ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****262:**สถานการณ์อันตราย

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับซ่งจงที่เพิ่งกลับมา ฮัวจิงฉือกังวลอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขานั้นเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มีฝีมือ จากท่าทีของซ่งจงก่อนหน้า เขาเดาว่าซ่งจงยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึนทั้งหมดนี้ ดังนั้นฮัวจิงฉือรีบดำเนินการแผนของเขาทันที

“ฮ่าฮ่า!” ฮัวจิงฉือแสร้งแสดงรอยยิ้มแห่งความประหลาดใจออกมา “หลานรักของข้า ยอดเยี่ยมมากที่เจ้าได้กลับมาอีกครั้ง! พวกเราทั้งหมดนั้นรอคอยเจ้าอยู่เสมอทุกเวลา!”

ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น ฮัวจิงฉือนั้นดูจริงใจอย่างมากและทั้งหมดดูเป็นความรู้สึกของเขาอย่างแท้จริง ดังนั้นซ่งจงจึงไม่ผิดที่จะถูกหลอกและยิ้มตอบกลับไปว่า “ขอขอบคุณอาวุโสสำหรับความเป็นห่วงที่มีให้ข้า!”

“มันเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ!” ฮัวจิงฉือตอบกลับ จากนั้นเขาโบกมือเพื่อกล่าวกับคนรอบข้าง “เขาเป็นสหายของเรา ไม่ใช่ศัตรู พวกเจ้าทั้งหมดกลับไปได้!”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น เกิดอาการมึนงงทันที แต่ก็ไม่มีใครข้าที่จะถามฮัวจิงฉือ หลังจากทำความเคารพเสร็จ ทุกคนแยกย้ายกลับไปยังตำแหน่งของตนเอง

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว ฮัวจิงฉือจูงมือซ่งจงพร้อมกับพาเข้าเกาะด้วยความห่วงใย ในขณะนั้นเขาไม่ลืมที่จะถามออกไป “หลานรัก เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาในช่วงหลายปีที่ผ่าน? เราพลิกแผ่นดินตามหาเจ้าเกือบจะทั่วทั้งทะเลตะวันออกแต่กลับไม่พบอะไร เจ้าทำให้พวกเรากังวลอย่างมาก!”

คำพูดเหล่านี้ของฮัวจิงฉือนั้นเป็นความจริง หลังจากได้รับคำสั่งจากนักบวชฮัวอวิ๋น คนจากสำนักเสวียนเทียนทั้งหมดที่อยู่ในทะเลตะวันออกได้รวมตัวกัน อีกทั้งยังมีสำนักอื่นๆมาช่วยเหลือ หลังจากที่ทั้งหมดได้พลิกทะเลตะวันออกเพื่อตามหาซ่งจง แต่กลับไม่พบเบาะแสอะไรเลย แน่นอนว่าจุดประสงค์ของพวกเขาไม่ได้ค้นหาเพื่อช่วยเหลือแต่เพื่อที่จะสังหารซ่งจง!

อย่างไรก็ตามซ่งจงไม่ได้คิดว่านี่คือกลลวงพร้อมกับเดินตามฮัวจิงฉือไปด้วยความยินดี เช่นนี้เขาจึงรีบตอบกลับทันที “ข้าหลบซ่อนตัวอยู่ในเกาะเล็กๆเพื่อฟื้นฟูร่างกาย และข้าได้พัฒนาระดับพลังของตนเองอยู่ที่นั่นด้วยเป็นเวลาแปดปีเต็ม ข้าเพิ่งออกมาจากการฝึกฝนแบบปิดกั้นเมื่อไม่นานนี้เอง!”

“เอะ?” เมื่อฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาถามกลับอย่างประหลาดใจ “ก้าวหน้าได้ในเวลาเพียงแปดปีงั้นหรือ? เจ้าพบกับความโชคดีโดยบังเอิญอีกครั้งเหรอ?”

“ฮี่ฮี่!” ซ่งจงเผยยิ้มออกมา “ข้าไม่รู้จะกล่าวอย่างไร งั้นอย่าพูดถึงมันเลยแล้วกัน!”

เมื่อเห็นว่าซ่งจงไม่เต็มใจที่จะอธิบาย ฮัวจิงฉือจึงไม่คิดจะเซ้าซี้อีกต่อไป เขากล่าวออกมาอย่างอิจฉา “เจ้าช่างโชคดียิ่งนัก!”

เขาไม่ได้กล่าวอะไรต่อพร้อมกับพาซ่งจงไปที่อาคารกลางเกาะ จากนั้นทั้งคู่จึงนั่งลง เขาไม่เปิดโอกาสให้ซ่งจงพูดอะไรก่อนและกล่าวว่า “หลานรัก ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง เรื่องมันเป็นเช่นนี้!”

ฮัวจิงฉือกล่าวออกมาช้าๆ “เมื่อพวกเราได้ยินว่าตาเฒ่าเฟิงลอบโจมตีเจ้า ทั้งหมดเต็มไปด้วยความโกรธ แม้ว่าเราจะไม่กล้าเผชิญหน้ากับตาเฒ่าเฟิงโดยตรง แต่พวกเราทั้งหมดได้เข้าพบหัวหน้าและรองหัวหน้าของทะเลตะวันออกเพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือ พวกเขาโกรธแค้นด้วยความจริงที่ว่าตาเฒ่าเฟิงรังแกศิษย์ที่อ่อนแอกว่าและถึงขั้นที่ว่าต้องการสังหารตาเฒ่าเฟิงทิ้งซะ อย่างไรก็ตามตาเฒ่าเฟิงได้หนีออกไปและพวกเราไม่สามารถไล่ล่าเขาไปถึงสำนักพันปีศาจได้ พวกเขาทำได้เพียงประกาศจับตาเฒ่าเฟิงและมอบเกาะไผ่เขียวให้เป็นรางวัลชดเชย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มู่ซื่อหรงภรรยาของเจ้าเป็นผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้ ในตอนนี้เจ้ากลับมาแล้วแน่นอนว่าเกาะนี้จะต้องเป็นของเจ้า!”

ซ่งจงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเกาะมากนัก แต่เมื่อได้ยินชื่อของมู่ซื่อหรง ความโกรธภายในใจของเขาผุดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกล่าวเสียงเย็น “มู่ซื่อหรงยังมีหน้ามาเรียกตนเองว่าเป็นภรรยาของข้าอีกงั้นหรือ?”

ฮัวจิงฉือนั้นรู้ดีว่าซ่งจงโกรธจัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หลานรัก ข้ารู้ว่ามันยากที่จะเข้าใจการที่มู่ซื่อหรงละทิ้งเจ้าไปในเวลาเช่นนั้น แต่เจ้าลองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนางบ้างสิ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือตาเฒ่าเฟิงและไม่มีผู้ใดคิดว่าเจ้าจะรอดชีวิต ดังนั้นมู่ซื่อหรงจึงมีสิทธิ์เลือกที่จะปกป้องชีวิตของตนเอง”

“เหอะ ก็คงเป็นเช่นนั้น!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาเหยียดหยาม “ในขณะที่ซูหยู่และซูหยุนไม่ได้เป็นภรรยาข้า พวกนางยังเต็มใจที่จะไปกับข้าและอยู่เคียงข้างข้าเสมอ แต่มู่ซื่อหรงที่เป็นภรรยาของข้ากลับวิ่งหนีไปในเวลาที่ข้าต้องการใครสักคน! ฮ่า คำพูดนั้นเป็นความจริง ‘สามีและภรรยาต่างก็เหมือนกับนกในป่าใหญ่ เวลาที่พบเจอกับปัญหา พวกมันจะบินหนีไปด้วยปีกของตนเอง!’”

 

 

“แค่กๆ!” ฮัวจิงฉือไอออกมาสองครั้งก่อนที่จะกล่าวว่า “มู่ซื่อหรงคงจะมีเหตุผลของนาง การกระทำของนางนั้นเด็กเกินไปและพวกเราได้สั่งสอนนางพร้อมกับบทลงโทษที่โหดเหี้ยมแล้ว นางใช้ชีวิตอย่างโศกเศร้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!”

“งั้นหรือ? ทำไมข้าไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้เลย ด้วยความที่เป็นมู่ซื่อหรงนางนั้นเสียใจเป็นด้วยงั้นหรือ? เหอะ ตราบใดที่นางรู้ว่าข้าตายแล้ว แน่นอนว่านางจะมีความสุข!”

“ไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน!” ฮัวจิงฉือยืนยัน “หลานรัก ข้ารู้ว่าเจ้ากับมู่ซื่อหรงเคยบาดหมางกันในอดีต แต่ในตอนนี้ข้ารับรองได้ว่ามู่ซื่อหรงนั้นเปลี่ยนไปแล้ว อย่างเช่นการเป็นหัวหน้าเกาะแห่งนี้ แต่นางกลับไม่ได้อยู่ปกป้องตำแหน่งของตนและกลับไปไว้ทุกข์ให้กับเจ้าที่สำนักเสวียนเทียน เจ้าสามารถดูได้ว่านางเสียใจมากเพียงใด!”

“ไว้ทุกข์?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างเย็นชา “นางกำลังไว้ทุกข์หรือพยายามที่จะนอกใจข้ากันแน่?”

“แน่นอนว่านางไว้ทุกข์ให้กับเจ้า!” ฮัวจิงฉือตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ถ้าหากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าสามารถกลับไปที่สำนักเสวียนเทียนได้เลยในตอนนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะได้พบกับมู่ซื่อหรงที่กำลังไว้ทุกข์ให้กับเจ้า!”

“งั้นหรือ?” ซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้น กล่าวออกมาอย่างสงสัย “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าก็อยากจะเห็นจริงๆ! ถ้าหากนางไว้ทุกข์ให้กับข้าจริงๆแน่นอนว่าข้าจะลืมเรื่องที่ผ่านมาในอดีต แต่ถ้าหากนางไม่ได้ทำ! เหอะๆ อย่าได้กล่าวโทษถ้าหากข้าไม่เมตตา!”

ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องโกหกที่ซ่งจงต้องการเห็นมู่ซื่อหรงไว้ทุกข์ ความจริงก็คือเขาต้องการกลับไปพบนักบวชฮัวอวิ๋น เขาต้องการจะเปิดโปงความผิดของฮัวเฉียนหวู่จนแทบไม่ไหว ถ้าหากบินกลับไปด้วยตนเอง แน่นอนว่ามันจะกินเวลาถึงสองสามวันและเขาไม่สามารถอดทนรอได้นานขนาดนั้น! ดังนั้นเขาจึงตามน้ำไปกับฮัวจิงฉือและสัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้ง แต่ความจริงก็คือเขาต้องการจะใช้ประตูเคลื่อนย้ายเท่านั้น!

ฮัวจิงฉือรู้สึกดีมากเมื่อเห็นว่าซ่งจงยินดีที่จะกลับสำนักเสวียนเทียน จากนั้นเขารีบตอบทันที “ยอดเยี่ยม งั้นเราไปกันตอนนี้เลย!”

เมื่อกล่าวเช่นนั้น ฮัวจิงฉือพาซ่งจงออกไปทันทีหลังจากที่แจ้งผู้พิทักษ์เรียบร้อย เขาพาซ่งจงเข้าไปด้านในอาคารทันที

มาถึงประตูเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ภายในอาคาร ฮัวจิงฉือใช้เวทมนตร์เพื่อเปิดใช้งานคำสั่งเคลื่อนย้าย จากนั้นเขาหันมาหาซ่งจง “หลานรัก ประตูนี้มันแคบเกินไปและส่งได้เพียงคนเดียว ให้ข้าไปก่อน และเจ้าจงตามมาทีหลัง ตกลงไหม?”

“ตกลง!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหลบทางให้ฮัวจิงฉือ เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เขาจึงเชื่อใจว่าฮัวจิงฉือจะไม่ส่งเขาไปในสถานที่ที่อันตราย

เมื่อเห็นว่าซ่งจงตกลง ฮัวจิงฉือยิ้มออกมา “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไปก่อน!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาก้าวเข้าสู่ประตูเคลื่อนย้ายและหายไปทันที

หลังจากที่ฮัวจิงฉือหายไป ซ่งจงคาดว่าเขาก็คงถึงจุดหมายแล้วและต้องการจะใช้ประตูเคลื่อนย้ายต่อ แต่หลังจากนั้นเขารู้สึกเวียนหัว นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอเมื่อใช้ประตูเคลื่อนย้าย หากแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งฟื้นตัวได้รวดเร็วมากเท่านั้น

ด้วยความแข็งแกร่งของซ่งจง อาการเวียนหัวของเขาเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น หลังจากที่เขาเปิดตาออกมาเขาพบว่าตนเองอยู่ในหอคอยลอยฟ้าของสำนักเสวียนเทียนแล้ว ฮัวจิงฉือไม่ได้รอเขาและบินออกจากที่แห่งนี้ไปแล้ว

แต่เมื่อซ่งจงต้องการจะติดตามเขาไป ฮัวจิงฉือตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “เปิดใช้งานค่ายกล ผู้ทรยศซ่งจงอยู่ที่นี่แล้ว!”

ซ่งจงมึนงงทันทีเมื่อได้ยินว่าตนเองคือคนทรยศ เขากลายเป็นคนทรยศเมื่อไหร่กัน?

ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนอง ผู้ฝึกตนระดับจินตันได้เปิดใช้งานเสาหมื่นมังกรนิทราแล้ว!

ปรากฏพลังปราณจิตวิญญาณพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกักขังซ่งจงไว้ในพื้นที่แคบๆทันที ในเวลานั้นสัญญาณเตือนดังขึ้นในสำนักเสวียนเทียนที่แจ้งถึงอันตราย

เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาตกใจกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างมาก เขารู้ถึงความสามารถของเสาหมื่นมังกรนิทรา ค่ายกลแห่งนี้แข็งแกร่งอย่างมากแม้แต่ผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินยังไม่อาจหนีรอดไปได้ เมื่อครั้งก่อนเป็นซ่งจงที่หลอกให้ตาเฒ่าเฟิงเข้ามาติดกับในสถานที่แห่งนี้ ซ่งจงไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เหมือนกัน

 

 

ซ่งจงไม่กล้าที่จะต่อต้าน เขาตะโกนออกมา “ฮัวจิงฉือนี่หมายความว่าอะไร?”

“ฮ่า!” ฮัวจิงฉือระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “บัดซบ เจ้าเป็นสายลับของอสูรกาย ในตอนนี้เจ้าติดกับแล้ว! รีบยอมแพ้เร็วเข้า มัวรออะไรอยู่งั้นหรือ?”

“บัดซบ!” ซ่งจงคำรามออกมา “ข้าเกิดและเติบโตในสำนักเสวียนเทียนและไปอาศัยอยู่ทะเลตะวันออกเพียงไม่กี่ปี ข้าจะกลายเป็นสายลับให้กับอสูรกายได้อย่างไร?”

“เจ้านั้นเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่เพียงแค่นั้นยังมีครอบครัวของเจ้าอีกด้วย!” ฮัวกล่าวมันออกมาอย่างชอบธรรม “ทุกคนรู้เรื่องกันหมดแล้ว เจ้าจะปฏิเสธไปถึงเมื่อไหร่กัน?”

“เจ้า… เจ้าพล่ามอะไร!” ซ่งจงโกรธจัดถึงขั้นที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมกับคำรามออกมา “บิดาของข้านั้นเป็นศิษย์คนสำคัญของจ้าวสำนักคนก่อนหน้า เจ้าจะมากล่าวว่าเขาเป็นสายลับได้อย่างไร หลักฐานอะไรที่เจ้านั้นมี?”

“เรื่องนั้น…” เมื่อฮัวเฉียนหวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาก้มหัวลงพร้อมคิดกับตนเอง ‘ผีเท่านั้นแหละที่มีหลักฐาน!’

แต่ในเวลานั้น มีเสียงหนึ่งตะโกนออกมา “ซ่งจงเจ้าสามารถรอดพ้นจากเหล่าอสูรกายเหล่านั้น ถ้าไม่เช่นนั้นพวกมันจะช่วยชีวิตเจ้าไว้ทำไม?”

ด้วยเสียงนั้นปรากฏกลุ่มคนนับสิบขึ้น พร้อมด้วยนักบวชฮัวอวิ๋น คุณชายใหญ่และคุณชายรอง ด้านหลังของพวกเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตันทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าทุกคนมาอยู่ตรงนี้เพราะเสียงสัญญาณเตือน