ตอนที่ 1026 - อย่าเอ่ยนาม

The Divine Nine Dragon Cauldron

ค่ายกลคลื่นดาวตก!
  ลูกแก้วสีเงินขาวแปดลูกล้อมรอบมุกครามอำพันและพุ่งลงมาทันควันมันล้อมรอบจ้าวสวนที่ไม่ทันระวัง
  เฉียนเฟิงอยู่ใกล้กับจ้าวสวนและในระยะของค่ายกลแต่น่าแปลกที่เหล่าลูกแก้วผลักเขาพ้นทางให้เขาอยู่ด้านนอกค่ายกล เฉียนเฟิงนั้นไม่รู้ตัวและคิดว่าจ้าวสวนเป็นฝ่ายจู่โจมเขา นั่นทำให้เขารีบถอยหนี แต่ในสายตาของจ้าวสวน มันดูเหมือนกับมันเป็นการจู่โจมของเขาที่คิดไว้ล่วงหน้า
  “พวกเจ้ามันเชื่อไม่ได้!”
  จ้าวสวนโกรธแค้น
  “ข้าคือจ้าวสวนตำราเจ้าคิดรึว่าข้าต้องการพวกไร้ประโยชน์อย่างเจ้ามาหาคนในสวนตำรา? ข้าให้เจ้าเข้าใกล้ข้าสักหน่อยก็เพื่อทดสอบว่าพวกเจ้ามีสิ่งซ่อนเร้นอยู่หรือไม่!พวกเจ้ามันโจรสองหน้า!”
  “ก็อย่างที่มันบอกข้าเป้าหมายพวกเจ้าไม่ใช่การทำลายสวนตำราแต่เป็นการจับตัวข้าเพื่อเปิดสวนที่หก!”
  จ้าวสวนเจอกับยอดฝีมือมากมายที่เชี่ยวชาญการวางอุบายและใช้แผนการเจ้าเล่ห์จ้าวสวนตำราย่อมไม่เชื่อคำจากเฉียนเฟิงฝ่ายเดียว จ้าวสวนแนะนำให้ร่วมมือกันก็เพื่อล่อให้เฉียนเฟิงใช้แผนออกมา
  และเมื่อจ้าวสวนถูกจู่โจมทันทีที่เข้าใกล้เฉียนเฟิงกลับไร้รอยขีดข่วน! ใครจะเชื่อว่ามันเป็นเหตุบังเอิญกัน?
  เฉียนเฟิงเพิ่งจะคิดได้เขารีบอธิบาย
  “ท่านจ้าวสวนใจเย็นลงก่อนพวกเราไม่ใช่คนที่ลอบโจมตี! มันจะต้องเป็นกับดักจากไอ้โจรชั่วนั่น มันตั้งใจจะใช้ท่านกำจัดพวกเรา!”
  แต่เขาเงียบไปเสียยังดีกว่าเพราะจ้าวสวนตอบกลับทันควัน  “พวกเจ้าคิดว่าจ้าวสวนตำราโง่เง่าหลอกง่ายงั้นเรอะ?ถ้าไอ้โจรชั่วนั่นลงมือ ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไร? เจ้าเป็นภัยร้ายที่สุดของมันไม่ใช่เรอะ?”
  เฉียนเฟิงพูดไม่ออกเขามั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ซือหยูตั้งใจเอาไว้แต่แรก เพราะถ้าหากเฉียนเฟิงถูกฆ่าคนเดียว พวกเขาก็ยังมีเฉาลี่กับนักรบอีกมากกว่าแปดสิบคน แต่เป้าหมายสูงสุดของซือหยูก็คือการยืมมือจ้าวสวนเพื่อสังหารพวกเขาทั้งหมดและเสพสุขกับชัยชนะที่ไม่ต้องลงแรง!
  แต่จ้าวสวนนั้นหยิ่งยโสในตัวเองจากประสบการณ์ที่ได้เจอกับยอดฝีมือมาชั่วกัลป์เขาย่อมไม่เชื่อคำพูดของเฉียนเฟิง เฉียนเฟิงสิ้นหวังกับการถูกเข้าใจผิด
  เมื่อเห็นว่าจ้าวสวนกำลังจะระเบิดความแค้นเฉียนเฟิงตะโกน
  “พวกเราจ้าวสวนยังติดอยู่ในค่ายกล รีบถอยไปขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ปี้!”
  จ้าวสวนถอนหายใจแรง  “ในที่สุดก็บอกความจริงแล้วสินะ?พวกเจ้าสร้างโอกาสนี้เพื่อให้คนที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามา! ฮื่ม! พวกเจ้าหนีไม่รอดแน่!”
  เฉียนเฟิงสะอึกในลำคอเขาสำลักความแค้นของตัวเอง ไอ้ตำราโง่เอ้ย! มันถึงกับนับเงินให้โจรในตอนที่โดนปล้น! แต่คนที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือไอ้คนหน้ากากสีเงิน!
  เขาชิงชังซือหยูลึกถึงกระดูกดำไม่เพียงแต่ซือหยูจะเรียกจ้าวสวนตำราออกมาและใช้นามดินแดนมีดสวรรค์เป็นแพะรับบาป แต่เขายังเล่นอุบายย้อนกลับมาลอบโจมตีในตอนที่เขาจะร่วมมือกับจ้าวสวน และจ้าวสวนที่ไม่เชื่อใจพวกเขาอย่างเต็มประดาก็โกรธแค้นถึงขีดสุดแล้ว! ไอลีนโนเวล
  ถ้าหากซือหยูไม่เก็บไพ่ตายนี้เอาไว้เขาคงจะตายไปแล้ว แต่การลงมือในคราสุดท้ายของเขาได้ทำให้ฝ่ายมีดสวรรค์ไม่ทันตั้งตัวและพูดไม่ออก!
  “หนีเร็ว!”
  เฉียนเฟิงตะโกน  ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
  คนมีดสวรรค์ไม่กล้าลังเลแม้สักลมหายใจเดียวพวกเขาหนีเอาชีวิตรอดด้วยความสะพรึงกลัว ไม่มีใครมีเวลาคิดถึงซือหยูอีกแล้ว
  จ้าวสวนจ้องเหล่าคนมีดสวรรค์อย่างเย็นชาขณะที่ติดอยู่ในค่ายกลคลื่นดาวตก
  “พวกเจ้าทุกคนอย่าคิดว่าจะหนีพ้น! หยุดอยู่ที่นี่และกลายเป็นต้นไม้แห่งชีวิตไปซะ!”
  “หลีกไป!”
  จ้าวสวนร้องคำรามพลังอสูรเนรมิตรปะทุออกมาจากทั้งร่าง
  ลูกแก้วทั้งแปดที่กักขังมันระเบิดหายไปในความว่างเปล่าพู่กันทั้งห้าเองก็กระจายหายและถูกดึงเข้าไปในรอยแยกมิติเช่นกัน
  จ้าวสวนมองรอยแยกมิติอย่างเยือกเย็น
  “ข้าจะล้างแค้นเจ้าสองคนจนถึงที่สุด!”
  จากนั้นมันก็หายไปตามล่าพวกคนมีดสวรรค์  ในระยะไกลรอยแยกมิติขนาดใหญ่ฉีกออกในจุดที่ซือหยูอยู่ มุกเงินทั้งแปดกับมุกบาดาลและพู่กันค่ายกลกลับมาหาเขา
  ก่อนที่ลู่จือยี่จะได้รู้ว่าพู่กันทั้งห้าคือสิ่งใดซือหยูก็เก็บมันไปก่อน
  “ทุกอย่างเป็นไปตามที่ข้าคิดพวกเราจะปลอดภัยไปสักระยะ ตราบเท่าที่เราออกจากสวนตำราก่อนจ้าวสวนจะกลับมา เราจะไม่เป็นไร”
  ซือหยูยิ้มเล็กๆ
  ลู่จือยี่มิอาจเห็นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแต่เมื่อแรงพลังกดดันจากจ้าวสวนลดลง นางก็รู้ว่าซือหยูทำสำเร็จ
  นางมองตาซือหยูด้วยความนับถือ
  “เราไม่ต้องออกจากสวนตำราหรอกตราบเท่าที่เจอพี่ไทซูก็ไม่เป็นไรหากจ้าวสวนจะตามทัน!”
  ลู่จือยี่กล่าว
  กู้ไทซู!จิตสังหารฉาบดวงตาซืหยู  ซือหยูพยักหน้าเบาๆ และพูด
  “ข้าจะนำเจ้าไปหาเขา”
  ด้วยบาดแผลของลู่จือยี่ไม่ว่าจะเป็นจ้าวเทวระดับแปดคนใดก็เป็นภัยต่อนาง ก่อนที่นางจะได้เจอกู้ไทซู นางต้องการคนอยู่ข้างกาย
  “ดีเลย!”
  ลู่จือยี่รู้สึกขอบคุณนางสัมผัสตำแหน่งของกู้ไทซูในทันที ต่อมานางก็ลืมตาและชี้ไปทางเหนือ
  “ทิศเหนืออาจเป็นทิศของสวนวิชาบ่มเพาะ พี่ไทซูน่าจะอยู่ที่นั่น”
  ดวงตาสดใสของลู่จือยี่หมองลงไปขณะหนึ่งในตอนที่นางพูดถึงสวนวิชา
  สวนวิชาบ่มเพาะคืออาณาเขตของพวกสำนักอสูรสวรรค์หอวิชาตั้งอยู่ที่นั่น มันเป็นประโยชน์กับเหล่าศิษย์สำนักอสูรสวรรค์อย่างมาก ศิษย์สำนักอสูรสวรรค์จึงใช้เวลาส่วนมากที่หอวิชา  ตำแหน่งของกู้ไทซูอยู่ใกล้หอวิชาเช่นกันถ้าหากเขาอยู่ในสวนวิชา เขาก็อาจจะอยู่กับแม่มดแห่งสำนักอสูรสวรรค์ก็ได้
  ซือหยูไม่เห็นสีหน้าที่แปลกไปของนางเขาหันไปทางเหนือและมุ่งหน้านำทางไป
  สามวันต่อมาพวกเขาได้ไปถึงพื้นที่ส่วนนอกของสวนตำรา มีต้นไม้สีดำสนิทสูงราวสองร้อยศอกให้เห็น ไม่นานพวกเขาก็มาถึงชายแดนสวนตำรา
  “ข้าสัมผัสพี่ไทซูได้แล้วเขาอยู่ใกล้ ๆ!”
  นางยิ้มด้วยความดีใจ
  เขาน่าจะอยู่ที่หอวิชาของสวนวิชาและมีเหตุเดียวที่เขาปรากฏที่ชายแดนสวนตำราก็เพราะว่าเขาตามกลิ่นอายพลังมาช่วยนางหลังจากได้ข่าวจากคนตำหนักเมฆาม่วงที่หนีไป นี่คือเหตุผลที่ลู่จือยี่ดีใจมาก กู้ไทซูยังมีความรู้สึกต่อนาง!
  เขาอยู่นี่แล้วรึ?ซือหยูมองลู่จือยี่และครุ่นคิดก่อนจะถาม  “แม่นางลู่จือยี่หากวันหนึ่งกู้ไทซูทรยศตำหนักเมฆาม่วง เจ้าจะทำอย่างไร?”
  รอยยิ้มของนางหายไปนางจ้องซือหยูด้วยความแปลกใจ
  “ทำไมเจ้าถามเช่นนั้น?”
  ซือหยูบอกได้ว่านางไม่พอใจเพราะเขากังขาในคนที่นางรักมากที่สุด
  “ข้าก็แค่คิดขึ้นมาน่ะ”
  ซือหยูบอกเขารู้สึกผิดเมื่อมองใบหน้าไม่สบายใจของลู่จือยี่
  นางตอบอย่างไร้อารมณ์
  “หัวใจข้าเป็นของเขาเท่านั้นหากเขาทรยศตำหนักเมฆาม่วง ข้าย่อมต้องติดตามไปโดยไม่เสียใจแม้สักลมหายใจเดียว”
  ความศรัทธาของนางมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ซือหยูถอนหายใจเงียบ ๆ เขาชื่อว่าลู่จือยี่นั้นภักดีและรักษาทุกคำพูด
  นางแสดงตัวตนออกมาแล้วงนางเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความตายแทนที่จะปล่อยให้ซือหยูพลาดตำราหยางกว่าการสละความบริสุทธิ์ของตน
  นางรักกู้ไทซูยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง
  ซือหยูเห็นเงาเซี่ยจิงหยูในตัวนางอีกครั้งเซี่ยจิงหยูเองก็เป็นสตรีที่รักซือหยูยิ่งกว่าชีวิตของนางเช่นกัน
  “ลาก่อนแม่นางลู่ เราต้องแยกกันแล้ว”
  ซือหยูหันเปลี่ยนทิศถอยห่างออกไปซือหยูตอบแทนสิ่งที่ติดค้างนางไปแล้ว ไม่มีสายสัมพันธ์ใดหลงเหลืออยู่อีก
  “เจ้าจะไปแล้วหรือ?พลังเจ้ายังไม่ฟื้นเลย เดินทางคนเดียวอันตรายมากนัก ทำไมไม่ตามข้าไปเจอพี่ไทซูเล่า? เขาจะต้องปกป้องเจ้าแน่”
  ลู่จือยี่รีบบินมารั้งเขา
  ซือหยูไม่แม้แต่หันหลังกลับเขายิ่งทิ้งห่างจากนาง
  “นี่ก็เพื่อตัวเจ้าจงอย่าเอ่ยนามข้าต่อหน้ากู้ไทซู”