ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****263:**เตะออกจากสำนัก
ขณะที่ซ่งจงมองเห็นนักบวชฮัวอวิ๋น ความโกรธของเขาลดลงทันที จากนั้นเขาจึงตระหนักได้ในคำพูดของนักบวชฮัวอวิ๋นว่าในตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ตาเฒ่าเฟิงนั้นเกรงกลัวว่าความลับจะถูกเผยแพร่ออกไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจบอกกล่าวกับเทพธิดาชิงหยุนว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่านางจะต้องขอความช่วยเหลือจากนักบวชฮัวอวิ๋น ทั้งสองนั้นเป็นพี่น้องที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่นนี้มันจึงส่งผลให้เขาถูกทอดทิ้งและโดนป้ายข้อกล่าวหา!
เนื่องจากเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะสามารถโกรธได้อย่างไรกัน? ซ่งจงรู้สึกหดหู่ เขารู้สึกอ้างว้างอย่างมากภายในจิตใจของตนเอง จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างน้อยใจ “ฮ่า เป็นเช่นนั้นหรือจ้าวสำนักฮัวอวิ๋น? ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าท่านมีหลักฐานอะไรกันที่บอกว่าข้าได้รับการช่วยเหลือจากอสูรกาย? ถ้าหากข้าจำไม่ผิด ไม่มีผู้ใดพบเห็นในขณะที่ข้ากำลังต่อสู้กับตาเฒ่าเฟิง!”
“เรื่องนั้นถูกเล่าโดยตาเฒ่าเฟิง!” นักบวชฮัวอวิ๋นตอบกลับอย่างสงบ
“ฮ่าฮ่า ท่านเชื่อที่เขากล่าวงั้นหรือ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ดูเหมือนว่าท่านจะเชื่อใจพี่เขยของท่านจนหมดใจสินะ! ข้าคิดว่าวิธีนี้ก็คงเป็นวิธีที่พี่เขยของท่านจงใจจะปิดปากข้าสินะ ถูกไหม?”
เมื่อซ่งจงกล่าวว่าพี่เขย ทุกคนตกใจทันที ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ถือได้ว่าเป็นอาวุโสแห่งสำนักเสวียนเทียน น้อยที่สุดคือระดับจินตัน ทั้งหมดคุ้นเคยกับพื้นเพของนักบวชฮัวอวิ๋นอย่างดี อีกทั้งการที่เทพธิดาชิงหยุนเป็นพี่น้องของเขาก็ไม่ใช่ความลับเช่นกัน ซึ่งในตอนนี้ซ่งจงกล่าวว่าตาเฒ่าเฟิงนั้นเป็นพี่เขยของนักบวชฮัวอวิ๋น นั่นหมายความว่าตาเฒ่าเฟิงและเทพธิดาชิงหยุนเป็นสามีภรรยากัน! ข่าวนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินเกินไป! หนึ่งคนเป็นอาวุโสคนสำคัญของสำนักพันปีศาจ อีกหนึ่งคนเป็นผู้นำแห่งหอเฉวียนจี้ ซึ่งเส้นทางของสำนักทั้งคู่นั้นต่างกัน มันเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาทั้งสองจะอยู่ในสถานะเช่นนั้น? ถ้าหากทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แน่นอนว่าชื่อเสียงของเทพธิดาชิงหยุนจะถูกทำลายจนย่อยยับ!
นักบวชฮัวอวิ๋นไม่เคยคาดคิดว่าซ่งจงจะพ่นความลับออกมาในทันที เช่นนี้เขาจึงควบคุมตนเองไม่ได้ “บัดซบ เจ้ากำลังพล่ามเรื่องอะไร? ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆ!” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นเปิดการใช้งานค่ายกลต่อทันทีเพื่อสังหารซ่งจง
ในขณะที่ซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาคิดที่จะหยิบระฆังทองแดงออกมาเพื่อปกป้องตนเอง แต่ในขณะนั้นคุณชายใหญ่และคุณชายรองหยุดนักบวชฮัวอวิ๋นไว้
คุณชายใหญ่ขัดจังหวะทันที “ศิษย์พี่ฮัวอวิ๋น ซ่งจงนั้นติดอยู่ในกับดักและไม่มีวันหนีออกไปได้ เหตุใดท่านจึงคิดที่จะรีบสังหารเขานักล่ะ?”
“ใช่แล้ว! เรื่องที่ซ่งจงนั้นเป็นสายลับของอสูรกาย เรานั้นฟังความมาจากปีศาจฝ่ายเดียว เราควรตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียดเพื่อความแน่ใจ ข้าเกรงว่าเราจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์!” คุณชายรองกล่าวเสริม
เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่สงสัยในการจับกุมซ่งจงในครั้งนี้ การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองไม่ใช่คนโง่เขลา ถ้าหากเป็นเวลาอื่นพวกเขาคงยินดีที่จะยืนข้างนักบวชฮัวอวิ๋นและมองดูซ่งจงถูกสังหารอย่างสบายใจ แต่หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ซ่งจงกล่าวออกมา ทั้งสองเข้าใจทันทีว่าซ่งจงนั้นกุมความลับที่ยิ่งใหญ่และเป็นภัยต่อนักบวชฮัวอวิ๋นเอาไว้ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นต้องปิดปากเขา
คุณชายใหญ่และคุณชายรองต้องการที่จะล้มล้างนักบวชฮัวอวิ๋นมานานแล้ว เป็นเพียงทั้งคู่นั้นไม่มีโอกาส ในตอนนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้วแน่นอนว่าทั้งสองจะไม่ปล่อยมันไป นี่เป็นเหตุผลที่ทั้งคู่หยุดนักบวชฮัวอวิ๋นที่ต้องการจะสังหารซ่งจง
แน่นอนว่านักบวชฮัวอวิ๋นรู้ดีว่าคุณชายใหญ่และคุณชายรองกำลังคิดอะไรอยู่ เขานั้นรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด “ศิษย์น้อง เด็กนี่เป็นสายลับให้กับอสูรกายโดยไม่ต้องสงสัย อย่าขวางข้าและให้ข้าจัดการกับเขาซะ!”
“เฮ้อ ศิษย์พี่เราควรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถูกต้อง!” คุณชายใหญ่ตอบกลับอย่างเฉยชาพร้อมหันมาหาซ่งจงและกล่าวว่า “เด็กน้อย กล่าวในสิ่งที่เจ้าต้องการเถอะ!”
“ฮ่าฮ่า!” เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขารู้ทันทีว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “ให้ข้าบอกกล่าวสิ่งที่ตาเฒ่าเฟิงกล่าวกับข้าน่ะหรือ? ความจริงก็คือตาเฒ่าเฟิงและเทพธิดาชิงหยุนนั้นเป็นคู่กัน เรื่องนี้เป็นความจริงแน่นอน เพราะว่าเทพธิดาชิงหยุนนั้นถูกเอาเปรียบจากผู้อื่นเนื่องจากมีบุตรสาวนอกสมรสนั่นก็คือฮัวเฉียนหวู่ และนักบวชฮัวอวิ๋นท่านเป็นลุงของนาง ข้ากล่าวถูกไหม?”
“อ่า!” ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา ทั้งหมดไม่เคยรู้มาก่อนว่าฮัวเฉียนหวู่เป็นบุตรของเทพธิดาชิงหยุน
“บัดซบ!” นักบวชฮัวอวิ๋นโกรธจัดจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมกับตะโกนออกมา “บัดซบ พวกเจ้าทั้งสองปล่อยข้า! ปล่อยให้ข้าไปฆ่ามัน!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวเช่นนั้น เขาเริ่มดื้อดึงขึ้นมาอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถสู้กับคุณชายใหญ่และคุณชายรองได้ ดังนั้นเขาจึงถูกควบคุมไว้อย่างง่ายดาย
“ถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากปล่อยให้เขาพูด?” คุณชายใหญ่กล่าวออกมา
“ถูกต้อง วิธีที่ท่านแสดงออกมาราวกับว่าต้องการจะปิดปากของเขา!” คุณชายรองกล่าวเสริม จากนั้นหันมาหาซ่งจงพร้อมกล่าวว่า “เด็กน้อย เจ้าอยากจะพูดอะไรอีก พูดต่อได้เลย!”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวต่อ “แน่นอนว่าข้ายังต้องการกล่าวต่อ ซึ่งมันเกี่ยวกับความตายของครอบครัวข้า! ฮัวเฉียนหวู่นั้นขายร่างกายของตนเองให้กับตาเฒ่าเฟิงเพื่อให้ดำเนินการซุ่มโจมตีบิดามารดาของข้า! นักบวชฮัวอวิ๋นในขณะที่ท่านรับรู้เรื่องราว ท่านปกปิดเรื่องราวทั้งหมดด้วยตนเองเพื่อปกป้องนังเพศยาฮัวเฉียนหวู่ รวมไปถึงการสอบสวนกันอย่างลับๆเพื่อปกปิดไม่ให้จ้าวสำนักคนก่อนทราบเรื่อง! ในเวลานั้นตาเฒ่าเฟิงคิดว่าเขาจะสามารถสังหารข้าได้แน่นอน เขากล่าวทุกสิ่งกับข้า หลังจากที่ข้าหนีมาได้ ตาเฒ่าเฟิงกลัวว่าข้าจะพ่นเรื่องนี้ เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากเทพธิดาชิงหยุนเพื่อให้ปิดปากข้าซะ! ในฐานะที่ท่านเป็นพี่น้องเลือดเนื้อเดียวกันกับนาง ท่านจึงใส่ร้ายว่าข้าเป็นสายลับของอสูรกาย เรื่องราวเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
“ไร้สาระ!” นักบวชฮัวอวิ๋นตอบกลับอย่างโกรธเคือง
“ไร้สาระ? สิ่งที่ไร้สาระคือเรื่องที่ข้ากลายเป็นสายลับ! บิดาคนนี้ได้ไปอาศัยอยู่ที่ทะเลตะวันออกเพียงไม่กี่เดือนและข้าได้สังหารราชาฉลามดำอีกทั้งยังได้ตำแหน่งหัวหน้าทะเลตะวันออก ถ้าหากข้าเป็นสายลับให้กับอสูรกายจริงๆเหตุใดข้าจึงต้องทำเรื่องเช่นนั้น?”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจทันที ซึ่งทั้งหมดสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่ซ่งจงกล่าวออกมาเรื่องความสัมพันธ์ของตาเฒ่าเฟิงและเทพธิดาชิงหยุนนั้นไม่เคยมีผู้ใดรู้มาก่อน แต่เรื่องราวที่ซ่งจงนั้นเป็นสายลับนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อถือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร เขาเพียงไปอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่เดือนจะกลายเป็นสายลับได้อย่างไรกัน? นอกจากนี้สายลับจะสังหารราชาฉลามดำเพื่ออะไร? เรื่องนี้นั้นไร้หลักฐานโดยสมบูรณ์!
เมื่อคุณชายใหญ่ได้ยินสิ่งที่ซ่งจงกล่าวออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย “เป็นเช่นนั้น แม้ว่าข้าจะเกลียดเจ้า ข้าก็ไม่สามารถหาเหตุผลว่าเจ้าเป็นสายลับให้กับอสูรกายได้ ศิษย์พี่ฮัวอวิ๋น ท่านแน่ใจงั้นหรือว่าท่านไม่ได้ทำผิดพลาด? เด็กคนนี้ไม่ได้เกิดมาในสำนักเสวียนเทียนงั้นหรือ?”
“เรื่องนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอน เขาไม่เพียงแต่เป็นสายลับ แต่บิดามารดาของเขายังเป็นสายลับที่แอบแฝงตัวอยู่ในสำนักเสวียนเทียน ดังนั้นซ่งจงจึงได้รับอิทธิพลมาจากครอบครัวตั้งแต่เด็ก เขาจึงเป็นสายลับด้วยเช่นกัน! นี่เป็นเรื่องที่ข้าเฝ้าจับตาดูมาตลอดแต่ว่าไม่มีหลักฐานใด แต่ในตอนนี้มีหลักฐานแล้ว!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาตามอำเภอใจ
เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขาหันไปมองคุณชายทั้งสองและกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ข้ารู้สึกว่าข้ากำลังจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนในอนาคตอันใกล้นี้ ข้าจึงคิดที่จะเข้าสู่การฝึกฝนแบบปิดกั้นทันทีหลังจากจบเรื่อง ดังนั้นข้าจึงไม่เหมาะกับตำแหน่งจ้าวสำนัก วันนี้หลังจากจบเรื่องของซ่งจงแล้ว ข้าคงไม่มีอะไรให้กังวลใจอีกต่อไป ข้าจะสละตำแหน่งจ้าวสำนักของตนเองและมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝน อย่างไรก็ตามถ้าหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการตัดสิน ข้าก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าจะเข้าสู่การฝึกฝนแบบปิดกั้นได้อย่างสบายใจ! ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับความสำเร็จของข้าในอนาคตและข้าหวังว่าศิษย์น้องทั้งสองจะช่วยเหลือข้า!”
เมื่อคุณชายใหญ่และคุณชายรองได้ยินเช่นนั้น ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ทั้งสองนั้นไม่โง่และเข้าใจสิ่งที่นักบวชฮัวอวิ๋นต้องการจะสื่อทันที เห็นได้ชัดว่านักบวชฮัวอวิ๋นต้องการจะปิดปากเขาและซ่งจงนั้นมีบางสิ่งที่สามารถตลบหลังฮัวอวิ๋นได้ ดังนั้นเขาจึงใช้ตำแหน่งจ้าวสำนักเพื่อแลกเปลี่ยนกับคุณชายใหญ่และคุณชายรอง
หลังจากที่พิจารณาอยู่สักครู่หนึ่ง เขามองท่าทีของนักบวชฮัวอวิ๋นที่แน่วแน่และบวกกับความเกลียดซ่งจง ทั้งสองจึงถอยกลับและกล่าวออกมาอย่างใจเย็น “ศิษย์พี่กล่าวถูกต้องแล้ว ซ่งจงนั้นเป็นสายลับให้กับอสูรกายอย่างแท้จริง ข้าหวังว่าศิษย์พี่จะดูแลเจ้าคนทรยศนี้อย่างดีที่สุด!”
ระหว่างตำแหน่งจ้าวสำนักและซ่งจง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเลือกอย่างแรก เขาจึงกล่าวออกมาด้วยความเกลียดชังซ่งจงที่ทำลายศิษย์ทั้งสี่ของตน ในตอนนี้ทั้งสองนั้นได้ผลประโยชน์และได้แก้แค้นร่วมด้วย สิ่งเดียวที่ทั้งคู่ต้องทำในตอนนี้คือเงียบ ทั้งสองจะไม่ตกหลุมพรางให้กับข้อเสนอที่เย้ายวนเช่นนี้ได้อย่างไร?
ซึ่งเป็นสิ่งที่นักบวชฮัวอวิ๋นคิดถูกที่ใช้ตำแหน่งจ้าวสำนักมาต่อรอง ซึ่งตอนนี้เหยื่อติดกับแล้ว เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในตอนนี้เขาไม่ใช่จ้าวสำนักอีกต่อไป แต่มันก็ยังดีกว่าที่พี่น้องของตนต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง!
เมื่อคิดเช่นนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นคำนับให้กับคุณชายทั้งสองพร้อมกล่าวว่า “ข้าขอขอบคุณท่านทั้งสองที่สนับสนุน ข้าจะทำตามคำพูดของตนเองอย่างแน่นอน!”
“ท่านสุภาพเกินไป พวกเราเชื่อใจศิษย์พี่!” คุณชายใหญ่กล่าวออกมาอย่างมีเล่ห์นัย ในขณะที่พวกเขามีเพียงข้อตกลงทางวาจาแต่มันหมายถึงคำมั่นสัญญาระหว่างผู้ฝึกตนระดับสูง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับคำของตนเอง แน่นอนว่าด้วยตำแหน่งของจ้าวสำนัก ฮัวอวิ๋นไม่อาจตระบัดสัตย์ได้
หลังจากที่นักบวชฮัวอวิ๋นจัดการกับสิ่งขีดขวาง เขาพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม “ซ่งจง เจ้าสัตว์ทรยศ! วันนี้ชายชราผู้นี้จะประหารเจ้าที่ตรงนี้!”
“เจ้าหมาแก่!” เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าไม่สามารถไว้ใจคุณชายทั้งสองได้อีกต่อไป เขาตะโกนออกไปทันที “ท่านเป็นสัตว์ร้ายที่น่ารังเกียจแต่กลับเรียกตนเองว่าเป็นผู้ชอบธรรม ทำสิ่งที่เลวทรามเพียงเพื่อปกป้องพี่เขยและน้องสาวของตนเอง อีกทั้งยังปิดบังการตายของบิดามารดาของข้า ท่านรู้รึเปล่าว่าอะไรเรียกว่าความน่ารังเกียจ!?”
เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของซ่งจงเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ความโกรธแค้นของเขาที่หลั่งออกมาทำให้ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะสงสาร แม้แต่นักบวชฮัวอวิ๋นยังไม่กล้าที่จะสบตาเขา ฮัวอวิ๋นหลบสายตาพร้อมกล่าวต่ออย่างไม่มีทางเลือก “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซ่งจงวันนี้คือวันตายของเจ้า! หน้าที่สุดท้ายของการเป็นจ้าวสำนักเสวียนเทียน ในวันนี้ข้าขอประกาศว่าเจ้าและครอบครัวได้ถูกขับไล่ออกจากสำนัก!”