สะกดจิตได้ซักที
ตอนนี้ในช่องสตรีมของซูจิ้งได้มียอดผู้เข้าชมอยู่ 1.5 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยและยังพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
วิดีโอของซูจิ้งได้ถูกปล่อยออกไปบนอินเตอร์เน็ตเป็นวงกว้าง
แค่วิดีโอการเล่นกูจิ้งสามเพลงนั่นก็สร้างความฮือฮาไม่ใช่น้อยแล้ว
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการจับปลาฉลามขาวยักษ์เลยซักนิดที่ทุกคนที่เห็นในครั้งแล้วต่างนิ่งอึ้งไปในทันที
“พระเจ้าทรงโปรด ไม่จริงใช่รึเปล่านี่เขาจับฉลามขาวมาเลี้ยงได้ด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ”
“ซูจิ้ง หลังจากที่เขาขี่อินทรีทองและหมาป่าสงครามแล้ว นี่เขายังขี่ฉลามขาวยักษ์อีก บนโลกนี้ยังจะมีคนสู้กับเขาได้อีกหรอ”
“ช่างน่ามหัศจรรย์จริง ตอนนี้เขาสตรีมที่ไหนกัน ฉันชักอยากจะไปให้เห็นกับตาซะแล้วสิ”
ตอนนี้ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาดูการสตรีมของซูจิ้ง
ผู้คนที่เข้ามาดูต่างเรียกร้องให้ซูจิ้งสตรีมต่อไป
แต่ในตอนนี้เอง ซูจิ้งได้เปิดโทรศัพท์ขึ้น เขาได้รับโทรศัพท์ที่กระหน่ำโทรเข้ามาอย่างมากมาย
ยกตัวอย่างเช่น พ่อแม่ของเขา มู่หรงเซียนเอ๋อ จูเจียนฮัว และคนอื่นๆ
เพราะพวกเขานั้นต่างตกใจในสิ่งที่ซูจิ้งได้ทำลงไป โดยเฉพาะพ่อแม่ของเขาที่บ่นเขาจนหูชาและให้เลิกเล่นแบบนี้ได้แล้ว
ความจริงนั้นซูจิ้งอยากจะสตรีมต่ออีกซักหน่อยแต่คิดไปคิดมาเขาก็คิดว่านี่คงจะถึงที่สุดของการสตรีมนี้แล้ว
เพราะว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำเรื่องแผลงๆแบบนี้ต่อให้มันปลอดภัยก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่นการสตรีมจับฉลามขาวยักษ์ตัวนี่มาเลี้ยง
เขานั้นสามารถทำได้อย่างง่ายๆอยู่แล้วเพราะเขามีพลังจิตที่จะทำให้เจ้านี่เชื่องและเชื่อฟังเขาอย่างว่าง่าย
พอทำอะไรนิดหน่อยก็ทำให้คนตื่นเต้นและศรัทธาเคารพบูชาเขาจนทำให้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย
แต่เขาก็ได้ทำให้พ่อแม่ของเขากังวลอย่างที่สุด ต่อให้เขาบอกว่าไม่มีทางเป็นอันตรายยังซะก็ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากให้ทำเรื่องแผลงๆแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
เขาเลยคิดว่าจะหยุดสตรีมซะดีกว่า
หลังจากรับสายเหล่านั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาหันไปบอกกับกล้องว่า “เอาเป็นว่าเราจบการสตรีมดีกว่าเนาะ แล้วพบกันใหม่นะ” ซูจิ้งพูดเสร็จทำให้เหล่าผู้ชมที่เข้ามาต่างทำเสียงโห่ร้องในช่องแชททันที
ส่วนคนที่ตามมาด้วยอย่างผู้จัดการหวังและทีมงานต่างก็ยังหวังอยู่ว่าซูจิ้งจะสตรีมต่อไป
แต่ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องเรตติ้งผู้ชมที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เปิดเว็บของพวกเขามาเท่านั้น
แต่ตอนนี้พวกเขาจะได้เห็นอะไรที่เจ๋งพอๆกับการจับฉลามขาวยักษ์ด้วยมือเปล่าแบบนี้อีก หรือไม่ก็เจ๋งกว่านี้ก็ยิ่งดี
“พี่จิ้ง คนอื่นสามารถขี่เจ้าฉลามขาวยักษ์นี่ได้รึเปล่า” หลิวฉิงถามพร้อมจ้องไปยังฉลามขาวตัวเท่าเรือที่ลอยคอรอซูจิ้งอยู่ด้วยสายตาใสแหนว
“แน่นอนสิ แค่นายกระโดดลงไปแล้วปีนขึ้นหลังมันแค่นั้นเอง” ซูจิ้งพูดออกมา
หลิวฉิงมองลงไปที่ฉลามขาวยักษ์นั่น ใจของเขาตอนนี้ใจเต้นระส่ำระสาย
เขานึกถึงตอนที่ซูจิ้งขี่ฉลามขาวตัวนี้ช่างเท่ซะเหลือเกิน เขาเองก็อยากลองดูบ้าง สำหรับเขามันดูเหมือนเรือใบมากกว่าเจ็ทสกีซะอีก ถ้าเขาขี่มันได้มันต้องเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่ดีแน่ๆ
ปัญหาคือยังไม่ต้องนึกถึงการที่กระโดดลงไปเลย เจ้านี่ถูกจับมาโดยซูจิ้ง แต่เขาไม่ใช่ซูจิ้ง
ถ้าอยู่ๆกระโดดลงไปแล้วมันตกใจกระโดดงาบเขาเข้าไป ไม่ต้องเคี้ยวหรอก มันกลืนเขาลงไปได้ทั้งตัวในทีเดียวก็ยังได้
ตอนนี้ภาพในหัวเขามีต่อภาพปากกว้างๆนั้นกำลังเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อยจนชุ่มปาก
“เอ้าถ้านายไม่ขี่มันฉันไล่มันไปแล้วนา… เอาหล่ะเจ้าขาวใหญ่ ไปได้แล้ว แล้วอย่าได้ไปกัดคนเข้าอีกหล่ะ”
ซูจิ้งพูดไปอย่างนั้น ฉลามขาวยักษ์ก็ได้หันหัวออกไปและดำดิ่งลงไปยังท้องน้ำจนหายไปจากระยะสายตา ระหว่างทางมันไปเจอเข้ากับเจ้าเสือมันก็เลยตามเจ้าเสือไป
ซูจิ้งพลางนึกไปว่าต่อให้ฉลามขาวจะอ่อนแอก็จริง แต่ถ้าขุนมันซะหน่อยก็คงจะช่วยเจ้าเสือขนสมบัติได้บ้าง
การสตรีมในตอนนี้ได้จบลงแล้ว แต่แค่วิดีโอการเล่นกู่จิ้งสามเพลง และวิดีโอการจับฉลามขาวยักษ์ของซูจิ้งยังไม่ได้จบลงแต่อย่างใด
ชาวเน็ตได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวของซูจิ้งทั้งวันทั้งคืนซึ่งนั้นถือได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่แก่ซูจิ้ง ตอนนี้พลังศักด์สิทธิ์ที่ได้มานั้นถือได้ว่ามากที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยได้รับมา หลังจากดูดซับเสร็จแล้วทำให้ตอนนี้พลังจิตของเขาเพิ่มขึ้นไปเป็นอยู่ 520 ชั่ง
“ตอนนี้สมควรแก่เวลาที่ฉันจะควบคุมหวู่หลิวหยิงได้แล้วนะ” คืนนั้นตอนกลางดึกซูจิ้งได้เข้าไปในโรงพยาบาลตอนนี้เขาอยู่ข้างๆเตียงของหวู่หลิวหยิง
ตอนนี้หวูหลิวหยิงฝันร้ายขนาดหนัก เหนื่อยหอบ เหงื่อแตกเต็มกาย ข้างๆเตียงก็ได้มีหมอและพยาบาลประจำตระกูลยืนอยู่ซึ่งทั้งสองได้ถูกสะกดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ตอนนี้ซูจิ้งไม่รอให้หวู่หลิวหยิงจนตื่นแน่นอนเขาได้ปล่อยกระแสจิตเข้าไปยังสมองของหวู่หลิวหยิงอย่างช้าๆ
โดยปกติแล้วถ้าคนทั่วไปโดนสะกดจิตจะต้องมีการต่อต้านจากจิตใจบ้างซักเล็กน้อยก่อนที่จะถูกครอบงำได้อย่างสมยูรณ์ ซึ่งการต่อต้านนี้ถ้าถูกฝืนบังคับมากๆจะเข้าสู่โหมดทำลายตัวเอง ทำให้สมองเสียหายจนกลายเป็นตุ๊กตาปัญญาอ่อนตัวหนึ่ง การที่จะทำให้การสะกดจิตสำเร็จได้นั้นจะเป็นต้องให้ระบบต่อต้านนี้ยอมรับกระแสจิตที่ส่งเขาไปเหมือนเป็นเจ้าของบ้านให้ได้จึงจะสำเร็จ
เนื่องจากซูจิ้งไม่ได้ต้องการตุ๊กตาโง่ๆเขาต้องการให้ผู้นำตระกูลหวู่เป็นตุ๊กตาที่ยังมีปัญญาอยู่ทำให้เขาต้องใช้ความระมัดระวังในการสะกดจิตอย่างดี
ช่วงหลายวันมานี้หวู่หลิวหยิงถูกหลอกหลอนโดยเจ้าผีร้ายอยู่แทบจะทั้งวัน
ทำให้ในตอนนี้พลังใจ(พลังจิต)ของเขาอ่อนแอลง ซึ่งหมายถึงว่าความสามารถในการป้องกันทางด้านจิตใจของเขาได้อ่อนแอตามไปแล้ว
บวกกับในตอนนี้พลังจิตของซูจิ้งแข็งแกร่งขึ้นมาก เขามั่นใจได้เลยว่าวันนี้เขาต้องควบคุมหวู่หลิวหยิงได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน
อย่างที่เขาคิดไว้เลยหวู่หลิวหยิงมีแรงใจที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป
ขนาดถูกหลอกหลอนด้วยเจ้าผีร้ายแทบจะทั้งวันก็ยังไม่ลดลงเท่าไหร่แต่อย่างน้อยๆก็ยังเกิดช่องว่างทางจิตใจอยู่
ซูจิ้งอาศัยจังหวะนี้ในการแทรกซึมกระแสจิตเข้าไปตามช่องว่างดังกล่าว
ทันทีที่เขาควบคุมหวู่หลิวหยิงได้อย่างสมบูรณ์
เขาสั่งให้ร่างกายและจิตใจของหวู่หลิวหยิงรู้สึกผ่อนคลายประดุจดั่งได้รับเวทมนต์ฟิ้นฟูร่างกาย
เหมือนกับซูจิ้งได้มอบนมอุ่นๆแค่แก้วเดียวในขณะที่หวู่หลิวหยิงร่างกายและจิตใจกำลังหนาวสั่นเย็นสุดขั้ว
อย่างที่ซูจิ้งคาดไว้ หวู่หลิวหยิงในตอนนี้ยอมรับกระแสจิตของซูจิ้งอย่างสมบูรณ์ ไม่คิดขัดขืนใดๆ
ซูจิ้งจึงอาศัยจังหวะนี้ส่งกระแสจิตเข้าไปในสมองอีกของหวู่หลิวหยิงอีกครั้ง ถึงแม้จะมีการต่อต้านอยู่บ้าง
แต่ก็ยังช้าเกินไปเพราะกระแสจิตของซูจิ้งเข้าไปในสมองส่วนสำคัญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยี่สิบนาทีต่อมาซูจิ้งค่อยๆรีบตาขึ้นโดยมีหวู่หลิวหยิงค่อยๆลืมตาขึ้นตามอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นซูจิ้ง หวู่หลิวหยิงได้ลุกขึ้นนั่งในทันทีพร้อมพูดคำว่า “นายท่าน” นั่นหมายความว่าซูจิ้งสามารถสะกดจิตหวู่หลิวหยิงได้อย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
“จากนี้ไปนายไปข้ารับใช้ของฉัน ทำงานให้ฉัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเราจะต้องทำเป็นปกติ อย่าได้แสดงท่าทีแบบนี้ออกมา รวมถึงต่อภรรยาและลูกของนายด้วย” ซูจิ้งพูดออกมา
“เข้าใจแล้วครับ” หวู่หลิวหยิงพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
“บอกฉันเกี่ยวกับตระกูลหวู่ทั้งหมดหน่อยสิ ทั้งเรื่องธุรกิจ และเงินที่สามารถดึงมาใช้จ่ายได้” ซูจิ้งถามหวู่หลิวหยิงที่ถูกสะกดจิตสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าหวู่หลิวหยิงไม่มีทางหมกเม็ดแม้แต่น้อย เมื่อซูจิ้งได้ยินข้อมูลทั้งหมดเขาถึงกับต้องถอนหายใจยาวๆทันที
ตระกูลหวู่นั้นถึงแม้จะดูดีจากคนภายนอกแต่ข้างในกำลังถึงจุดวิกฤตทางการเงิน
ถึงธุรกิจแต่ละอย่างจะทำรายได้มหาศาลก็จริงแต่กลับไม่มีเงินทุนหมุนเวียนมากพอ
แม้แต่เงินที่หวู่หลิวหยิงสามารถดึงออกมาใช้จ่ายได้ก็มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ในที่สุดแล้วซูจิ้งจึงได้สั่งให้หวู่หลิวหยิงหาทางยักย้ายถ่ายเทของตระกูลมาลงที่ศูนย์วิจัยของเขาให้ได้เดือนละหนึ่งร้อยล้านหยวน ส่วนเรื่องวิธีการนี่เขาก็คงต้องปล่อยให้คุณหัวหน้าตระกูลผู้นี้หาทางเอาเอง
“อ้อ แล้วก็พรุ่งนี้ช่วยแนะนำฉันให้โอวฉิงหยุนหน่อยสิ” ซูจิ้งพูดออกไป
ถึงแม้เขากับโอวฉิงหยุนรู้จักกันแล้วก็จริงแต่ก็แค่คำพูดแค่นั้น เรียกว่าแค่รู้ชื่อซะยังจะถูกต้องซะกว่า
ถึงแม้ตระกูลหวู่นั้นจะส่งโอวฉิงหยุนมาในฐานะสปายแต่เมื่ออัจฉริยะอยู่หน้าบ้านแล้วจะไม่เอามาใช้งานก็กระไรอยู่
ที่ซูจิ้งต้องทำอย่างนี้เพราะว่าครั้งก่อนเขาได้ลองสะกดจิตโอวฉิงหยุนดูแล้วแต่ไม่สามารถสะกดจิตแบบสมบูรณ์ได้
เขาจึงอยากให้หวู่หลิวหยิงทำให้โอวฉิงหยุนมีความเชื่อถือในตัวเขาจนลดการป้องกันทางด้านจิตใจจะได้สะกดจิตง่ายขึ้น
“อา… ดูเหมือนว่าการขยายกำลังการผลิตปฏิสสารจะทำได้มากกว่าที่คิดแหะ” ซูจิ้งเม้มปากเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ช่วงไม่นานมานี้ หวังซือหยาและหวังเจ้าได้แบ่งส่วนแบ่งให้เขาเพิ่มเติม ถ้าได้เงินจากหวู่หลิวหยิงและมีโอวฉิงหยุนเข้ามาทำงานให้ น่าจะพอขยายได้อยู่