ตอนที่ 619 หมอกปริศนา

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 619

หมอกปริศนา

“หมอกหน้าชะมัด”หลินเฟยพึมพำเบาๆขณะยืนประชันหน้ากับอสูรกวางสีขาวที่กำลังปล่อยหมอกออกมาจากร่างกาย หมอกของมันนั้นปกคลุมไปทั่วป่าทำเอาแทบมองอะไรไม่เห็นเลย

“…….”ระหว่างกำลังจะจัดการกับอสูรกว้างตรงหน้า อยู่ๆหลินเฟยก็สัมผัสพลังอสูรของอีกฝ่ายไม่ได้ ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นอสูรระดับสูงของป่านี้แท้ๆ

เปรี้ยง!!

เขาของกวางสีขาวที่พุ่งเข้าใส่หลินเฟยจากด้านหลังกระแทกกระบี่ในมือหลินเฟยเข้าพอดี เมื่อหันกลับมาเจ้ากวางก็พบว่าหลินเฟยยามนี้มีดวงตาสีม่วงต่างจากตอนแรก แต่มันยังไม่ทราบว่าดวงตาของหลินเฟยมีความสามารถอะไรมันก็ถูกฆ่าตายเสียก่อน

“หมอกที่ปิดสัมผัสพลังได้งั้นหรือ แปลกจริงๆ”หลินเฟยพูดพลางก้มเก็บแก่นอสูรของกวางตนนั้นด้วยท่าทีประหลาดใจ อสูรในแต่ละที่ช่างมีความสามารถหลากหลายจริงๆ นึกว่าอสูรแมงมุมที่ล่องหนหายตัวได้ของท่านพ่อจะแปลกแล้วเสียอีก

.

.

.

“…………”อีกด้านหนึ่งของป่า แม้จะอยู่ห่างจากการต่อสู้มาไกลพอสมควร แต่หมอกของอสูรกวางที่หลินเฟยสู้ด้วยก็ลอยมาจนถึงกลุ่มของพวกฟงเป่า ความจริงแล้วหนี่หลิงหนานอยู่ห่างจากฟงเป่าไม่มาก แต่เพราะไม่มีใครจับสัมผัสพลังของกันและกันได้ทำให้แต่ละฝ่ายต่างคิดว่าตนเองหลงทางกับคนอื่นแล้วทำให้หนี่หลิงหนานที่อยู่คนเดียวไม่ทราบจะทำอย่างไรดี

“ฟงเป่า เจ้าอยู่หรือเปล่า”หนี่หลิงหนานส่งเสียงเรียกพลางมองไปรอบๆด้วยท่าทีหวาดกลัวแต่เสียงของนางยามนี้ทั้งสั่นเทาทั้งเบาหวิวทำให้ฟงเป่าที่อยู่ห่างออกไปไม่ได้ยิน แถมราวกับโชคชะตาเล่นตลก นางที่พยายามกลับไปทางเดิมดันสวนทางกับฟงเป่าที่พยายามตรงเข้าไปหาตัวนางเองเสียอย่างนั้นทำให้ฟงเป่าที่อยู่กับทั้งหมิงมิ่งและเซี่ยจินเย่ยิ่งห่างจากหนี่หลิงหนานเข้าไปทุกที

ตุบ…

ระหว่างกำลังเดินเพื่อตามหาฟงเป่า อยู่ๆที่ด้านหน้าของหนี่หลิงหนานก็มีเสียงเหมือนกับมีใครกำลังเดินอยู่ข้างหน้า แต่เพราะหนี่หลิงหนานกำลังคิดว่าตนเองเดินกลับมาหาฟงเป่าก็เลยเข้าใจว่าตรงหน้าตนเองนั้นคือพวกฟงเป่านั่นเอง เมื่อคิดเช่นนั้นหนี่หลิงหนานก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันไปถึงร่างของหนี่หลิงหนานก็ชะงักไป เพราะเสียงเท้าที่ก้าวเดินอยู่นั้นไม่เหมือนการเดินของคนสองคนเลย

“กรรรร”แต่หนี่หลิงหนานฉุกใจคิดได้ก็สายไปแล้วเพราะดวงตาของนางสบเข้ากับดวงตาของอสูรตนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนเนินเหนือตนเองเข้าพอดี

“…….”หนี่หลิงหนานไม่ทราบว่าอสูรตรงหน้าระดับเท่าไหร่เพราะไม่มีพลังอสูรใช้ตรวจสอบ แต่เจ้าอสูรรูปร่างเหมือนหมาป่าตรงหน้าก็เตรียมเล่นงานตนแล้ว

เปรี้ยง!!

ไม่ต้องรอช้า เจ้าอสูรหมาป่าพุ่งเข้ามาใส่ร่างของหนี่หลิงหนานทันที เพียงแต่จริงๆแล้วอสูรหมาป่าตนนี้เป็นอสูรระดับต่ำทำให้หนี่หลิงหนานสามารถโจมตีสวนจนมันได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ไม่ยาก

“ฮะๆ ก็ไม่เท่าไหร่นี่นา”หนี่หลิงหนานหัวเราะเบาๆออกมาก่อนจะกระชับกระบี่ในมือแน่น เมื่อรู้ว่าตนเองเอาชนะได้ความกลัวก่อนหน้านี้ก็หายไปทันที เพียงแต่…

“บรู๋วววววว” หมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บส่งเสียงหอนไปทั่วป่าเล่นเอาหนี่หลิงหนานสะดุ้งโหยง ต่อให้เป็นสัตว์ป่าธรรมดา หมาป่าก็มักจะล่าเป็นฝูง การเรียกฝูงของมันรอบๆเมื่อเจอเหยื่อจึงเป็นเรื่องปกติ นี่คือสิ่งที่หลินเฟยสอนนางเอาไว้แล้ว แต่เพราะมัวแต่ดีใจที่สามารถเอาชนะอสูรได้หนี่หลิงหนานเลยลืมข้อนี้ไปเสียสนิท

.

.

.

“เสียงหมาป่า…..”ฟงเป่าที่อยู่ห่างออกไปไม่มากได้ยินเสียงของหมาป่าอย่างชัดเจน หมาป่าพวกนี้ใช้การหอนเพื่อส่งสัญญาณ การที่มันหอนเรียกพวกแบบนี้แสดงว่าพวกมันเจอเหยื่อเข้าแล้ว และก็แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเหยื่อที่แอบเข้ามาตอนนี้ก็คือหนี่หลิงหนานนั่นเอง

“เซี่ยจินเย่ พวกเรารีบไปกันเถอะ”ฟงเป่าเมื่อได้ยินเสียงหอนก็เดาทิศทางของหนี่หลิงหนานได้ทันที ทำให้ฟงเป่าออกตัวหวังจะไปช่วยหนี่หลิงหนานที่น่าจะโดนหมาป่าโจมตีอยู่ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ฟงเป่าลืมไปเลยว่าตอนนี้ตนเองมีพลังของอสูรในร่างประกอบกับแต่เดิมตนเองมีธาตุลมอยู่แล้วทำให้ความเร็วของฟงเป่าเหนือกว่าเซี่ยจินเย่ที่ไม่ถนัดวิชาตัวเบาหลายเท่า พริบตาเดียวร่างของฟงเป่าก็หายวับไปจากสายตาของเซี่ยจินเย่ ประกอบกับหมอกหนาทึบที่มีความสามารถพิเศษทำให้สัมผัสพลังของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เซี่ยจินเย่ไม่ทราบว่าฟงเป่ามุ่งไปทางไหน

ตุบ…..

ระหว่างกำลังพยายามตามฟงเป่าให้ทันจากทิศทางที่หมาป่าส่งเสียงหอน เงาสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังร่างของเซี่ยจินเย่พอดี เงาใหญ่มหึมานั้นบดบังร่างเล็กๆของเซี่ยจินเย่จนมิด..

.

.

เปรี้ยง!! ฉึก!!

กระบี่ในมือของหนี่หลิงหนานแทงร่างของหมาป่าจนพรุนไปหลายตัว พอมันเรียกพวกมาหนี่หลิงหนานก็รับมือพวกมันได้ยากขึ้น พวกมันล้อมหนี่หลิงหนานเอาไว้แล้วผลัดกันโจมตีทำให้หนี่หลิงหนานต้องเอาหลังพิงต้นไม้เอาไว้เพื่อให้พวกหมาป่าโจมตีมาแต่ข้างหน้าและด้านข้างเท่านั้น แต่หมาป่าพวกนี้กลับยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่มจำนวน ไม่ทราบว่าพวกมันอยู่รอบๆนี้กี่ตัวกันแน่ถึงได้เข้ามาโจมตีหนี่หลิงหนานไม่ขาดสาย แต่ในคำสอนของหลินเฟยยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรประเภทหมาป่า นั่นคือ…พวกมันมีจ่าฝูง

ตึง….

ร่างของหมาป่าที่สูงกว่า 3 เมตรเดินเข้ามาอยู่ตรงเนินที่สามารถมองเห็นลูกน้องของตนที่กำลังล้อมโจมตีหนี่หลิงหนานได้อย่างง่ายดาย อสูรพวกนี้ดูเคยชินกับหมอกพวกนี้มากทีเดียว

“………..”หนี่หลิงหนานมองไปทางจ่าฝูงด้วยท่าทีหวาดระแวง ตอนนี้มันยังไม่ลงมาสู้แต่ลูกน้องมันก็เริ่มตายไปทีละตัวคิดว่าอีกไม่นานมันคงลงมาเล่นด้วยอีกตน เพียงแต่จ่าฝูงตนนี้ต้องเก่งกว่าอสูรหมาป่าตนอื่นๆแน่ๆ ปัญหาคือหนี่หลิงหนานไม่ทราบว่ามันแข็งแกร่งกว่าเท่าไหร่นั่นเอง

“กรรรร”เมื่อเห็นลูกน้องของตนตายภายใต้คมกระบี่ของหนี่หลิงหนานหลายตนเข้า จ่าฝูงก็เข้าใจทันทีว่าลูกน้องของตนเองไม่ไหวแล้ว มันก้าวเท้าลงมาจากเนินพลางจ้องมองหนี่หลิงหนานไม่วางตา ส่วนลูกน้องนั้นพอเห็นจ่าฝูงลงมาพวกมันก็เปลี่ยนจากโจมตีหนี่หลิงหนานเหมือนฆ่าตัวตายเป็นยืนคุมเชิงไม่เข้ามาทำร้ายหนี่หลิงหนานแทน เหมือนกดดันให้หนี่หลิงหนานรอจ่าฝูงของพวกมันลงมาจัดการไม่มีผิด

“พี่หลิงหนาน……”ราวกับโชคช่วย ฟงเป่าที่ใช้เสียงของหมาป่านำทางก็มาถึงพอดี

เปรี้ยง!! นิ้วของฟงเป่าที่สร้างปราณกระบี่แสงอรุณออกมาโจมตีใส่ร่างของจ่าฝูงเข้าอย่างรวดเร็ว เพียงการจี้นิ้วครั้งเดียวเท่านั้นก็คร่าชีวิตของจ่าฝูงหมาป่าลงได้เพราะจริงๆแล้วมันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายเลย

“ออกไป”ทันทีที่จ่าฝูงสลายกลายเป็นแก่นอสูร หมิงมิ่งก็กระโดดลงมายืนบนพื้นก่อนจะปล่อยพลังอสูรออกมา ในระยะแค่นี้หมอกพวกนี้ไม่มีผลอะไรทำให้พวกหมาป่าสัมผัสพลังระดับมายาของหมิงมิ่งได้ทันที

“หงิ๋ง….”ไม่ต้องสงสัยเลย นอกจากจ่าฝูงจะโดนจัดการแล้วยังมีอสูรที่แข็งแกร่งมากเข้ามาขวางอีกพวกหมาป่าก็พากันหันหลังวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทางจนฝุ่นฟุ้งแทนหมอกเสียแล้ว

“พี่หลิงหนาน ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ”ฟงเป่าถามพลางมองหนี่หลิงหนานด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้ความจริงต่อให้ตนไม่มาหนี่หลิงหนานก็คงสามารถจัดการจ่าฝูงได้ในทางใดทางหนึ่งก็เถอะ

ฟุบ….

ร่างของหนี่หลิงหนานเข้ามากอดฟงเป่าเอาไว้แน่นด้วยท่าทีโล่งใจ นางไม่ทราบหรอกว่าจ่าฝูงตนนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ แต่นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เมื่อได้ฟงเป่าเข้ามาช่วยนางก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากจนเผลอกอดร่างของฟงเป่าเอาไว้แน่น ช่วยไม่ได้นี่นา นางรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยหากอยู่ในเขตอสูรโดยไม่มีฟงเป่า

“พี่หลิงหนาน…”ฟงเป่าชะงักเหมือนทำตัวไม่ถูก แม้แต่คู่หมั้นอย่างติงปู้อินฟงเป่ายังไม่เคยใกล้ชิดขนาดนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ฟงเป่าโดนหญิงสาวสวมกอดเข้าแบบนี้ กลิ่นของผู้หญิงนั้นหอมมากทีเดียวแถมเนื้อตัวยังนุ่มกว่าของผู้ชายมากด้วย

“ขอโทษ ข้าแค่ตกใจ”หนี่หลิงหนานตอบพลางปล่อยฟงเป่าให้เป็นอิสระ

“พวกเรารีบออกไปกันดีกว่า หมอกพวกนี้แปลกมากจริงๆ ก่อนจะมาถึงตัวเจ้าข้าสัมผัสพลังอะไรผ่านหมอกพวกนี้ไม่ได้เลย”หมิงมิ่งที่อยู่ด้านล่างพูดพลางกระโดดกลับขึ้นมาบนไหล่ของฟงเป่าอีกครั้ง เมื่อได้ยินหมิงมิ่งพูดเช่นนั้นทั้งฟงเป่าทั้งหนี่หลิงหนานต่างก็มีท่าทีเห็นด้วยทันที เพียงแต่…

“ฟงเป่า แล้วเซี่ยจินเย่ล่ะ”หนี่หลิงหนานถามพลางมองไปรอบๆ ในระยะที่มองเห็นได้ผ่านหมอกนางไม่เห็นเซี่ยจินเย่เลย

“เอ๊ะ เมื่อครู่ยังตามข้ามาอยู่เลยนะขอรับ”ฟงเป่าตอบด้วยท่าทีตกใจเช่นกัน เพราะกลัวว่าหนี่หลิงหนานจะได้รับอันตราย ฟงเป่าเลยรีบร้อนเกินไป ทำให้เซี่ยจินเย่ตามไม่ทันจนได้

“หรือว่าจะหลงไปในหมอก ฟงเป่าเรารีบตามหานางกันเถอะ”หนี่หลิงหนานที่หลงในหมอกอู่คนเดียวก่อนหน้านี้มีท่าทีกังวลทันที ความหวาดกลัวที่หลงอยู่ในเขตอสูรตามลำพังนั้นนางไม่อยากให้เซี่ยจินเย่ต้องรับรู้ไปด้วยหรอก

“ขอรับ”ฟงเป่าได้ยินก็เตรียมตัวจะออกตามหาเซี่ยจินเย่ต่อทันที แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรอยู่ๆหมอกที่ปกคลุมป่าก็จางลงทำให้ภาพรอบๆกลับมาชัดเจนอีกครั้ง แถมสัมผัสพลังต่างๆก็กลับมาใช้ได้เป็นปกติด้วย

“เซี่ยจินเย่”ฟงเป่าที่กำลังจะออกไปตามหาเซี่ยจินเย่นั้นมองเห็นร่างของนางที่กำลังเดินเข้ามาหาตนเองเข้าพอดี พอหมอกจากลงก็พบว่าเซี่ยจินเย่อยู่ห่างจากพวกตนเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น

“เซี่ยจินเย่ เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือเปล่า”หนี่หลิงหนานถามพลางเดินเข้าไปหาเซี่ยจินเย่ทันที ดูจากภายนอกแล้วนางไม่มีบาดแผลอะไร บางทีนางอาจจะแค่ตามฟงเป่ามาช้าเท่านั้นเอง

“ข้าไม่เป็นไร”เซี่ยจินเย่ตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยนเช่นเดิม นางดูไม่ตกอกตกใจอะไรต่อให้หลงในหมอกก็ตาม

“พวกเรารีบไปกันเถอะ ยังไงเราก็ได้เห็นมาแล้ว”ฟงเป่าว่าพลางพาทั้งสองสาวออกไปจากเขตอสูรในทันที พวกฟงเป่าไม่ทราบว่าหลินเฟยสังหารอสูรกวางต้นเหตุของหมอกประหลาดไปแล้วเลยไม่กล้าอยู่ต่อ การถอยถือเป็นทางเลือกเดียวของพวกฟงเป่าในตอนนี้