บทที่ 529 ลูกน้อยคลอดแล้ว

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“งั้นก็ดีค่ะ แล้วลูกสะใภ้ฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ?” คุณแม่ธันยวีร์ถาม

“เธอโอเคครับ ความอดทนอดกลั้นและความยืนหยัดสูงมาก แต่ว่าเพิ่งจะคลอดเด็กออกมา ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอ”

ในห้องผ่าตัดยู่ยี่เป็นลมสลบไป หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ จนทำให้ไรผมนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ

และฉันทัชก็ไม่ดีกว่าเธอไปสักเท่าไหร่ เสื้อเชิ้ตสีขาวเต็มไปด้วยเหงื่อแนบชิดกำแผงอกที่กำยำของเขา หายใจ นิ้วมืออุ่นๆของเขาปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากของเธออย่างนุ่มนวลและจูบที่หน้าผากของเธอ “ที่รัก คุณลำบากแย่เลย….”

สายรกของเด็กเขาเป็นคนตัดด้วยตัวเอง ช่วงเวลานั้นเป็นความปลื้มปริ่มที่ทะลักเข้ามาในใจอย่างยากที่จะพูดได้ แล้วยังมีความผูกพันทางสายเลือดอย่างวิเศษ

ลูก นั่นเป็นลูกของเขา เป็นลูกของเขากับเธอ ตัวเล็กมาก แถมยังร้องไห้เก่ง น่ารักอีกต่างหาก ทำให้เขาอยากที่จะเอาโลกทั้งใบมากองไว้หน้าเขา

ผู้หญิงคลอดลูก ผู้ชายก็มีเหงื่อไหลตามมาด้วย คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรคงนึกว่า….

ตระกูลยศณะราคินมีเหลน เป็นเรื่องที่ใหญ่โตในเมืองฮ่องกงแน่นอน สื่อต่างๆต่างพากันแย่งลง

วันนั้นเป็นงานแต่งและตอนกลางคืนก็คลอดลูก จะพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีของตระกูลยศณะราคินก็ว่าได้ และคุณท่านประเสริฐนั้นก็ให้เชื่อในศาสนาพุทธ พระอาจารย์ดูแล้วบอกว่าชะตาเป็นเด็กที่ร่ำรวยมีฐานะสูงส่ง

เกิดเป็นเหลนในตระกูลยศณะราคิน เป็นที่รักที่เอ็นดูและร่ำรวยสูงส่งเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว!

ยู่ยี่กำลังมองเด็ก ตัวเล็กมาก มีผมน้อยๆ เขากำลังหลับ เธอรู้สึกแปลกใจ ที่แท้เด็กเกิดออกมาก็มีผมเลย

ฉันทัชยืนอยู่ด้านข้างเปลเด็ก จ้องมองมาที่เด็กตลอดเวลา รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าหล่อเหลาไม่ขาดตอน

“ทำไมคุณยืนยิ้มอยู่แบบนั้น?” เธอเหยียดลุกตัวขึ้นนั่ง

“ความรู้นี้มันวิเศษมากเลย ยากที่จะใช้คำพูดมาพรรณนา” หันหน้าเดินกลับมาที่ข้างเตียง หลังจากนั้นเขาก็กำมือของเธอไว้ที่ฝ่ามือแล้วจูบลงไป

“ฉันก็รู้สึกวิเศษเหมือนกัน ลูกตั้งชื่อยังคะ?”

ชะงักไปชั่วขณะ ฉันทัชเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ผมอยากตั้งชื่อที่แฝงความหมายพิเศษ เอาชื่อของคุณกับชื่อของผมมาไว้ด้วยกัน”

ยู่ยี่คิดอย่างละเอียดแล้วส่ายหน้า “ ไม่ได้ชื่อของพวกเรามันงั้นๆ เอามาวางไว้ด้วยกันไม่ไพเราะ คุณลองฟังนะ มันจะเป็นฉันยู่หรือไม่ก็ฉันอะไรต่างก็ไม่น่าฟังกันทั้งนั้น”

“งั้นคุณมีไอเดียอะไรมั้ย?”

เธอเอนหัวคิดอยู่นาน “กิ่งทอง เพราะมั้ย?”

“กิ่งทอง,กิ่งทอง……” เขาพูดซ้ำไปมาสองรอบเบาๆ “เพราะ งั้นก็ชื่อว่ากิ่งทองแล้วกัน”

“กิ่งทอง,กิ่งทอง,กิ่งทอง ยิ่งฟังยิ่งไพเราะ” เขาพูดพึมพำ ยู่ยี่ให้พอใจเป็นที่สุด

ช่วงนี้ฉันทัชอยู่โรงพยาบาลตลอด เขาไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลยศณะราคิน แล้วก็ไม่ได้ไปบริษัทอีกด้วย เขาอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอ

คุณแม่ธันยวีร์เรียกพยาบาลส่วนตัวมาแล้วเพื่อให้ฉันทัชไปบริษัท เขาไม่ยอมดื้อดึงจะอยู่แต่โรงพยาบาล คุณแม่ธันยวีร์เลยจำใจ

ยู่ยี่ก็เอ่ยปากพูดโน้มน้าวให้เขาไปบริษัท เขายังคงไม่ยอม เด็ดขาดมาก

เด็กนั้นไม่ได้ดื่มนมผงและก็ไม่ได้ดื่มนมวัว เธอมีนม น้ำนมนั้นมีเพียงพอ

“เธอตั้งท้องลูกให้ผม คลอดลูกก็ลูกผม ในห้องผ่าตัดความยากลำบากนั้น เจ็บปวดจนเหงื่อเต็มหน้าผาก เธอต้องได้รับความเจ็บปวดขนาดนั้นก็เพื่อผม ผมจะทิ้งให้เธออยู่โรงพยาบาลไม่ได้….” ขณะที่พูดคำพวกนี้ นัยน์ตาของฉันทัชนั้นดำดิ่งแน่วแน่ เหมือนจะกลืนกินทุกอย่าง ภาพฉากในห้องผ่าตัด เขาคิดว่าเขาจะไม่มีทางลืมเลย!

ห้องเป็นห้องชุดเพียงพอที่จะให้นอนได้สองคน ด้านในมีพร้อมทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านหลังน้อย

คุณท่านประเสริฐก็มา พอเห็นเด็กก็อุ้มจนไม่อยากวางและไม่ยอมให้ใครได้อุ้ม

กลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ ฉันทัชเลยกั้นนักข่าวให้รออยู่ด้านนอกโรงพยาบาล ร่างของเธออ่อนแอต้องพักผ่อน

คนที่อยากจะมาแสดงความยินดีก็มีไม่น้อยแต่ก็ถูกฉันทัชกันไว้เหมือนกัน แล้วเขาก็พูดว่าก่อนเด็กจะครบเดือนแรก ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม และถ้ามีคนเข้าเยี่ยมจริงๆ คนที่มาต้องถูกอาละวาดแน่!

ชื่อที่ยู่ยี่ตั้งให้เด็กทุกคนต่างไม่มีความเห็น โดยเฉพาะคุณท่านประเสริฐ เขารีบพูดว่าชื่อไพเราะรัวๆ “กิ่งทอง,กิ่งทอง ชื่อนี้ฟังแล้วไม่ธรรมดาเลย รอให้เหลนตาโตก่อน จะต้องยิ่งใหญ่เป็นแน่”

เจ้าตัวเล็กก็ให้เกรียติแก่คุณตาทวดของเขามาก พอตาทวดพูดจบ เขาก็ฉี่แล้วร้องไห้ออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่าคึกคักเพียงใด

ตอนกลางคืนเด็กยังต้องกินนม บางทีก็นอนถึงแค่ตีสอง เขาก็นอนไม่หลับแล้วให้ส่งเสียงร้องงอแงออกมา ยู่ยี่หรี่ตาพลางโอ๋

ฉันทัชให้รู้สึกสงสาร ดังนั้นหลังจากที่เด็กกินนมเสร็จแล้ว เขาก็เอาเปลเด็กมาไว้ข้างเตียงที่เขานอน

เพียงแค่เขาขยับ ปากน้อยๆก็เริ่มเบะ ฉันทัชก็อุ้มเขามาไว้ในอ้อมกอดเป็นครั้งแรก แล้วเดินไปมารอบห้อง ตบเบาๆและพลางโอ๋ ไม่ให้เจ้าเด็กน้อยนั้นปลุกแม่ตัวเองตื่น

หลายวันผ่านไป ฉันทัชกลับดูแลเด็กเป็นมากกว่ายู่ยี่เสียอีก รู้ว่าเมื่อไหร่ป้อนนม เปลี่ยนผ้าอ้อม เขาทำอย่างช่ำชอง จนทำให้ยู่ยี่ต้องตะลึง

ยู่ยี่เปลี่ยนผ้าอ้อมตั้งหลายครั้ง หลังจากเปลี่ยน เจ้าเด็กน้อยก็ร้องไห้ไม่หยุด เธอโอ๋พลางตบ อยากจะให้กินนมอีกก็ไม่สามารถที่จะทำให้เด็กน้อยนั้นหยุดส่งเสียงร้องได้

เห็นอย่างนั้นฉันทัชยิ้มแล้วเดินเข้ามา แล้วมารับเด็กไปจากมือเธอ แล้วเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ใหม่

แล้วหลังจากนั้นเจ้าเด็กก็เงียบลง

แล้วหลังจากนั้นยู่ยี่ก็ให้หมดคำพูด! ลูกชายติดเขาแล้ว ดูสิ!

คืนนี้เจ้าเด็กน้อยกลางวันนอนเพียงพอแล้ว ตอนกลางคืนเริ่มอยู่ไม่สุข ส่งเสียงร้องไห้เสียงดัง ฉันทัชอุ้มเขาเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เดินไปมาที่ด้านหน้าหน้าต่าง “เงียบนะลูก อย่าส่งเสียงดัง ถ้าทำให้แม่ตื่นอีก งั้นก็คงต้องหยุดให้นม ให้ลูกดื่มนมวัวแทน…”

เจ้าเด็กน้อยนั้นเหมือนจะฟังรู้เรื่องถึงการคุกคาม เสียงเบาลงไป นอนหลับตาแล้วหลับไป

หัวใจของผู้ชายนั้นก็ให้อ่อน ฉันทัชยิ้มอย่างน่าดึงดูด หอมที่ข้างแก้มที่นุ่มนิ่มของเจ้าเด็กน้อย

อีกทางด้านนึง

เรนนี่ยังไม่ได้กลับเมืองS เธอยังคงอยู่ที่ฮ่องกง ช่วงนี้ข่าวของตระกูลยศณะราคินต่างพาดหัวข่าว ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วนซ้ำไปมา เธอไม่อยากดูคงยาก

เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่า เป็นคนเหมือนกัน ทำไมชีวิตถึงได้แตกต่างอย่างนี้!

เธอแย่งหัสดินมาจากยู่ยี่ได้แล้ว แต่กลับมาได้กับฉันทัชอีก ที่รักเธอเข้ากระดูก ด้วยท่าทางแบบนั้นแค่เธออยากได้ดาวบนฟ้า เขาก็คงเด็ดลงมาให้ได้

แล้วมองดูตัวเอง เรนนี่นั่งอยู่ตรงนั้น ร้องไห้พลางยิ้ม ตอนนี้เธอตกต่ำมาถึงขั้นที่เรียกว่าอะไร?

เก็บกระเป๋าเดินทางเพื่อที่จะกลับเมืองS ก็ไม่ถึงสี่ห้าชั่วโมงเธอก็ถึงเมืองSแล้ว

อพาร์มเม้นต์นั้นกว้าง เธอไม่อยากอยู่เลยไปหาเนเน่ พอได้เห็นท่าทางของเรนนี่ น้ำที่อยู่ในปากของเนเน่ก็ให้พุ่งออกมา

ไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าวันเท่านั้นเอง เรนนี่ผอมลงไปมาก ทั้งร่างเหมือนจะผอมโกรน สีหน้าซีดเซียว

เนเน่ขมวดคิ้ว “แม้ว่าจะลดน้ำหนัก เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะลดให้ผอมถึงขั้นนี้หรอกนะ”

“ฉันไม่ได้ลดน้ำหนัก” สายตาของเรนนี่ว่างเปล่า กระเป๋าเดินทางถูกทิ้งไว้ที่พื้น

เป็นเพื่อนกันมากี่ปี เนเน่ย่อมต้องเห็นถึงความผิดปกติของเธอเลยรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

เรนนี่นั่งลงที่พื้น น้ำตาก็ไหลออกมา เอาเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบบอกเนเน่

พอได้ฟังเนเน่ก็ชะงักอยู่กับที่ หัวว่างเปล่า ไม่ได้สติอยู่นาน เอดส์….โรคเอดส์!

พอคิดดูอีกทีต้องเป็นผู้ชายคนนั้นที่เธอไปนอนด้วย ในใจก็ให้โกรธฝ่ามือตบที่หลังของเรนนี่ ฝ่ามือที่ตบลงไปนั้นก็มีความเจ็บอยู่ลึกๆ เพื่อให้เธอเห็นว่าเธอใช้แรงไปเท่าไหร่

“ตอนนั้นฉันพูดแล้วตั้งหลายรอบ เธอไม่ฟังเลย! ตอนนั้นที่ฉันโทรหาเธอ ถ้าเธอฟังฉันแล้วรีบออกมาก่อน คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! เธอไม่ฟังเลย! ไม่ฟังเลย!”

เรนนี่ร้องไห้น้ำตาน้ำมูกไหล แม้ว่าเนเน่จะตีเธออย่างนี้ เธอก็ไม่ได้พูดว่าอะไร เธอเข้าใจ ในตอนนี้เพื่อนของเธอที่ยอมแตะเธอมีไม่เยอะนัก

“ตีเลย แต่อย่าตีให้เลือดออกนะ” เรนนี่พูดพลางร้องไห้

เนเน่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ “ฉันบอกเธอแล้วว่าต่อให้เธอรักเงิน เงินมันดีขนาดนั้นมั้ย? คุ้มค่ากับทุกอย่างที่เธอเสียไปหรือเปล่า?”

คนทั้งสองร้องไห้ หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานานก็เงียบลง เนเน่ถามเธอว่าต่อนี้จะทำยังไงต่อไป?

คิดอยู่นานเรนนี่ก็พูดขึ้นว่าดูสถานการณ์ของฉันก่อน ถ้าโรคมันไม่ดีขึ้นหรือรอให้ทนไม่ได้ เธอจะให้ใครบางคนต้องชดใช้!

ตอนนี้เธอจะตายแหล่มิตายแหล่อยู่แล้ว อาการป่วยไม่สามารถที่จะหายเป็นปกติทำได้แค่ยืดชีวิตให้ยาวขึ้นเท่านั้น ใครจะรู้ว่ามีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไหร่?

หรือวันตายของเธออาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือไม่ก็หนึ่งเดือนต่อจากนี้ ใครจะไปรู้?

เนเน่ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอ หมอบอกว่าตอนนี้ให้ยาบวกเข้ากับการบำบัด สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออารมณ์ของผู้ป่วยต้องเบิกบาน ส่วนใหญ่เลยการมีชีวิตอยู่ได้นานกับการควบคุมอาการโรคนั้นมักจะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

เรนนี่ยิ้มไม่ได้ เบิกบานใจไม่ได้ เธอรู้แค่ว่าดวงตัวเองไม่ดี น่าเวทนาเหลือเกิน ไม่งั้นทำไมถึงได้เป็นโรคนี้?

เธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรืออาจจะขาดจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ หรืออาจจะยังไม่มีความฮึกเหิมนั้น

……

เน่เน่กังวลอย่างมาก เธอไม่เบิกบานเลยตลอดทั้งคืน มักจะเงียบและนิ่ง

หลังจากที่อยู่โรงพยาบาลมานานก็ออกจากโรงพยาบาล ยู่ยี่รู้สึกว่าตัวจะขึ้นรา วันๆอยู่แต่ในห้องที่ไม่มีอากาศระบาย

พอกลับมาที่บ้านตระกูลยศณะราคิน ยู่ยี่ก็รู้ถึงปัญหาอย่างนึงว่าเธอไม่มีโอกาสได้อุ้มลูกเลย

สมาชิกตระกูลยศณะราคินนั้นเยอะมาก คุณแม่ธันยวีร์อุ้มแล้ววาง คุณพ่อธนพงษ์ก็เข้าไป คุณพ่อธนพงษ์ไปแล้ว ก็มีคุณท่านประเสริฐเข้ามาต่อ แล้วก็ยังมีพี่ใหญ่ของฉันทัช พี่สะใภ้ หลาน ตอนกลางคืนก็ยังมีฉันทัชที่ยังต้องอุ้ม โดยรวมแล้ววันๆนึงก็ไม่มีเรื่องของเธอเลย

แล้วก็เจ้าเด็กตัวเล็กของเธอก็เป็นที่ชื่นชอบมาก เพียงแค่ถูกอุ้มรอบนึงก็มีของขวัญเยอะมาก

เรื่องแรกที่ฉันทัชทำหลังจากกลับมาจากบริษัทคือล้างมือก่อน หลังจากที่กอดแล้วจูบกับยู่ยี่อย่างร้อนแรงแล้ว ก็ไปอุ้มเจ้าเด็กน้อย

จะว่าไปก็น่าเซ็งอยู่เหมือนกัน เจ้าเด็กน้อยร้องไห้งอแง ในตระกูลยศณะราคินไม่มีใครที่จะโอ๋อยู่ มีแค่ฉันทัชคนเดียวเท่านั้น

ขนาดคุณแม่ธันยวีร์ก็ให้ถอนหายใจ เธอไม่เคยรู้ว่าลูกชายของตัวเองจะมีความอดทนในด้านนี้ด้วย

ดังนั้นยู่ยี่ก็ต้องยอมรับว่า คนที่ลูกชายของเธอรักมากที่สุดก็คือพ่อของเขาเอง

แต่ว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่กี่วัน บ้านตระกูลยศณะราคินก็เริ่มเตรียมพิธีครบรอบนึงเดือนให้แก่เหลนของตระกูลยศณะราคิน ความหรูหรานั้นจะมาเล็กน้อยไม่ได้