หลังจากที่ผ่านงานแต่งที่จัดอย่างยิ่งใหญ่มาแล้ว ยู่ยี่ให้รู้สึกปวดหัวหน่อยๆ รอให้ถึงวันที่ครบรอบหนึ่งเดือนของลูก ลูกชายของเธอคงถูกทรมานพอๆกัน
“ยังไม่นอนหรอ?” ตอนที่ฉันทัชเดินเข้ามาเห็นเธอกำลังอ่านนิตยสาร
ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ ยู่ยี่พูดเสียงเบาว่า “เขาหลับหรือยัง?”
ฉันทัชพยักหน้าเอาเจ้าเด็กน้อยวางใส่เปล เอาเธอมาไว้ในอ้อมกอด ลมหายใจอุ่นๆรดที่บริเวณคอของเธอ “ผมอายุขนาดนี้แล้ว เพิ่งจะได้สัมผัสกับความสุขจริงๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณให้กับผม ที่รัก ผมรักคุณ…”
ยู่ยี่กอดที่บริเวณช่วงเอวที่ไม่มีไขมันส่วนเกินของเขา ตอบกลับเขาด้วยเสียงนุ่มนวลและอ่อนหวานว่า “ฉันก็รักคุณค่ะ แต่ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกว่าหมู่นี้คุณจะยิ่งเลี่ยนเข้าไปทุกทีนะ”
“อาจจะเป็นเพราะมาถึงจุดที่เจออะไรมาเยอะก็เลยเกิดความละเอียดอ่อนในความสัมพันธ์ หัวใจและอายุในเวลานี้ได้มาเจอคุณ ได้มีลูก ผมก็จะต้องดูแลอย่างดี….” เขาเอ่ยปากพูดอย่างนุ่มนวลและท่าทีปกป้องทะนุถนอมอย่างที่สุด
ยู่ยี่ถอนหายใจเบาๆ “ทำไงดีล่ะ? ตอนนี้ฉันยิ่งชอบฟังคำพูดหวานๆของคุณมากยิ่งขึ้น”
ในมือของฉันทัชถือน้ำอุ่น แล้วจิบไปเบาๆ ลูกกระเดือกเคลื่อนไหว “หลังจากนี้ผมจะพูดให้คุณฟังบ่อยๆ แค่คุณชอบเท่านั้น”
……
ข่าวเรื่องที่ยู่ยี่คลอดลูกชาย เชอร์รีนกับนาโนต่างก็รู้เรื่องแล้วก็ให้ตื่นเต้นดีใจ
หัสดินก็รู้เรื่องมาจากปากของออกัส หมู่นี้เขานั้นเงียบ ซูบผอม และก็เก็บตัว
หลังจากที่ได้ฟังข่าวนั้นเขาก็กลับไปที่อพาร์ทเม้นต์ ตอนนั้นเขาเป็นเตรียมห้องเด็กทารกด้วยตัวเอง เดินเข้าไปกวาดตามองรอบๆก็ให้รู้สึกเจ็บแปลบและเจ็บปวด
ตอนนี้เธอแต่งงานแล้ว แต่งไปกับผู้ชายคนอื่น จนตอนนี้เธอคลอดลูกก็เป็นลูกของผู้ชายคนอื่น
เขาเป็นเรียบร้อยและรักสะอาดมาตลอด ในเวลานี้กลับไม่สนเสื้อสูทที่สวมอยู่บนร่างกายจะสะอาดหรือไม่ เขานั่งลงกับพื้นและหยิบไฟแช็คมาเอาของเล่นพวกนั้นที่แต่ก่อนเคยเตรียมไว้เผาไฟทั้งหมด
ไม่มีความจำเป็น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้แล้ว เก็บไว้ก็รังแต่จะเป็นการเตือนเขาว่าตอนนั้นเขาโง่มากแค่ไหน
เปลวไฟค่อยๆแรงขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็เป็นควันสีเทากลิ่นแสบจมูก กลัวว่าเขาจะไม่รู้ ตอนนั้นยู่ยี่ก็ทำเหมือนที่เขาเคยทำ เธอเอาเสื้อเด็กเผาไฟ
เด็กที่เธอคลอดมาต้องน่ารัก หรือไม่ก็เหมือนกับเธอที่บางทีก็ชน บางทีก็ทำอะไรแปลกๆ บางทีก็บ๊องๆ นั่นคงเป็นฉบับคัดลอกของเธอ
มุมปากของเขาเผยรอยยิ้ม แต่วินาทีต่อมาก็เปลี่ยนเป็นขื่นขม หัสดินลุกขึ้นไปห้าง เขาเลือกโมเดลทรานฟอร์เมอร์รุ่นอัลมิเต็ด
ตอนที่มาถึงบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เชอร์รีนไม่อยู่บ้าน ออกัสกับซารางอยู่ เธอกำลังเขียนพู่กันจีน
หัสดินมองซาราง “นึกยังไงให้ลูกฝึกเขียนพู่กันจีน?”
“แม่เธอให้ฝึกนู่น บอกว่าอารมณ์ของเธอนั้นฉุนเฉียว ต้องฝึกเขียนพู่กันจีนเพื่อฝึกอารมณ์” ออกัสนั่งไขว่ห้าง กำลังอ่านกองเอกสาร
ซารางกำลังฝึกเขียนพู่กันจีน หมอบอยู่ตรงนั้นบิดไปบิดมา ก้นกระดกยกสูงขึ้น แล้วหลังจากนั้นเธอก็เอาพู่กันเข้าปากแล้วกัดอีก
พู่กันจีนยังฝึกไม่ได้ดี พู่กันก็ได้เปลี่ยนมาแล้วห้าหกแท่งแล้ว เป็นแท่งที่ถูกเธอกัดทั้งหมด เหมือนหมากัดก็ไม่ปานเลย
“ของขวัญชิ้นนี้ ตอนที่แกจะส่งไปฝากเอาของฉันไปด้วยนะ” หัสดินพูด
ได้ยินดังนั้นออกัสขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร
หัสดินพูดอีกว่าคิดอยากที่จะส่งไปเอง แต่กลัวว่าจะไม่เหมาะ และตอนที่แกส่งไปให้ใช้ชื่อแก อย่าบอกว่าฉันส่งมา
และหยุดไปนาน เขาถูมือไปมาและพูดด้วยความขื่นขมว่า “ฉันกลัวว่าเธอจะเอาของขวัญฉันทิ้ง”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หัสดินที่เย่อหยิ่งกลับเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาที่ดูจิตใจฮึกเหิมกลับเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันเขาที่ดูสง่ากลับน่าสงสารอย่างในวันนี้
ออกัสไม่ได้พูดว่าอะไร เขาเพียงแต่ตอบว่า “ฉันจะช่วยแกส่งไป”
“งั้นก็ดี” หัสดินเหมือนเข้าใจความในใจ ท่าทางอย่างนั้นเหมือนยกภูเขาออกจากอก
เผชิญหน้ากับความรู้สึกของเพื่อนสนิทอย่างนี้ ออกัสก็ไม่รู้จะพูดยังไง ตบไหล่ของเขา ไม่ได้พูดอะไร
หัสดินยิ้ม เพียงแต่ว่ายิ้มนั้นดูไม่น่ามองมากกว่าร้องไห้ เจ็ดปีเต็มๆ ตั้งแต่มหาลัยก็เริ่มรักกัน แต่งงาน จนตั้งครรภ์ เขานึกว่าจะเดินร่วมกันตลอดทางและจะเดินต่อไปจนถึงที่สุด แต่สุดท้ายเขายังปล่อยทิ้งเธอไป
ความผิดที่ได้ทำ ปล่อยให้เธอไป ไม่ว่าจะทำยังไงก็กลับมาเป็นเหมือนก่อนไม่ได้แล้ว สิ่งที่รอเขามีแต่ความเลือนราง เจ็บปวดและเงียบงัน
บางทีเขาอาจจะใช้ชีวิตอย่างนี้ต่อไป
จนถึงตอนนี้ เขายังนึกถึงฉากครั้งแรกที่เจอกับเธอ ตอนนั้นเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของมหาลัย เขานั่งอาบแดดชิวๆที่ใต้ต้นไม้
เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ภายใต้แสงอาทิตย์ดูสะอาด ผุดผ่อง ผิวและสายตานั้นเหมือนลำธารที่สะท้อนเงาพระจันทร์ แต่กลับดูก๋ากั่น เธอจูบเขา ดวงตายิ้มและดูซุกซน “รู้สึกว่าตัวเองโดนเอาเปรียบใช่มั้ย งั้นจะจูบคืนหรือเปล่า?”
ตอนนั้นใบไม้สีเขียวอ่อน กิ่งใบเจริญงอกงาม แสงแดดกำลังดี เธอก็เข้ามายังโลกของเขา
คิดมาถึงตอนนี้ก็ให้มีความเจ็บปวดที่ยากที่จะเอ่ย อยากจะออกไป แต่กลับรู้สึกว่าร่างนั้นเคลื่อนออกไปไม่ได้เลย ทรุดลงอยู่ตรงนั้น หัสดินพูดขึ้นว่าให้ฉันพักหน่อยนะ เดี๋ยวฉันก็จะไป
เจ็บ เจ็บจนใจจะขาดจนทำให้เขาไม่สามารถที่จะเคลื่อนเท้าไปได้
อดีตอันอบอุ่นที่ผ่านไป มักจะเป็นปากแผลที่ร้ายแรงมาก มันสามารถที่จะทำให้คุณเจ็บจนไม่สามารถพูดอะไรได้
……
ตอนที่เนเน่กลับไปถึงบ้าน เรนนี่ไม่อยู่บ้าน เธอเริ่มทำอาหารค่ำ
ขณะที่เดินผ่านห้องรับแขก เธอเห็นคอมเปิดอยู่ เลยเดินเข้าไปด้วยความสงสัย แถบหน้าที่คอมเปิดอยู่นั้นทั้งหมดเกี่ยวข้องกับโรคเอดส์
โรคเอดส์ควรรักษายังไง?
เป็นโรคเอดส์จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่?
โรคเอดส์ระยะสุดท้ายอาการเป็นยังไง?
แล้วยังมีแถบอื่นๆที่กำลังเปิดอยู่ เป็นข่าวเกี่ยวกับหัสดินบอกว่าหัสดินมีความสามารถ ตอนนี้หุ้นของภูษาธรกรุ๊ปอยู่ในแนวโน้มที่คงที่และสูงขึ้น ตำแหน่งที่เขาอยู่ในบริษัทก็สูงขึ้นด้วย
แล้วยังมีข่าวหัสดินกับภรรยาคนที่สองหย่ากัน แม้ว่าจะไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร แต่ว่ามีใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างนั้นและก็มีวงศ์ตระกูลอย่างนี้ คนที่อยากจะแต่งงานกับเขาคงมีไม่น้อย ช่วงนี้มีแบบสำรวจออกมาว่าหัสดินขึ้นแท่นหนุ่มโสดของเมืองSไปแล้ว
เนเน่รู้สึกว่าเธอตัดใจไม่ขาด จนมาถึงขั้นนี้แล้วกลับยังคิดถึงหัสดินอยู่!
เธอโทรหาเรนนี่ เธอบอกว่าเธอซื้อของอยู่ที่ห้าง เดี๋ยวก็กลับแล้วยังถามเธออีกว่าต้องการซื้ออะไรมั้ย?
เนเน่บอกว่าไม่ต้อง ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเรนนี่ก็กลับมา ของที่ซื้อมาก็ไม่เยอะ ในมือถือสองถุง
ถุงที่อยู่ด้านหน้ายื่นส่งให้เนเน่ ส่วนถุงที่อยู่ถัดไปเธอเอาวางไว้ด้านหลัง หลังจากนั้นก็เข้าห้องไป ดังนั้นเนเน่ก็เลยไม่เห็นว่าของที่ซื้อมาคืออะไร
หลังจากที่กินอาหารค่ำแล้ว เนเน่ก็ไปเก็บถ้วยชาม เรนนี่กลับเข้าห้องไป บนคอมหน้าที่เป็นข่าวเกี่ยวกับหัสดินยังเปิดอยู่
เธอมอง มุมปากก็ค่อยๆเผยยิ้มออกมา ขึ้นแท่นชายโสดของเมืองS! หึหึ! เป็นคำที่เสียดสีที่น่าขัน!
ชีวิตของเธอทั้งหมดถูกทำลายโดยหัสดิน ถ้าตอนที่เรียนมหาลัยตอนนั้นไม่มีคำเสียดสีของเขาแบบนั้น เธอคงไม่ถูกนักศึกษาทั้งมหาลัยเสียดสี เยาะเย้ย!
รอจนปริญญา ทำงาน เธอใช้เวลาถึงเจ็ดปีที่ได้เข้าใกล้เขา จะเข้าใกล้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ได้เป็นคุณนายของตระกูลภูษาธร แต่สิ่งที่ได้มาคืออะไร?
ความว่างเปล่า! ไม่มีแม้กระทั่งเงินให้กับเธอ!
ดังนั้นสภาพของเธอที่เป็นอยู่ในตอนนี้จะพูดว่าหัสดินเป็นคนทำทั้งหมดก็ได้ ไม่มีเขาก็ไม่มีเรื่องพวกนี้ เธอคงไม่เป็นโรคเอดส์ ตัวการสำคัญของเรื่องทั้งหมดคือหัสดิน!
ตอนนี้เธอมาอยู่ในจุดที่ใกล้จะตาย แต่เขากลับได้ดี ผลสำเร็จของบริษัทก็เพิ่มขึ้น ยังคงใช้ชีวิตอย่างรุ่งโรจน์แล้วยังมีผู้หญิงที่อยากแต่งงานกับเขา!
เธอไม่ยอม! เธอไม่พอใจ! แลล้วก็โกรธมาก! มีสิทธิ์อะไร มีสิทธิ์อะไรกัน!
ยังไงก็ตามเธอก็ได้เป็นโรคเน่าๆนี้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ เธอเป็นอย่างนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก?
ดังนั้นถ้าจะลงนรกก็ลงนรกไปด้วยกัน!
จิตใจของเรนนี่ในตอนนี้ก็บูดเบี้ยวเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว!
เช้าของวันถัดมา
เนเน่ตื่นมาแต่เช้า แต่ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา เรนนี่ก็ไม่อยู่ที่ห้องแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างสงสัยไม่ได้
เลยโทรศัพท์หาเธอถามว่าไปไหน เรนนี่บอกว่าไปโรงพยาบาล
ได้ยินว่าที่ที่เธอไปคือโรงพยาบาลเนเน่ก็วางใจ เพียงแค่เธอไม่ยอมแพ้แล้วยังมีความมั่นใจก็พอแล้ว
เรนนี่โทรหาหัสดินให้เขามาเจอหน้า
หัสดินกดวางสาย ไม่สนใจเธอ
เรนนี่ไม่ยอมลดละโทรหาอีกครั้ง สิ่งที่ได้มายังคงเป็นผลลัพธ์เดิม เขาคงจะไม่รับสายของเธอ
เรนนี่ยิ้มแล้วส่งข้อความไป สายตาของเธอมั่นใจมาก ถ้าเขาเห็นข้อความเขาต้องโทรกลับแน่!
แล้วก็จริงหลังจากที่ข้อความถูกส่งออกไปไม่ถึงนาที เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นหัสดินโทรมา ถามว่าจะให้เจอกันที่ไหน
เรนนี่บอกว่า สถานะแกกับฉันตอนนี้ค่อนข้างจะแตกต่างกัน ไปพบในห้องที่ร้านกาแฟดีกว่า
พูดสั้นๆแล้ววางสายลง
เรนนี่ส่งข้อความหาหัสดินอย่างสั้นๆว่า อัลบั้มภาพของแกกับยู่ยี่อยู่ที่ฉัน อย่าคิดว่าฉันโทรมาจะญาติดีด้วย แต่ฉันอยากที่จะเหยียดหยามแก กระตุ้นแกต่อหน้า แค่อยากเห็นท่าทางของที่มันเสื่อมโทรม ฉันถึงจะพอใจ!
หัสดินรู้ว่าอัลบั้มนั้นอยู่กับเธอ ตอนนั้นย้ายกลับที่ห้องของบ้านตระกูลภูษาธร เขาให้เธอเก็บไว้ดู
เรนนี่พูดหลอกล่ออย่างนี้ หัสดินติดกับขึ้นมาจริงๆ เพียงแค่เธอเหยียบโดนจุดอ่อนของเขา
หึหึหึ เธอแต่งงานมีลูกไปแล้ว เขายังลุ่มหลงอย่างนี้ รู้สึกน่าขันจริงๆ! แค่อัลบั้มอันเดียวเอง ตอนนี้ยังแคร์ขนาดนี้ นี่ทำให้ไฟโกรธที่อยู่ในจิตใจของเรนนี่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นเรนนี่ก็ไปคลินิกเอกชน ที่นั่นเธอได้ให้เงินหมอ ให้หมอช่วยเธอเจาะเลือด บอกว่าจะใช้
คลินิกเอกชนก็เห็นตากำไรเป็นหลักอยู่แล้ว อีกอย่างเงินที่เรนนี่ให้ก็ไม่น้อย เขายอมอย่างยินดี
ยังไม่เสร็จเธอยังพูดขึ้นว่า ช่วงนี้รู้สึกกดดัน ตอนกลางคืนไม่สามารถหลับได้ มียานอนหลับหรือเปล่า
หมอส่ายหน้ารัวๆ สิ่งนี้ไม่สามารถให้ได้