองหลี่ว่าน
“งั้นพวกเขาก็อยู่ที่นั่นสินะ?” เฉินเกอเงยหน้ามองตึกทั้งสี่หลังของเขตที่พักหมิงหยางก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางตึกหนึ่งที่ทางซ้ายสุด เขาเคยเข้าไปในตึกนี้พร้อมกับหัวหน้าเอี๋ยนมาก่อน เขาจำได้ว่าเห็นสถานีขนส่งผ่านหน้าต่างบานหนึ่ง ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ผีปากกาก็ร่วมมือกับเอี๋ยนต้าเหนียนมอบเงื่อนงำสำคัญให้กับเฉินเกอ เฉินเกอมุ่งหน้าไปยังตึกหลังนั้นและเรียกซู่อินออกมา
“เหล่าโจว! เหมินหนาน!” เขาร้องเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อเสียงหลุดออกจากปากของเขา เฉินเกอก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตึกที่ตรงหน้าเขานั้นต่างไปจากตึกในชีวิตจริง!
ในชีวิตจริง เขตที่พักหมิงหยางนั้นเป็นโครงการร้าง หน้าต่างบางบานยังไม่ได้ติด และพื้นก็เป็นแค่ปูนและยังไม่ได้ตกแต่ง แต่ว่า ตึกที่เฉินเกอเห็นนี้สะอาด พื้นปูกระเบื้องผนังทาสีแล้ว และยังมีกระทั่งไฟติดอยู่ตามบันไดและทางเดิน
“ประตูที่เสี่ยวปู้เปิดนั้นอยู่ในเมืองหลี่ว่าน และเธอก็บอกมาแล้วว่าพลังของเธอมาไม่ถึงที่นี่ ดังนั้นเขตที่พักหมิงหยางนั้นจึงไม่ได้สร้างขึ้นตามความทรงจำของเธอ ถ้าอย่างนั้น ทำไมที่นี่ถึงได้ต่างจากสภาพของมันในชีวิตจริง?” ถ้าไม่เพราะว่ามีคุณหมอเกาไล่ตามเขาอยู่ เฉินเกอก็คงไม่คิดจะเข้าไปในสถานที่ประหลาดเช่นนี้อย่างวู่วาม
โลกที่ด้านหลังประตูนั้นสะท้อนโลกจริง บอกถึงฝันร้ายของใครคนหนึ่ง เมื่อมองใกล้ ๆ เขาก็พบว่าบนกำแพงยังมีรูปมากมาย มีเด็ก สัตว์ และของเล่นต่าง ๆ
“นี่ดูเหมือนเป็นเด็กวาด นี่แปลกมาก มันเหมือนความรู้สึกตอนที่ฉันก้าวเข้าไปในบ้านเด็กจิ่วเจียงครั้งแรก”
ไม่มีการตอบรับจากเหล่าโจวหรือว่าเหมินหนาน คุณหมอเกานั้นตามเขามาติด ๆ เฉินเกอนั้นไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องฉลาดที่จะมุ่งหน้าขึ้นบันไดไป เขาอาจจะติดอยู่ที่นี่ถ้าคุณหมอเกาตัดสินใจขวางบันไดเอาไว้
“ฉันควรจะจำกัดการสำรวจของฉันเอาไว้ที่ชั้นแรกและชั้นที่สอง” ด้วยสภาพร่างกายของเฉินเกอตอนนี้ ตราบใดที่เขาระมัดระวังให้มาก เขาย่อมไม่บาดเจ็บจากการกระโดดลงมาจากชั้นที่สอง แต่ว่าเขาก็ไม่มั่นใจว่าาเขาจะยังปลอดภัยดีถ้ากระโดดจากชั้นสาม
่”คุณหมอเกายังอยู่ค่อนข้างห่าง ความเร็วของเขากำลังลดลง แต่เรื่องดีอย่างหนึ่งก็คือหลังจากเงานั่นออกจากเมืองหลี่ว่านมา เสี่ยวปู้ก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีแดงบนชุดของเธอสดใสขึ้นเรื่อย ๆ”
ขณะที่เฉินเกอเรียกชื่อเหมินหนานและเหล่าโจว เขาก็พุ่งเข้าไปในตึก เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นประตูปิดอยู่ เขาก็จะตวัดค้อนเข้าใส่โดยไม่หยุดคิด
เมื่อประตูเปิดออก ภาพที่ด้านหลังประตูก็ทำให้เฉินเกอประหลาดใจ ไม่มีผี ไม่มีภาพน่ากลัว มีแค่เด็กสองสามคนกำลังวาดรูปอยู่ ดวงตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ไม่รู้ว่าอะไรคือความเกลียดชังและความเจ็บปวด พวกเขากำสีเทียนเอาไว้ในมือและมองเฉินเกออย่างสงสัย
เด็กพวกนี้คือผ้าขาวผืนหนึ่ง เฉินเกอไม่ได้ชื่นชมความไร้เดียงสาของพวกเขา แต่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่สำคัญถูกขโมยไปจากพวกเขา พวกเขาสูญเสียบางอย่างที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ เมื่อมองพวกเขา มันเหมือนมองหุ่นเชิดรูปคนมากกว่า
‘คนร้าย’ พร้อมกับอาวุธหน้าตาน่ากลัวบุกเข้าไปในห้อง แต่พวกเขากลับไม่มีปฏิกริยาอะไรเลย พวกเขายังถือสีเทียนเอาไว้ด้วยสีหน้าว่างเปล่า มองมาที่เฉินเกออย่างโง่งม
“เงานั่นน่าจะทำบางอย่างกับพวกเขา!” เฉินเกอรู้ว่าเขตที่พักหมิงหยางนั้นคืออพาร์ทเม้นท์ผีที่เงาสร้างขึ้น เขาเคยคิดว่าที่นี่จะเป็นที่อยู่ของผีและวิญญาณน่ากลัว ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่าเขาใสซื่อขนาดไหน เงานั่นไม่ได้ใจดีพอที่จะให้พวกวิญญาณอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นผู้พักอาศัยที่แท้จริงของเขตที่พักหมิงหยางก็คือเด็กพวกนี้ที่มีคุณค่าบางอย่างกับเงานั่น
“มีใครเห็นคนเดินเข้ามาในนี้ก่อนหน้านี้ไหม?” เด็กไม่ตอบคำถามใด ๆ ของเฉินเกอ พวกเขามองเฉินเกออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันกลับไปวาดรูปต่อ มันเหมือนว่าจิตใจของพวกเขาถูกพรากไป ทิ้งเอาไว้แค่รูปวาดง่าย ๆ ในใจพวกเขา และจุดมุ่งหมายของการมีตัวตนของพวกเขาก็คือใช้สีที่พวกเขาถืออยู่วาดรูปเหล่านี้อย่างไม่จบไม่สิ้น เฉินเกอไปดูหลายห้อง และทุกห้องก็เต็มไปด้วยเด็กประหลาด
“ในชีวิตจริง เขตที่พักหมิงหยางนั้นเต็มไปด้วยตุ๊กตาพัง ๆ ตอนนี้พอคิดดูแล้ว ตุ๊กตาเหล่านั้นแต่ละตัวน่าจะหมายถึงชีวิตมนุษย์จริง ๆ คนหนึ่ง”
ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว เฉินเกอรีบขึ้นไปที่ชั้นสอง พอเขาเปิดประตู เขาก็ไม่ได้หยุดเรียกชื่อเหมินหนาน
“รูปที่วาดโดยผีปากกานั้นชี้มาที่ตึกนี้แน่นอน ดังนั้นมันย่อมหมายความเหล่าโจวกับเหมินหนานอยู่ที่นี่แน่นอน ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมพวกเขาถึงไม่ขานตอบฉัน? ถึงแม้พวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็น่าจะตอบอะไรฉันสักหน่อยไม่ใช่หรือไง?”
ข้อความที่ถงถงส่งมานั้นเป็นข้อความขอความช่วยเหลือ เฉินเกอรู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องจะซับซ้อนขนาดนี้ เฉินเกอทุบประตูชั้นสอง– แต่ละห้องก็ยังเต็มไปด้วยเด็ก ๆ “แขนขาของเสี่ยวปู้นั้นถูกซ่อนเอาไว้บนขั้นที่สูงขึ้นไป คุณหมอเกาก็อยู่ข้างหลังไปไม่ไกล และถ้าฉันรีบขึ้นไป ฉันก็อาจจะถูกขังเอาไว้จากสองด้านคือเงาและคุณหมอเกา”
ตอนที่เขาลังเล จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากชั้นที่สี่ “เฉินเกอ! ช่วยฉัน! ช่วยฉันด้วย!”
มีคนไม่มากในเมืองหลี่ว่านที่รู้ชื่อจริงเฉินเกอ เฉินเกอหันไปมองและเห็นเจียหมิงยื่นหัวออกมาจากบันไดจนร่างของเขาเกือบจะตกลงมา สีหน้าของเขานั้นเจ็บปวดอย่างสุดแสน ดวงตาของเขาแดงก่ำเหมือนมันจะทะลักออกมา “ช่วยฉัน! พวกเราอยู่ที่นี่ทุกคนเลย!”
ตอนที่เจียหมิงพูด ก็มีเสียงอื่น เฉินเกอนั้นคุ้นเคยกับเสียงนี้– เป็นเสียงของสารวัตรหลี่ “อย่ามาที่นี่! เฉินเกอ! ออกไปจากที่นี่ทันที! บอกทุกอย่างที่เธอเห็นที่นี่ให้หัวหน้าเอี๋ยน! จำไว้! เธอต้องบอกหัวหน้าเอี๋ยน!”
“ถ้าคุณอยากตายก็อย่าลากฉันไปด้วย! เฉินเกอ พวกเราทุกคนอยู่ที่นี่! พาพวกเราไปด้วย! ช่วยพวกเราด้วย!” เจียหมิงดูเหมือนจะประสบกับความเจ็บปวดอันไม่สามารถอธิบายได้ เขาเอาแต่พยายามยืดตัวออกมา เฉินเกอพบว่าข้อมือของเขานั้นมีกุญแจมือใส่เอาไว้ และอีกข้างนั้นก็สวมอยู่กับข้อมือของหลี่เจิ้ง
หลี่เจิ้ง เจียหมิง มือกรรไกร และคนที่เหลือที่หายตัวไปจากบ้านของฟ่านฉง ตอนนี้ พวกเขาจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวที่นี่ นี่ทำให้เฉินเกอรู้สึกสงสัยขึ้นมา ปกติแล้ว เฉินเกอมักจะสังเกตการณ์ต่ออีกครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจ แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้นั้นผิดปกติเกินไป
คุณหมอเกากำลังไล่ตามมา และเขาจะมาถึงในไม่ช้า เขาไม่มีเวลาคิดมากนัก และร่างกายของเขาก็ขยับขึ้นบันไดไปตามสัญชาตญาณ เขาไม่สนใจชีวิตของเจียหมิง แต่ว่าเขาต้องช่วยสารวัตรหลี่ นานมาแล้ว ตอนที่เฉินเกอสู้กับสมาคมเล่าเรื่องผีเป็นครั้งแรกที่อพาร์ทเม้นท์ฟางฮวา เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้นั้นช่วยเขาเอาไว้ครั้งใหญ่ด้วยการซื้อเวลาให้เขาในช่วงเวลาที่คับขันที่สุด เฉินเกอไม่ได้เห็นตัวเองเป็นเทพเจ้า แต่ว่าเขาจดจำทุกน้ำใจที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา
“สารวัตรหลี่พูดถึงหัวหน้าเอี๋ยนก่อนหน้านี้ แต่ทำไมผมถึงต้องบอกทุกอย่างที่เห็นที่นี่ให้หัวหน้าเอี๋ยนฟังด้วย? เขาเป็นอะไรที่มากกว่าที่เห็นเหรอ?”
วิ่งไปถึงชั้นสี่ เฉินเกอเห็นหลี่เจิ้งและเจียหมิงที่ถูกคุมตัวเอาไว้ ขาและแขนของพวกเขาถูกมัดเอาไว้ เด็กหลายคนผลักพวกเขาเข้าไปอยู่ตรงกลางบันได เมื่อพวกเด็ก ๆ เห็นเฉินเกอ พวกเขาก็กระจายตัวออก
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่น่ะ?” เฉินเกอตัดเชือกและช่วยหลี่เจิ้งลุกขึ้น เขากำลังจะถามคำถามอื่น ๆ ตอนที่เสียงประหลาดดังมาจากชั้นบน เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นร่างกายครึ่งหนึ่งของมือกรรไกร ชายขี้เมาและคุณหมอถูกผลักเข้าไปในช่องบันไดและเด็กพวกนั้นก็กอดขาพวกเขาเอาไว้
พวกเขาทั้งสามคนอยู่บนชั้นที่เจ็ด ไม่ใกล้เกินไปและไม่ไกลเกินไป
“เงานั่นบังคับให้ฉันต้องขึ้นไปชั้นบนใช่ไหมฮึ?” เฉินเกอเข้าใจความตั้งใจของเงานั่นได้ทันที
“ทิ้งพวกเราไว้! คุณต้องออกไป! นี่เป็นกับดัก!” ชายชี้เมาตะโกน น้ำเสียงฟังดูกล้าหาญทีเดียว
“ถ้ามีแค่เงาเดียว เขาก็คงไม่สามารถควบคุมคนมากมายในเวลาเดียวกัน…” ตอนที่เฉินเกอกำลังคิด เสียงตูมดังลั่นมาจากข้างนอกตึก โซ่ที่เต็มไปด้วยใบหน้ามนุษย์กระแทกเข้ากับผนังตึก
“คุณหมอเกามาถึงแล้ว” เฉินเกอกำหมัด เรียกซู่อินออกมา เขาให้วิญญาณถือใบปลิวเอาไว้แล้วมุ่งหน้าไปยังตึกอื่นเพื่อชักนำคุณหมอเกาไป
“คุณคิดว่าฉันไม่มีวิญญาณสีเลือดตนอื่นนอกจากซู่อินหรือไง?” เฉินเกอดึงค้อนออกมาแล้วเริ่มออกวิ่งขึ้นบันไดไปเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะมีไพ่ตายมากกว่าที่ฉันมี! หลังจากฉันจัดการกับแก ฉันจะไปพบปะเพื่อเก่าของฉัน คุณหมอเกา”