ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****261:**พบกันอีกครั้ง

หลังจากที่ออกมาจากวังวารีบริสุทธิ์ ซ่งจงนั้นเหมือนนกเมื่ออยู่บนท้องฟ้าและเหมือนปลาเมื่ออยู่ในน้ำ ตอนนี้ซ่งจงนั้นไม่อาจอดทนรอที่จะกลับไปที่กลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออกเพื่อจัดการกับตาเฒ่าพิษและแม่มดเปลือยกาย จากนั้นเขาจะฉีกใบหน้าของมู่ซื่อหรงภรรยาที่ทอดทิ้งเขาพร้อมกับฮัวจิงฉือ!

แน่นอนว่าถ้าหากเขาได้พบกับตาเฒ่าเฟิง ซ่งจงก็คิดที่จะต่อสู้กับเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามในวันนี้ซ่งจงไม่เกรงกลัวอีกต่อไป เพียงแค่เหล่าแม่มดเทวะที่อยู่ในระดับจินตันขั้นสุดท้ายก็เพียงพอแล้วที่จะต่อสู้กับตาเฒ่าเฟิง บวกกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่งจงนั้นสะสมมานานหลายปี มันสามารถทำให้เขาระเบิดทุกอย่างโดยรอบให้เป็นผุยผงได้

ซ่งจงเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างกระวนกระวาย เขาแทบจะอดทนรอคอยเวลานี้ไม่ไหว

เมื่อพบชายฝั่งในทะเลตะวันออก ซ่งจงหยุดทันทีพร้อมกับให้ซูหยู่และซูหยุนออกมาจากมิติลึกลับ

เมื่อมาถึงชายฝั่งของทะเลตะวันออก ทั้งสองตื่นเต้นอย่างมาก หลังจากผ่านมาแปดปีและได้เผชิญกับความเป็นความตายมาอย่างฉิวเฉียด ทั้งหมดได้แต่ระลึกถึงเหตุการณ์อย่างใจหาย!

“พี่ชายซ่ง ในที่สุดพวกเราก็ได้กลับมา!” ซูหยู่และซูหยุนกล่าวกับซ่งจงอย่างตื่นเต้น

“ฮี่ฮี่ ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าข้าจะพาเจ้าทั้งสองคนกลับมาแน่นอน!” ซ่งจงยิ้มตอบ “เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าไม่ได้ผิดสัญญาใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่า!”

“อือ พวกเรารู้ดีว่าพี่ชายซ่งยอดเยี่ยมที่สุด!” ซูหยู่และซูหยุนยิ้ม “ในตอนนี้ข้ายังคิดอยู่เลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นช่างมหัศจรรย์อย่างมาก แม้แต่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินยังสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ อีกทั้งยังได้ฝึกฝนเพิ่มระดับของตนเองและได้กลับสู่ทะเลตะวันออกในที่สุด ถ้าหากว่าพวกเราไม่ได้พบเจอเรื่องนี้ด้วยตนเอง แน่นอนว่าคงไม่มีวันเชื่อสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน!”

“ฮ่าฮ่า เป็นไปได้เสมอ!” ซ่งจงยิ้มออกมา “ตาเฒ่าเฟิงนั้นใช้วิธีสกปรก คนสารเลวเท่านั้นที่รู้วิธีข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า ถ้าหากข้าได้พบเขาอีกครั้ง ข้าจะทำให้ฟันของเขาล่วงหล่นหมดปาก!”

“ฮ่าฮ่า!” เมื่อทั้งสองได้ยินเช่นนั้น พวกนางได้แต่หัวเราะพร้อมกับเอามือปิดปาก ความงามของพวกนางและเสียงหัวเราะที่ไร้เดียงสาทำให้ซ่งจงตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นซูหยู่และซูหยุนสังเกตเห็นท่าทีของซ่งจง ทั้งสองคนเขินอายทันที

ทั้งสามคนใช้เวลาร่วมกันยาวนานถึงแปดปี ความสัมพันธ์ของทั้งสามนั้นเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ซึ่งไม่มีสิ่งใดเกินเลยไปมากกว่านี้

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะซ่งจงนั้นเป็นสุภาพบุรุษ แต่เป็นเพราะหญิงสาวทั้งสองไร้เดียงสาจนเกินไปและไม่รู้จะทำอย่างไรในเรื่องของสตรีและบุรุษ ดังนั้นทั้งหมดจึงไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของซ่งจงเลย อีกทั้งซ่งจงก็ไม่ได้คิดที่จะบังคับพวกนางทั้งสองจึงปล่อยให้ความสัมพันธ์ค่อยๆดำเนินไปเช่นนี้

แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ทำตาม แต่ไม่ได้แปลว่าความสัมพันธ์ไม่อาจพัฒนาได้ ตลอดแปดปีที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทั้งสามต่างแยกกันอยู่และเข้าสู่การฝึกฝนแบบปิดกั้นเสมอ ทั้งสามรู้สึกได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันและซ่งจงรู้สึกว่าสองคนนี้สามารถไว้ใจได้ เพียงแค่ซ่งจงยังไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคที่จะพัฒนาให้มันมากกว่านี้เท่านั้น

เมื่อเห็นว่าซูหยู่และซูหยุนนั้นอับอายแค่ไหน ซ่งจงได้แต่ยิ้มแห้งๆออกไปพร้อมกับเรียกนาวายักษ์สีดำออกมา จากนั้นเขากล่าวว่า “ไปกันเถอะ กลับไปที่ราบสูงสีเขียวเพื่อพบเจอสหายเก่าสักหน่อย!”

เห็นได้ชัดว่าคนที่ซ่งจงเรียกว่าสหายเก่านั้นเป็นบุคคลที่ทอดทิ้งเขาในอดีต โดยเฉพาะแม่มดเปลือยกายที่ขายเขาจนหมดสิ้น!

หญิงสาวทั้งสองเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกนางตอบกลับทันที “หลังจากที่ไม่ได้พบกันเนิ่นนาน ข้าคิดว่าพวกเขาก็น่าจะคิดถึงพวกเราเช่นกัน!” ทั้งสองกล่าวพร้อมกับขึ้นเรือทันทีและมุ่งหน้าไปที่ราบสูงสีเขียว

ซ่งจงนั้นไม่ได้อยู่ไกลจากที่ราบสูงสีเขียวมากนัก ในเวลาเพียงหกชั่วโมงทั้งสามเดินทางมาถึงยอดเขาซึ่งสถานที่แห่งนี้เคยเป็นของซ่งจงมาก่อน

ซ่งจงที่โกรธแค้นไม่สามารถระงับอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป ในขณะที่เขาร่อนลงที่พื้นดิน เขาถีบประตูและคำรามออกมาเสียงดัง “เจ้าบัดซบทั้งหลาย บิดาของเจ้ากลับมาทวงทุกอย่างคืนแล้ว!”

ซูหยู่และซูหยุนติดตามซ่งจงมาอย่างใกล้ชิด เมื่อทั้งสามเห็นภาพตรงหน้าทั้งหมดได้แต่ตกตะลึงทันที สถานที่แห่งนี้ว่างเปล่าและดูราวกับว่ามันว่างเปล่ามาเนิ่นนานแล้ว!

 

“บัดซบ!” ซ่งจงสาปแช่ง “ไม่มีไอ้บัดซบตัวไหนอยู่ที่นี่เลย! หรือว่าพวกมันออกไปล่าอสูรกายกัน!?”

“บางทีทั้งหมดอาจอาศัยอยู่ที่เกาะไผ่เขียว!” ทั้งสองกล่าวออกมา

“อ๋อ!” เมื่อเขาจำได้ ซ่งจงนึกถึงเกาะไผ่เขียวทันทีพร้อมกับบ่นออกมา “ใช่ ใช่แล้ว เกาะไผ่เขียวนั้นเป็นสมบัติของสำนักพันปีศาจ แม่มดเปลือยกายนั้นหลอกลวงข้า นางจะต้องได้รับรางวัลอย่างมากมายแน่นอน ในตอนนี้นางก็คงเพลิดเพลินกับของรางวัลอยู่สินะ! งั้นข้าคงต้องไปทักทายนางสักหน่อย!”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงต้องการที่จะเดินออกไป อย่างไรก็ตามซูหยู่และซูหยุนหยุดเขาไว้และกล่าวว่า “ศิษย์พี่ซ่งในตอนนี้ใกล้จะมืดค่ำแล้ว ทำไมท่านไม่อยู่ที่นี่ก่อนและค่อยเดินทางในวันพรุ่งนี้ล่ะ?”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างสับสน “บนเรือนั้นไม่ใช่การพักผ่อนงั้นหรือ? เหตุใดเราจึงต้องพักที่นี่ด้วยล่ะ?”

“อ่า เพราะว่า…” ซูหยู่และซูหยุนมองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยปัญหาคับข้องใจ

ซ่งจงรู้ทันทีว่าพวกนางมีบางสิ่งในใจจึงถามออกไปทันที “เพียงแค่พูดออกมา พวกเราไม่จำเป็นต้องมีความลับต่อกันถูกไหม?”

“อ่า เป็นเช่นนั้น!” ซูหยู่และซูหยุนขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “พวกเราทั้งสองไม่ต้องการไปที่เกาะไผ่เขียว!”

“ไม่ไปเกาะไผ่เขียวงั้นหรือ?” ซ่งจงตกใจชั่วขณะ จากนั้นเขาอุทานออกมา “พวกเจ้าทั้งสองต้องการทอดทิ้งข้าเหรอ?”

“อ่า ไม่ใช่แบบนั้น!” ซูหยู่และซูหยุนอธิบายทันที “ในตอนนี้เราได้ออกมาจากสำนักของตนเองมาแปดปีและไม่ได้รับรู้ข่าวใดๆเลย แน่นอนว่าอาจารย์ของเราจะต้องเป็นห่วงอย่างมาก ดังนั้นพวกข้าทั้งสองคิดจะกลับไปที่สำนักก่อนที่จะกลับมาหาพี่ชายซ่ง อีกอย่างคือท่านจะไม่ต้องการให้พวกข้าทั้งสองอยู่ในเกาะไผ่เขียวด้วยเช่นกัน ผู้ฝึกตนระดับจินตันมากเกินไป พวกเราทั้งสองจะกลายเป็นภาระทันที!”

“พวกเจ้าจะกลับมาจริงๆงั้นหรือ?” ซ่งจงถามกลับอย่างกังวล

“แน่นอน! ท้ายที่สุดแล้วพวกเราจะต้องแจ้งเหตุผลให้อาจารย์ทราบและอนุมัติสิ่งที่เราจะทำ!” เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของพวกนางกลายเป็นสีแดง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้นอีก

As SongZhong heard that, he felt elated. But, he feigned ignorance and asked, “Eh, what do you guys have to seek approval regarding?”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกตื่นเต้นทันที แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้และถามออกไป “เอะ พวกเจ้าต้องขออนุมัติอะไรบ้างงั้นหรือ?”

“หยาบคาย!” ซูหยู่และซูหยุนนั้นรู้อยู่แล้วว่าซ่งจงรู้ แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจเท่านั้น ทั้งสองจึงส่งเสียงโวยวายกลบเกลื่อนความอับอาย

ซ่งจงรีบอ้อนวอนอย่างรวดเร็ว “อ่า ได้โปรดเมตตาข้าด้วยภรรยาทั้งสองของข้า! สามีคนนี้รับรู้ความผิดของตนเองแล้ว!”

เมื่อซูหยู่และซูหยุนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของพวกนางแดงเรื่อหลังจากที่ซ่งจงรุกหนัก จากนั้นพวกเขาทั้งสามเข้าไปพักผ่อนด้านในและนอนกอดกันตลอดทั้งคืน

เช้าวันถัดมา ซูหยู่และซูหยุนออกจากที่แห่งนี้ไปหลังจากรับประทานอาหารเช้า ซ่งจงห่วงว่าพวกนางจะพบกับอุบัติเหตุระหว่างทาง เขาจึงให้ทั้งสองยืมนาวายักษ์สีดำ เนื่องจากว่าเขามีเรือมังกรทองคำอยู่แล้ว นาวายักษ์สีดำจึงไม่มีความหมายอีกต่อไป

ซูหยู่และซูหยุนนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าซ่งจงนั้นร่ำรวยเพียงพอ ดังนั้นหลังจากปฏิเสธเขาอยู่สักระยะหนึ่ง ทั้งสองจึงยอมรับเรือนี้ไว้ ทั้งหมดเริ่มออกบินแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง

จนกระทั่งลับสายตาจากกันและกันไป ซ่งจงถอนหายใจพร้อมกับพึมพำ “เอาล่ะ ข้าควรจะผ่อนคลายได้แล้ว ในตอนนี้ข้าอยู่คนเดียวโดยสมบูรณ์! ลืมมันไปเถอะ ถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปพบเจอกับสหายเก่าแล้ว!”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงขี่ดาบบินของตนเองมุ่งหน้าไปที่เกาะไผ่เขียวด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า!

 

 

 

ผ่านไปสองชั่วโมงเต็ม แสงดาบสีแดงปรากฏขึ้นบนเกาะไผ่เขียวอย่างเย่อหยิ่ง แท้จริงบนเกาะได้แจ้งเตือนแล้วเมื่อตอนที่แสงดาบยังอยู่ไกลๆ มีบุคคลผู้หนึ่งบินมาที่เกาะอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยจิตสังหาร แน่นอนว่าคนผู้นั้นต้องการที่จะสร้างปัญหา ผู้ฝึกตนที่คอยดูแลเกาะนั้นไม่รีรอและรายงานตรงต่อผู้ฝึกตนระดับจินตันเพื่อให้ออกมาต้อนรับผู้มาเยือน หลังจากที่ทั้งสองพบเจอกันทั้งคู่แปลกใจพร้อมกล่าวออกมาพร้อมกับว่า “ทำไมเป็นเจ้า?”

บุคคลที่อยู่ตรงข้ามนั้นตกใจเมื่อเห็นซ่งจงและซ่งจงก็ประหลาดใจเช่นกันเพราะเขารู้จักกับอีกฝ่ายอย่างดี ทั้งสองคนร้องอุทานออกมาเพราะไม่คิดว่าจะได้พบกันในสถานที่แห่งนี้

ผู้ดูแลเกาะแห่งนี้นั้นคือคนของสำนักเสวียนเทียนและเป็นบุตรชายของนักบวชฮัวอวิ๋น เขาคือฮัวจิงฉือ!

เมื่อซ่งจงเห็นฮัวจิงฉือ เขาตกใจพร้อมถามออกมาอย่างสับสน “เอะ ที่นี่ไม่ใช่เกาะไผ่เขียวงั้นหรือ? เหตุใดศิษย์พี่ฮัวจิงฉือจึงอยู่ที่นี่?”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นออกไป ซ่งจงเหลือบไปมองบุคคลรอบข้างและพบว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นคนจากสำนักเสวียนเทียน เสื้อคลุมของทุกคนมีตราของสำนักและมันไม่สามารถบิดเบือนได้ แต่เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดเป็นคนของสำนัก แต่เหตุใดจึงแสดงท่าทีว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรู?

ในขณะที่ซ่งจงกำลังอยู่ในความสับสน ฮัวจิงฉือวางท่าทีที่ระมัดระวังซ่งจงอย่างมาก ในเวลานั้นฮัวจิงฉืออดไม่ได้ที่จะบ่นในใจกับตนเอง ‘บิดาที่รัก คำสั่งที่โง่เง่าเหล่านี้มันคืออะไรกัน? เหตุใดท่านจึงต้องยืนยันว่าซ่งจงเป็นสายลับ? ในตอนนี้ช่วงเวลาสั้นๆเพียงแค่แปดปี ไขมันบัดซบนั้นเข้าสู่ระดับจินตันแล้ว! ในขณะที่เขาอยู่ในระดับปฐมภูมิ เขาสามารถขับไล่เหลยซานเอ๋อ อีกทั้งยังสังหารราชันฉลามดำและสามารถต่อสู้กับปีศาจทั้งสามแห่งทะเลตะวันออกได้อย่างกล้าหาญ แม้แต่เขาที่ต้องเผชิญหน้ากับตาเฒ่าเฟิงซึ่งใช้วิชาปีศาจเข้าสู่ร่างกาย ในตอนสุดท้ายเขายังหลบหนีไปได้ บุคคลน่ากลัวเช่นนี้ได้เข้าสู่ระดับจินตันแล้ว ข้าควรจะทำเช่นไร? จับเขางั้นหรือ? ด้วยการช่วยเหลือของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้า เขาจะทำให้ข้ากลายเป็นผุยผง! บิดาที่รักเหตุใดท่านจึงไม่สังหารข้าทิ้งแทนที่จะออกคำสั่งโง่ๆเหล่านี้ล่ะ?’