ตอนที่ 1092 หมายจับ โดย Ink Stone_Fantasy
“เจ้าก็เลยคิดจะช่วยมัน?” มาล โทคัตขมวดคิ้ว “เศษเดนของศาสนจักรเนี่ยนะ?”
หลังคุมตัวโจออกไป หัวหน้าองครักษ์ก็รีบเรียกทูตจากเมืองกลอรีเข้ามาทันที ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เขาไม่กังวลว่าสามตระกูลใหญ่จะละโมบอยากได้สมบัติ เพราะไม่มีใครรู้วิธีการใช้ที่แท้จริงของมัน ถ้ามันมีพลังแข็งแกร่งอย่างที่ว่าจริงๆ อย่างนั้นมันคงไม่มีทางหลุดรอดออกไปจากอาณาจักรดอว์นตั้งแต่แรกแล้ว
“ช่วยหรือไม่ช่วย เรื่องนั้นข้าเป็นคนตัดสินใจเอง” ฌอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “คำสั่งที่ข้าได้รับมาคือพยายามหาเบาะแสของสมบัติให้ได้เร็วที่สุด ตอนนี้เมื่อมีเบาะแสที่ดูน่าเชื่อถือปรากฏขึ้นมา ข้าก็ย่อมต้องทำการยืนยันว่ามันจริงหรือไม่จริง ส่วนหลังจากนี้จะใช้วิธีไหนก็ต้องให้ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินพระทัย” เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองดูอีกฝ่าย “อย่างนั้นเจ้ามีแผนอะไรไหม ท่านทูต?”
กองทัพที่หนึ่งนั้นแข็งแกร่งไร้ผู้ต่อต้าน แต่นั่นก็ต้องมีศัตรูให้พวกเขาสู้ การจะหาพวกสายสืบที่หลบซ่อนอยู่เงามืดนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาถนัด ดังนั้นเรื่องนี้ให้ทางสามตระกูลใหญ่เป็นคนจัดการจึงมีความเหมาะสมมากกว่า
“บอกตามตรง ข้าอยากจะทำเป็นไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มากกว่า” มาลยักไหล่ “ถ้าไม่เป็นเพราะศานจักร พี่แอนเดรียก็คงไม่ถูกไล่ออกไปจากอาณาจักรดอว์น ไม่แน่ตอนนี้อาจจะกลายเป็นภรรยาของพี่…..อะแฮ่มๆ แต่ว่าในเมื่อท่านเอ่ยปากมา ข้าก็มีแต่ต้องช่วยเต็มที่ ถึงแม้ช่วงนี้ภายในเมืองจะมีคนเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าอยากจะหากลุ่มคนที่มีความพิเศษซักกลุ่มมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“กลุ่มคนพิเศษ?”
“ถูกต้อง เส้นทางบนเขาเคจเมาเธ่นถูกปิดเอาไว้ ถ้าอยากจะข้ามจากวูล์ฟฮาร์ทมาที่นี่ เส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือทางทะเล นั่นก็คือทุกคนต้องผ่านอ่าวคอรอล เมืองท่าที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองธอร์น” มาลกางนิ้วมือออกมา “คนที่มาจากทางตะวันออกมีอยู่ 10 – 15 คน บางทีอาจจะมีคนที่มีสำเนียงของวูล์ฟฮาร์ทหรือไม่ก็รูปแบบการแต่งตัวที่เหมือนชาววูล์ฟฮาร์ทอยู่ ถ้าใช้ข้อมูลนี้ไปทำการคัดกรองดู ก็จะทำให้กลุ่มเป้าหมายหดเล็กลงเหลือ 2 – 3 กลุ่ม อย่างมากก็ไม่เกิน 5 กลุ่ม”
“เพราะวาเมืองที่อยู่ทางตะวันออก…มีแค่อ่าวคอรอลเหรอ?” ฌอนพูดเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก็เหมือนกับคนที่เดินทางจากทางตะวันออกมายังเมืองเนเวอร์วินเทอร์นั้นอาจจะมีคนที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ ของเกรย์คาสเซิล แต่พวกที่เดินทางจากตะวันตกมายังเมืองเนเวอร์วินเทอร์ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่ปีศาจเท่านั้น “พอหาคนพวกนี้ออกมาได้ก็ค่อยจับพวกเขามาสอบสวน?”
“ถูกต้อง” มาลพยักหน้า “สายสืบที่ท่านต้องการหามีความเป็นไปได้สูงที่จะอยู่ในคนกลุ่มนี้”
“ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้?”
“จะมีใครรู้จักเมืองเล็กๆ นี้ดีกว่าพวกโจรใต้ดินอีกล่ะ? แค่ให้เงินพวกมันก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว” มาลพูดยิ้มๆ พร้อมเอามือขึ้นมาทาบที่ท่าอก “เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของสามตระกูลใหญ่ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทางตระกูลโทคัตจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
…..
ในโรงแรมเล็กๆ ที่อยู่ชานเมืองธอร์น แฮกริดผู้เป็นพ่อบ้านของเอิร์ลแห่งเกาะอาชดยุคกำลังปัดยุงอย่างหงุดหงิด
โรงแรมบ้านี่ทุเรศจริงๆ เลย แม้แต่มุ้งซักหลังก็ยังไม่มี เขาคิดอย่างหงุดหงิด ฤดูร้อนยังมาไม่ถึงยังบินกันว่อนขนาดนี้ นี่ถ้าผ่านไปอีกซักสองเดือนจะนอนยังไงเนี่ย?
แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่ลูกบาสก์เวทมนตร์แห่งการบูชายัญเปล่งแสงออกมา
เขาเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าราชาแห่งเกรย์คาสเซิลส่งคนมาที่นี่เพื่อหาสมบัติในวิหารต้องสาปจริงๆ หรือไม่
ก็ลองดูสิว่าช่วงนี้พวกเขาทำอะไร?
จากข่าวที่ลูกน้องของเขารวบรวมมา ทีมสำรวจของเกรย์คาสเซิลมาถึงเมืองธอร์นตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มสร้างถนน แล้วก็เกณฑ์นักโทษประหารท่าทางดูน่ากลัวมา วิหารที่ตั้งอยู่ตรงไหล่เขาถูกพวกเขาขุดทั้งวันทั้งคืน ทุกๆ วันจะมีก้อนหินถูกขนลงมาจากบนเขา ก่อนจะเอามาวางไว้ยังที่โล่งๆ ที่มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา
ถ้าบอกว่าพวกเขาทำเช่นนี้เพื่อต้องการจะหาสมบัติที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินก็ยังพอจะเป็นไปได้ แต่ในความเป็นจริง พวกทหารของเกรย์คาสเซิลดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับก้อนหินพวกนี้มากกว่าสมบัติเสียอีก เขาเคยแอบสอดแนมดูอยู่ไกลๆ ก่อนจะเห็นว่าก้อนหินที่ถูกขนออกมาจากในวิหารจะถูกนำเอาไปตากให้แห้งก่อน จากนั้นก็จะถูกขนใส่รถม้าเพื่อส่งต่อไปยังอ่าวคอรอล
แฮกริดไม่เข้าใจจริงๆ ว่าราชาแห่งเกรย์คาสเซิลจะเอาก้อนหินสีดำพวกนี้ไปทำอะไร
เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อขโมยก้อนหินจากในวิหารมาสองสามก้อน ก่อนจะสั่งให้คนเอาก้อนหินพวกนั้นกลับไปให้เอิร์ลโรแลนโซ่ แต่ผลสุดท้ายมันก็เป็นเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ ลูกบาศก์เวทมนตร์ไม่ได้มีพลังตอบสนองอะไรออกมาเลย
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญในการกระตุ้นให้สมบัติโบราณตอบสนองจะต้องเป็นของสิ่งอื่นแน่
“นายท่าน พวกเราพาคนที่ท่านต้องการมาแล้วขอรับ” ลูกน้องคนหนึ่งเลิกผ้าม่านตรงประตูออก ก่อนจะรายงานเขา
“ให้เขาเข้ามา” แฮกริดรีบกระชับคอเสื้อ ก่อนจะนั่งตัวตรง
“ขอรับ!”
จากนั้นชายคนหนึ่งที่ท่าทางดูเหมือนชาวนาก็ถูกผลักเข้ามาในห้อง เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “นายท่าน ข้าชื่อนาฟ ไม่ทราบว่าท่านอยากจะขึ้นเขาหรือขอรับ? ขอเพียงไม่ข้ามยอดเขาไป ไม่ว่าที่ไหนข้าก็จะพาท่านไป….”
“ได้ยินว่าตอนแรกที่คนของเกรย์คาสเซิลมาถึงที่นี่ คนนำทางให้พวกเขาก็คือเจ้า?” แฮกริดพูดตัดบท
“ชะ ใช่ขอรับ…นายท่าน”
“ตุบ”
แฮกริดโยนถุงผ้าเล็กๆ ลงตรงหน้าเขา “ในนี้มีเงินอยู่ 20 เหรียญทอง ขอเพียงเจ้าสามารถบอกให้สิ่งที่ข้าสนใจได้ เงินนี่ก็จะเป็นของเจ้า”
“ดะ ได้ขอรับ นายท่าน ข้าจะบอกท่านทุกอย่างเลยขอรับ!” นาฟรีบรับคำอย่างตื่นเต้น
“ลองเล่าเรื่องในตอนนั้นมาอย่างละเอียดซิ ห้ามตกหล่นแม้แต่นิดเดียว” แฮกริดมองดูชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงเท้าอย่างดูถูก ก่อนจะเอนหลังพิงไปบนเก้าอี้
ในขณะที่นาฟเล่าถึงตอนที่คณะสำรวจเดินขึ้นเขาเคจเมาเธ่น แฮกริดพลันลืมตาโตขึ้นมา “เดี๋ยวๆ เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ?”
“แม่มดที่ชื่ออาซีม่าคนนั้น…”
“ไม่ ประโยคหลัง!”
“เอ่อ นางถือเหรียญเอาไว้ในมือเหรียญหนึ่งพร้อมพูดไปเดินไป”
“เหรียญ?” แฮกริดถามต่อ “เป็นเหรียญแบบไหน?”
ดูแล้วเหมือนเหรียญธรรมดาๆ ไม่เหมือนเหรียญเงิน แล้วก็ไม่เหมือนเหรียญทองแดง” นาฟครุ่นคิด “ใช่แล้วขอรับ บนเหรียญไม่มีลวดลายใดๆ แม้แต่น้อย คล้ายกับแผ่นเหล็กที่ถูกขัดจนเรียบอย่างไรอย่างนั้น”
“แม่มดคนนั้นชูมันเอาไว้ตลอดเหรอ?” แฮกริดรู้สึกเหมือนตัวเองจับประเด็นสำคัญได้แล้ว
“ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นขอรับ” คนนำทางพูดเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “พอฟังท่านพูดแบบนี้ ข้าก็นึกขึ้นมาได้เหมือนกัน แม่มดคนนั้นจะเป็นคนชี้ทิศทางในการเดินให้กับคนพวกนั้น และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนทิศทาง แม่มดก็ชูเหรียญขึ้นมา แล้วก็เหมือนกับจ้องมองอะไรบางอย่างขอรับ”
บ้าเอ้ย คนพวกนี้มันรู้เรื่องสมบัติจริงๆ ด้วย!
แฮกริดกำหมัด “แล้วแม่มดที่ชื่ออาซีม่าคนนั้นล่ะ…ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“ข้า ข้าไม่รู้ขอรับ” นาฟส่ายหัว “หลังจากนั้นไม่กี่วันนางก็ออกไปจากเมืองธอร์น น่าจะ…กลับไปยังเกรย์คาสเซิลแล้วขอรับ”
ถ้าแค่ไม่กี่วัน อย่างนั้นอีกฝ่ายคงจะออกจากเคจเมาเธ่นไปตั้งแต่ก่อนที่ตัวเองจะออกเดินทางแล้ว แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของลูกบาศก์เวทมนตร์ยังคงไม่หยุด นั่นก็หมายความว่า…เหรียญนั่นยังอยู่ที่นี่? แฮกริดคิดอย่างดีใจ อย่างนั้นของสิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่เหรียญ หากแต่เป็น ‘กุญแจ’ ที่ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลหามาจากซากโบราณสถานอื่น ในเมื่อเป็นของสำคัญ อย่างนั้นมันก็ต้องอยู่ที่ตัวหัวหน้าของทีมสำรวจแน่
ข้อมูลตรงนี้เขาสืบมาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้คนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในทีมสำรวจของเกรย์คาสเซิลมีอยู่สองคน ได้แก่ฌอนที่เป็นผู้บังคับบัญชากับมาลที่เป็นทูตของสามตระกูลใหญ่
เมื่อเทียบกับบุตรชายคนรองของตระกูลขุนนางแล้ว องครักษ์ของพระราชาดูเหมือนจะถูกล่อลวงได้ง่ายกว่า ปราสาทจำนวนมากในโลกนี้มักจะถูกโจมตีมาจากด้านในเสมอ
ถ้าอยากจะล้วงข้อมูลมาจากเขาต้องใช้เงินเท่าไร?
500…หรือว่า 1,000 เหรียญทอง?
แต่แฮกริดรู้ดีว่าไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไร ขอเพียงได้รู้ความลับของลูกบาสก์เวทมนตร์ ท่านเอิร์ลก็ต้องยินดีจ่ายแน่นอน
ขอเพียงติดต่อกับผู้บังคับบัญชาคนนั้นได้ คำตอบที่ตัวเองต้องการก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
แฮกริดตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ถ้าเขาได้ ‘กุญแจ’ นั้นมา เขาจะต้องได้รับการชื่นชมจากท่านเอิร์ลอย่างมากแน่ เผลอๆ ตัวเองอาจจะได้กลายเป็นผู้นำแทนก็ได้? เพราะไม่มีใครกำหนดเอาไว้นี่นาว่ามีแต่คนที่เป็นผู้นำเท่านั้นถึงจะใช้งานลูกบาสก์เวทมนตร์ได้
ในขณะที่เขากำลังฝันหวานอยู่นั้น ด้านนอกประตูพลันมีเสียงฝีเท้าที่ฟังดูเร่งรีบดังขึ้นมา
“เดี๋ยวๆ พวกเจ้าเป็นใคร…”
“อ๊าก!”
หลังจากนั้นก็มีกระแทกดังปึงปัง ยังไม่ทันที่แฮกริดจะได้คิดอะไร ประตูพลันถูกถีบจนเปิดออก แขกที่ไม่ได้รับเชิญที่แต่งตัวเหมือนหน่วยลาดตระเวนแห่กันเข้ามาในห้องพร้อมกับจับตัวเขากดลงไปกับพื้น
แฮกริดพยายามขัดขืน “ข้า ข้าเป็นพ่อค้าที่ถูกกฎหมายนะ พวกเจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้! ถ้าพวกเจ้าต้องการเงิน ข้าให้พวกเจ้าได้นะ”
“ท่านเจ้าเมืองธอร์นสงสัยว่าพวกเจ้าซ่อนคนของศาสนจักรเอาไว้ ดังนั้นเจ้าต้องไปเข้ารับการสอบสวนเดี๋ยวนี้” อีกฝ่ายพูดอย่างไม่ลังเล “ถ้ามีอะไรจะพูด ก็เอาไว้ไปพูดต่อหน้าท่านก็แล้วกัน!”
………………………………………………………..