ตอนที่ 1093 เดินทางสู่โลกใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy
“เกาะทวินดราก้อนไม่ได้ครึกครื้นแบบนี้มานานแล้ว”
ธันเดอร์ยืนอยู่ด้านบนหอคอยสะพานเดินเรือ ‘สโนวบรีซ’ สายตามองดูท่าเรือที่มีเสียงดังโหวกเหวกพร้อมพูดอุทานออกมา
คนจำนวนหลายพันมารวมกันอยู่ที่ีนี่ กล่องสินค้ากล่องแล้วกล่องเล่าถูกขนขึ้นเรือ เมื่อมองลงมาจากที่สูงจะเหมือนกับมดที่เดินเรียงกันเป็นแถว เสียงตะโกนและเสียงซ่าๆ ของคลื่นที่กระแทกหาดทรายผสมปนเปกัน กลายเป็นเหมือนลำนำก่อนที่จะออกเดินทาง
ส่วนอีกด้านหนึ่งของท่าเรือนั้นมีเรือสำเภาที่จอดติดๆ กันอยู่ เสากระโดงเรือที่ตั้งเรียงรายดูแล้วเหมือนกับยอดเขาที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด
ธงสัญลักษณ์ที่โบกสะบัดไปตามลมแสดงให้เห็นว่าเรือลำนั้นเป็นของใคร อ่าวเครสเซนมูน เกาะซันเซต เมืองแชลโล่ววอเทอร์….สมาคมหอการค้าที่ทรงอิทธิพลของฟยอร์ดเหล่านี้ต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เพื่อรอเวลาออกเดินทาง
ครั้งล่าสุดที่ธันเดอร์ได้เห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้ก็คือตอนที่เขาอายุ 22 ปี โดยตอนนั้นเป็นวันที่เหล่านักสำรวจที่รวมตัวกันขึ้นมากำลังจะออกเดินทางไปยังทะเลชาโดว์
“ไม่ใช่แค่ทวินดราก้อน” มาร์จอรีที่อยู่ข้างๆ พูดยิ้มๆ ขึ้นมา “น่าจะบอกว่าทั้งฟยอร์ดต่างวุ่นวายขึ้นมาเพราะข่าวที่ท่านนำกลับมา เส้นทางเดินเรือที่ดูเหมือนไม่มีค่า ตอนนี้กลับกลายเป็นจุดรวมตัวที่เป็นที่นิยม ทั้งปลอดภัยและสงบ แล้วก็ยังมีโอกาสได้กลายเป็นนักสำรวจด้วย เรียกได้ว่าเด็กที่เกิดขึ้นมาในยุคนี้ถือว่าโชคดีอย่างมากทีเดียว”
ธันเดอร์ยิ้มมุมปากขึ้นมา
เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นพูดถึงเส้นทางเดินเรือที่จะตรงไปยังท่าเรือเรฟเวลรี่
‘ขอเพียงหาวัตถุแปลกประหลาดที่อยู่ในแหลมเอนด์เลสเจอ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลก็จะมอบรางวัลให้’ หลังข่าวนี้ถูกนำกลับมายังฟยอร์ด ทุกคนก็พากันแตกตื่นขึ้นมาทันที
สำหรับทุกคนแล้ว คำว่า ‘นักสำรวจ’ นั้นมีแรงดึงดูดที่น่าแปลกประหลาด มันไม่เพียงแต่จะหมายถึงชื่อเสียงเกียรติยศ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวยด้วย แต่การจะค้นพบเส้นทางเดินเรือหรือเกาะใหม่ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันจำเป็นต้องใช้กำลังคนเป็นจำนวนมาก แถมยังอาจจะต้องเจออันตรายจนไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับมาด้วย
แต่ข่าวการจ้างงานของราชาแห่งเกรย์คาสเซิลกลับเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ไปจนหมด เส้นทางเดินเรือจากฟยอร์ดไปยังแหลมเอนด์เลสนั้นเป็นเส้นทางที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งการที่มีเมืองท่าเกิดขึ้นมาใหม่ก็หมายถึงโอกาสทางการค้า ถึงแม้จะไปแล้วไม่เจออะไร แต่อย่างน้อยก็สามารถไปซื้อขายสินค้าได้ ยังไงก็ไม่มีทางขาดทุน
แต่ถ้าหาอะไรเจอขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นก็เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ยิ่งไปกว่านั้นในข่าวนี้ยังบอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าโบราณวัตถุเหล่านี้อาจจะเกี่ยวข้องกับความลับอันยิ่งใหญ่ของสามเทพ ขอเพียงสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการไขปริศนานี้ได้ นั่นก็เท่ากับว่าจะมีโอกาสได้กลายเป็นนักสำรวจกิตติมศักดิ์ของเกรย์คาสเซิล ถึงแม้เกรย์คาสเซิลที่เป็นอาณาจักรบนภาคพื้นทวีปจะมีมาตรฐานของนักสำรวจที่แตกต่างจากเกาะฟยอร์ด แต่ทางฟยอร์ดก็ยังให้ความสำคัญกับเกียรติยศอันนี้อย่างมาก
เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับสามเทพที่พวกเขาศรัทธา
และก็เป็นเพราะข่าวที่ธันเดอร์นำกลับมามีแรงดึงดูดขนาดนี้ จึงทำให้มีคนบางกลุ่มที่แสดงความสงสัย เพียงแต่ความสงสัยอันนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อความกระตือรือร้นที่จะเดินทางไปยังดินแดนทางใต้สุดของเหล่าพ่อค้า ชื่อเสียงของราชาแห่งเกรย์คาสเซิลนั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งฟยอร์ดตั้งแต่ตอนที่เครื่องดื่มยุ่งเหยิงกับน้ำหอมกลายเป็นที่นิยมไปทั้งตลาด สินค้าจำนวนมากจากเนเวอร์วินเทอร์และเรือจักรไอน้ำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทำให้ชื่อเสียงของโรแลนด์ วิมเบิลดันยิ่งโด่งดังมากขึ้น แล้วก็ทำให้หลายๆ คนพากันจำภาพเมืองเนเวอร์วินเทอร์ที่ร่ำรวยเอาไว้ในใจ
อีกทั้งการทั้งสมาคมหอการค้าร่วมก็ยิ่งทำให้ผู้คนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ในเมื่อผู้จ้างงานคือราชาของอาณาจักร แถมยังเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งอย่างมากด้วย อย่างนั้นถ้าเปิดราคาสูงหน่อยก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรใช่ไหมล่ะ?
หลังข่าวนี้แพร่กระจายออกมา ทุกคนที่ยังว่างงานอยู่ในฟยอร์ดต่างก็มีความเคลื่อนไหวขึ้นมา ทำให้เกาะต่างๆ แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่มีประสบการณ์และความกล้าก็จะพยายามหาทางไปเข้าร่วมกันธันเดอร์ ส่วนฝ่ายที่ชอบความปลอดภัยและหวังว่าตัวเองจะโชคดีก็จะกางใบเรือมุ่งหน้าไปยังแหลมเอนด์เลสเพื่อพยายามแย่งทำเลในการทำการค้า
ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ธันเดอร์ไม่มีทางนึกภาพออกแน่ว่าอาณาจักรที่อยู่คนฟากของทะเลจะมีอิทธิพลต่อฟยอร์ดได้ขนาดนี้
เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อปีสองปีมานี้เอง
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้านั่นแหละ” เขาทอดตามองออกไปยังเส้นขอบฟ้าสีเงิน “ถ้าไม่เป็นเพราะเจ้ามาคอยดูแลสมาคมหอการค้าแทนข้า ข้าก็คงไม่ได้ออกไปสำรวจอย่างเต็มที่ครั้งแล้วครั้งเล่า บอกตามตรง ตัวข้านอกจากเรื่องสำรวจทะเลแล้ว ข้าก็ไม่มีข้อดีอะไรอย่างอื่นเลย แม้แต่เป็นพ่อที่ดีก็ยังทำไม่ได้ หลายปีมานี้ภาระต่างๆ ก็โยนมาให้เจ้า ข้าติดค้างเจ้าเยอะมากจริงๆ…”
“ท่านน่าจะรู้ว่าข้าเต็มใจทำสิ่งเหล่านี้” มาร์จอรีเอามือวางไปบนหลังมือของเขา “ถ้ามาบอกว่าติดค้างกับคนที่ไม่หวังผลตอบแทน มันจะทำร้ายจิตใจกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็ใกล้จะออกเดินทางแล้วด้วย คำพูดแบบนี้พูดให้น้อยหน่อยจะดีกว่า”
“มาร์จอรี…” ธันเดอร์หันมาสบตาอีกฝ่าย
“แน่นอน จะบอกว่าไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเลยก็ดูจะไม่ถูกซักเท่าไร ความจริงข้าน่ะ…ยังมีสิ่งอื่นที่ต้องการอยู่” มาร์จอรีกะพริบตา “ดังนั้นท่านก็คิดซะว่าข้าทำไปเพราะสิ่งอื่นก็แล้วกัน อย่าได้รู้สึกว่าติดค้างอะไรข้าเลย”
ธันเดอร์ย่อมต้องรู้ว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร
ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นภาพเธอสนิทสนมกับไลต์นิ่ง เขายังไม่รู้สึกแปลกอะไร
แต่ตอนนี้พอมาคิดๆ ดูแล้ว เขาพบว่าตัวเองเคยชินกับการที่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วยไปเสียแล้ว
ที่น่าแปลกก็คือ ในตอนที่เขาออกไปเสี่ยงภัย ไม่ว่าจะเจอพายุหรือคลื่นลมอะไร เขาก็ไม่เคยมีความลังเลมาก่อน แต่ในเรื่องนี้เขากลับรู้สึกยากที่จะเอ่ยปากออกมาได้
ในตอนที่ธันเดอร์กำลังลังเลว่าจะพลิกมือกลับมากุมมืออีกฝ่ายเอาไว้หรือไม่ เสียงตะโกนของผู้ช่วยของเขาพลันดังขึ้นมา
“หัวหน้า…!” อีกฝ่ายยืนอยู่ตรงระเบียงสะพานเดินเรือ เขาเงยหน้าตะโกนขึ้นมา “พวกพ่อค้าต่างเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว พวกเขากำลังรอให้หัวหน้าออกคำสั่ง!”
ธันเดอร์กระแอมเล็กน้อย “รู้แล้ว! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
“รับทราบ!”
เขาสูดหายใจพร้อมมองมาที่มาร์จอรี “ข้าต้องไปแล้วล่ะ”
“ไปเถอะ” มาร์จอรียิ้มพร้อมพยักหน้า “ไปทำในสิ่งที่ท่านถนัดที่สุด เหมือนอย่างที่ฝ่าบาทตรัสเอาไว้…”
“อื้อ” ธันเดอร์พูดต่อ “….ไปยังโลกใหม่”
….
เขาเดินลงมาจากด้านบนหอคอย จากนั้นเดินทะลุสะพานเดินเรือออกไปยืนอยู่ตรงหัวเรือ พร้อมกับมองดูผู้คนที่ยืนอยู่ตรงท่าเรือ
ด้านล่างมีเสียงเฮดังขึ้นมาทันที
ธันเดอร์โบกมือ “คิดว่าทุกคนคงจะรู้ถึงเส้นทางการเดินเรือที่พวกเราจะไปในครั้งนี้แล้ว จนถึงตอนนี้ สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เราเคยเดินทางไปจากฟยอร์ดก็คือทะเลชาโดว์ แต่สำหรับทะเลน้ำวนแล้ว นี่เป็นเพียงก้าวเล็กๆ ที่เพิ่งจะเดินออกไปจากประตูเท่านั้น ครั้งนี้พวกเราจะข้ามผ่านทะเลชาโดว์ออกไป ล่องผ่านเส้นทะเลอันน่าเหลือเชื่อ มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ไกลออกไปทางฝั่งตะวันออก —- ดินแดนที่ยังไม่เคยมีมนุษย์คนไหนย่างกรายเข้าไปมาก่อน!”
“ข้าเคยเห็นดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลจากในโบราณสถานตรงทะเลชาโดว์ ดูแล้วไม่ได้เล็กไปกว่าดินแดนของสี่อาณาจักรใหญ่เลย มันอยู่ที่ไหนกันนะ? จะอยู่ทางตะวันออกของเส้นทะเลหรือเปล่า? นี่เป็นคำถามที่ทำให้ข้าตื่นเต้นอย่างมาก และครั้งนี้พวกเราก็จะไปหาคำตอบนั้นกัน ถ้ามันมีอยู่จริงๆ เช่นนั้นชาวฟยอร์ดก็จะได้บอกลาแผ่นดินเคบๆ แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่ให้อยู่อาศัยอีก! ขณะเดียวกันความร่ำรวยที่มันนำมาให้เราบางทีอาจจะมากกว่าเส้นทางเดินเรือที่พวกเรามีอยู่ในตอนนี้รวมกันเสียอีก และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้ายินดีต้อนรับคนที่มีความสามารถทุกคนมาเข้าร่วมทีมของข้า ผลตอบแทนที่มากมายขนาดนี้ ต่อให้มีคนเยอะกว่านี้ก็ยังพอแบ่ง!”
เขาชะงักไปเล็กน้อย กระทั่งเสียงเฮของผู้คนหายไป เขาจึงพูดต่อว่า “แต่ถ้าโยนเงินเทองกับชื่อเสียงทิ้งไป สิ่งที่ข้าต้องการนั้นคืออีกสิ่งหนึ่ง นั้นก็คือการที่ฟยอร์ดถูกบันทึกลงไปบนประวัติศาสตร์! ในบันทึกประวัติศาสตร์ของสี่อาณาจักรใหญ่นั้นไม่ค่อยพูดถึงพวกเรา ฟยอร์ดนั้นไม่มีทั้งตระกูลขุนนางที่สืบทอดมาเป็นร้อยปี แล้วก็ไม่มีกษัตริย์ที่สูงส่ง พวกเราเป็นเหมือนเกาะที่อยู่โดดเดี่ยวห่างไกลออกมาจากแผ่นดิน นอกจากพ่อค้าแล้วก็แทบจะไม่มีอิทธิพลอะไรเลย”
“แต่สถานการณ์มันจะไม่เป็นแบบนี้ไปตลอด ในตอนที่พวกเราบุกเบิกแผ่นดินแห่งใหม่เพื่อมวลมนุษย์ ประวัติศาสตร์จะจารึกพวกเรา จารึกเหล่านักสำรวจทุกคนที่ก้าวไปบนเส้นทางโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว! ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะรู้ว่าการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงปัจจุบันเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการกำหนดอนาคตของพวกเราด้วย!”
“กางใบเรือขึ้นมา เหล่าสหาย” ธันเดอร์ชูมือขึ้นมา “ก้าวสู่โลกใหม่ เดินหน้าเต็มกำลัง!”
ผู้คนที่จำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านล่างพากันชูมือตามขึ้นมา ก่อนจะส่งเสียงตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า
“ก้าวสู่โลกใหม่ เดินหน้าเต็มกำลัง!”
……………………………………………………………………………