ตอนที่ 620 กลุ่มอันดับหนึ่ง

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 620

กลุ่มอันดับหนึ่ง

“ท่าทางจะสบายดีนะ”หลังจากหลินเฟยเก็บแก่นอสูรของกวางสีขาวที่ปล่อยหมอกออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินเฟยก็ออกมาพบกับเหล่าศิษย์ที่มารอกันอยู่ที่หน้าทางเข้าด้วยท่าทีสบายๆ แม้จะมีหมอกหนาที่กั้นสัมผัสพลังได้แต่หลินเฟยก็มีดวงตาสีม่วงใช้ตรวจสอบพลังได้แม้จะมีหมอกก็ตามทำให้หลินเฟยสบายใจขึ้นมากเมื่อเห็นว่าศิษย์ของตนออกมากันหมดแล้ว

“เจอเรื่องไม่คาดฝันหลายเรื่องเลยขอรับ เขตอสูรนี่นากลัวจริงๆ”ฟงเป่าตอบพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อาจารย์กลับมาเช่นนี้ทำให้พวกตนสบายใจขึ้นมาก

“คราวนี้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ หมอกที่อสูรในป่านี้ปล่อยออกมาข้าเองก็พึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกก็เลยไม่ได้สอนวิธีรับมือ”หลินเฟยส่ายหน้าช้าๆพลางตบบ่าฟงเป่าด้วยท่าทีเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร เพราะหากไม่มีหมอกประหลาดพวกนี้ฟงเป่าคงสามารถนำกลุ่มไปเก็บเห็ดได้อย่างปลอดภัยไม่มีปัญหาแน่ๆ

“แล้วอาจารย์ได้ของที่ต้องการหรือเปล่าเจ้าคะ”หนี่หลิงหนานถามพลางมองไปที่ตัวของหลินเฟย แต่เพราะหลินเฟยใช้มิติส่วนตัวได้เลยไม่ทราบว่าหลินเฟยได้ของที่ต้องการติดตัวมาหรือไม่

“ข้าได้แก่นอสูรมา 3 ชิ้น”หลินเฟยตอบด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะนำแก่นอสูรออกมาให้หนี่หลิงหนานดู หนึ่งคือแก่นอสูรของกวางขาวต้นเหตุของหมอกประหลาด ส่วนอีกสองนั้นเป็นแก่นอสูรของอสูรระดับรองลงมาที่หลินเฟยพบระหว่างเดินทางกลับ

“3 หรือเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าอาจารย์อยากได้ 12 ชิ้นหรอกหรือ”หนี่หลิงหนานเอียงคอสงสัยพลางถามออกไปเพราะดูเหมือนแก่นอสูรพวกนี้จำเป็นในการเปลี่ยนพวกตนให้เป็นครึ่งอสูร นั่นหมายความว่านอกจากหนี่หลิงหนานและเซี่ยจินเย่แล้วยังต้องหาเผื่ออีก 10 ชิ้นให้กับศิษย์ที่อยู่ในสำนักด้วย

“ข้าอยากจะได้แก่นอสูรของอสูรที่แข็งแกร่งสักหน่อย แต่ถ้าข้าฆ่าอสูรระดับสูงมากไปเขตอสูรจะเกิดความโกลาหลได้”หลินเฟยตอบพลางเก็บแก่นอสูรเข้าไปในมิติของตนอีกครั้ง สภาพแวดล้อมในเขตอสูรนั้นไม่ต่างอะไรกับเมืองเมืองหนึ่งเลยทีเดียว พอผู้มีอำนาจตายก็ย่อมมีคนอยากเข้าไปแทนที่ หากหลินเฟยสังหารอสูรระดับสูงหลายตัวการปกครองของเขตอสูรนั้นๆจะต้องมีปัญหาแน่ๆ และผลที่ได้ก็คืออสูรภายในเขตอสูรนั้นๆจะดุร้ายยิ่งขึ้น ทำให้การเข้ามาเก็บสมุนไพรหรือหินแร่ล้ำค่ายากยิ่งขึ้นในครั้งต่อๆไป

“แล้วจะทำยังไงล่ะเจ้าคะ หรือว่า..”หนี่หลิงหนานถามออกไปได้ครึ่งคำถามอยู่ๆนางก็ได้คำตอบในใจเสียอย่างนั้น แถมคำตอบนี้ก็ไม่ทำให้นางดีใจเลยสักนิด

“ง่ายๆ เราก็ไปเขตอสูรต่อไปนะสิ”แน่นอนว่าหลินเฟยสามารถเข้าออกเขตอสูรได้สบายตราบใดที่ราชาของเขตนั้นๆยังไม่ถึงระดับบรรพกาลขั้น 3 หรือ 4 และหลินเฟยที่สามารถตรวจจับพลังของอสูรได้จากระยะไกลย่อมไม่มีทางเข้าไปในเขตอสูรแบบนั้นโดยไม่เตรียมการแน่ๆ

“อาจารย์…พวกเราคงไม่ต้อง…….”ฟงเป่าได้ยินว่าหลินเฟยจะไปเขตอสูรอื่นก็หน้าซีดเผือดก่อนจะถามไปหลินเฟยเพื่อความแน่ใจว่าพวกตนต้องไปด้วยหรือเปล่า

“แน่นอน พวกเจ้าก็ต้องไปกับข้าด้วย”หลินเฟยตอบด้วยท่าทียิ้มแย้มก่อนจะบอกให้ทุกคนออกเดินทางไปยังเขตอสูรต่อไปทันที

.

.

“ไม่ไหวแล้ว” หนี่หลิงหนานโอดครวญออกมาหลังจากโดนหลินเฟยลากเข้าเขตอสูรมา 3 อาทิตย์ติด แม้หลังจากเขตอสูรแรกหนี่หลิงหนานจะได้กินแก่นอสูรของกวางขาวทำให้การลอบเข้าไปในเขตอสูรง่ายขึ้นมากและเมื่อผ่านเขตอสูรที่สองเซี่ยจินเย่ก็ได้รับแก่นอสูรเช่นเดียวกัน ทำให้เขตอสูรหลังจากนั้นทั้งสามคนโดนสั่งให้แยกย้ายตามหาวัตถุดิบเสียอย่างนั้น ทำเอาหลายวันที่ผ่านมาพวกหนี่หลิงหนานได้รับประสบการณ์แปลกใหม่มาเต็มเปี่ยมเลย

“ยังไงวันนี้เราก็ได้พักนะขอรับ”ฟงเป่าว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมาขณะนั่งลงบนโต๊ะอาหารในเมืองแห่งหนึ่ง

“นั่นเพราะอาจารย์จะไปซื้อของต่างหาก พรุ่งนี้อาจารย์ต้องลากพวกเราไปเขตอสูรอีกแน่”หนี่หลิงหนานตอบพลางฟุบตัวลงกับโต๊ะอาหารโดยไม่สนใจอีกแล้วว่าใครจะมอง

“แต่พวกเราก็ผ่านมาได้นี่นา”เซี่ยจินเย่ยิ้มหวานพลางรินน้ำชาให้หนี่หลิงหนานด้วยท่าทีเห็นใจ ไม่ทราบเพราะดวงของหนี่หลิงหนานไม่ค่อยดีหรืออย่างไรไม่ทราบ นางถึงเป็นคนโดนอสูรเข้าเล่นงานตลอด ยิ่งตอนที่แยกกันกับคนอื่นๆขนาดหนี่หลิงหนานใช้หมอกปิดซ่อนตัวเอาไว้ได้แล้วยังมีอสูรที่ใช้สัมผัสทางกลิ่นตามล่าอีก บอกตามตรงว่าหลายวันมานี้กระบี่ของหนี่หลิงหนานแทบจะพังไปอีกเล่มเพราะต้องสู้กับอสูรแทบจะตลอดเวลาเลยก็ว่าได้

“อาจารย์โหดร้ายกับพวกเราไปแล้ว 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเราต้องเข้าเขตอสูรตั้ง 7 ที่เลยนะ มีกลุ่มสำรวจไหนทำได้แบบนี้กัน พวกเราควรจะได้กลายเป็นกลุ่มสำรวจอันดับหนึ่งเสียด้วยซ้ำ”หนี่หลิงหนานโวยวายออกมาด้วยท่าทีอัดอั้น แต่ถึงอย่างนั้นคำกล่าวอ้างของหนี่หลิงหนานก็ไม่เกินจริงเลย เพราะเขตอสูรที่พวกฟงเป่าเข้าไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเขตอสูรที่น้อยคนนักจะกล้าเข้าไป แถวพวกฟงเป่ายังเข้าไปติดๆกันหลายที่แถมยังหาสมุนไพรหายากออกมาได้ตามที่หลินเฟยสั่งอีกต่างหาก เรียกได้ว่าผลงานของทั้งสามแม้แต่กลุ่มนักสำรวจชื่อดังยังต้องอายเลย

“ได้ยินไหม นางบอกว่ากลุ่มสำรวจอันดับหนึ่งว่ะ”ระหว่างกำลังบ่นด้วยท่าทีเหนื่อยยาก อยู่ๆที่ด้านหลังหนี่หลิงหนานก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ เมืองที่พวกหนี่หลิงหนานมาพักนั้นล้อมรอบไปด้วยเขตอสูรหลายแห่ง ทำให้เป็นสถานที่ที่หน่วยสำรวจหลายๆกลุ่มมาหาเงินกัน ไม่แปลกเลยที่จะเจอกลุ่มผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่รับงานเป็นนักสำรวจภายในร้านอาหาร

“น่าขำ กลุ่มที่มีผู้หญิงตั้งสองคนเนี่ยนะ”ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ แต่น่าแปลกหนี่หลิงหนานกับเซี่ยจินเย่ไม่มีท่าทีโกรธอะไรเลย อาจจะเพราะพวกตนโดนคิดเห็นแบบนั้นมานานแล้วก็ได้

“ดูเจ้าหมอนั่นสิ ท่าทางไม่สมชายเอาเสียเลย ข้าว่ากลุ่มนั้นต้องเป็นกลุ่มหญิงล้วนแน่ๆ”อยู่ๆชายหัวล้านคนหนึ่งก็พูดขึ้นด้วยท่าทีขบขัน ฟงเป่าแม้ไม่ได้มีหน้าตาหวานปานหญิงสาวอย่างหลินเฟย แต่ท่าทางภายนอกยามไม่ได้ต่อสู้ก็เหมือนคนขี้อาย ไม่ผึ่งผายเหมือนชายชาตรีเลย

“เจ้าว่าอะไรนะ”พอได้ยินคนไปนินทาฟงเป่าเข้าหนี่หลิงหนานที่ฟุบอยู่กับโต๊ะก็ยืดตัวตรงพลางจ้องมองไปทางคนกลุ่มนั้นในทันที

“พี่หลิงหนาน”ฟงเป่าเห็นท่าทางไม่ดี ฟงเป่าเลยห้ามหนี่หลิงหนานเอาไว้ก่อน แม้พวกตนตอนนี้จะมีพลังอสูรแต่คนกลุ่มนั้นมีพลังเหนือกว่าพวกตนหลายเท่าเกรงว่ามีเรื่องกันแล้วจะบานปลายใหญ่โตเป็นแน่

“………”หนี่หลิงหนานจ้องไปทางคนกลุ่มนั้นที่ยังหัวเราะไม่เลิกด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่ระดับพลังของตนก็ห่างกับอีกฝ่ายเกินไปจริงๆ ทำให้นางได้แต่อดกลั้นเอาไว้ทำอะไรไม่ได้

“สำหรับข้าแล้ว เจ้าเป็นชายที่ดีเลยนะ”หนี่หลิงหนานพูดพลางทำสีหน้าไม่พอใจออกมา พวกมันกล่าวหาว่าฟงเป่าไม่สมชายทั้งๆที่ไม่เคยเห็นตอนฟงเป่าสู้แท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่สำนักหมู่ดาวเข้ามาหาเรื่อง หรือตอนที่อสูรเข้ามาเล่นงานตนหนี่หลิงหนานก็ได้ฟงเป่าเข้ามาช่วยหลายต่อหลายครั้ง ในวินาทีเป็นตายฟงเป่าไม่แสดงท่าทีขี้กลัวของตนออกมาเลย แถมยังตรงเข้ามาช่วยเหลือแบบไม่คิดชีวิตอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นนางจึงโกรธมากที่อีกฝ่ายพูดถึงฟงเป่าแบบนั้น

“เป็นอะไรกันทำไมทำหน้าบึ้งแบบนั้นล่ะ”อารมณ์ของหนี่หลิงหนานยังไม่ทันสงบ หลินเฟยที่เข้าไปซื้อของในตลาดก็กลับเข้ามาที่ร้านอาหารพอดี

“อาจารย์ ท่านได้ของที่ต้องการแล้วหรือเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่ถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย พอออกมาจากเขตอสูรสุดท้ายหลินเฟยก็บอกจะไปซื้อของแล้วลากพวกตนมาที่เมืองนี้เลย ไม่ได้บอกสักคำว่าจะไปซื้ออะไร

“แน่นอน ข้าได้ของที่ต้องการแล้ว จริงสิฟงเป่า เอาสมุนไพรที่เจ้ารวบรวมมาได้มาให้ข้าหน่อย”หลินเฟยว่าพลางยิ้มบางๆออกมา ความจริงแล้วหลินเฟยเองก็ได้ยินคำนินทาของกลุ่มคนที่อยู่ในร้านเช่นกัน แต่หลินเฟยไม่คิดจะไปหาเรื่องคนพวกนั้นหรอกเพราะมีทางอื่นที่ทำให้พวกมันเจ็บใจกว่าตั้งมากมาย

“ขอรับ…..”ฟงเป่าทำหน้าซื่อก่อนจะยื่นแหวนมิติให้หลินเฟยเสียอย่างนั้นทำเอาหลินเฟยส่ายหน้าช้าๆ เมื่อครู่หลินเฟยอุตส่าห์พูดเสียงดังว่าให้ฟงเป่าส่งของให้ตนแล้ว ดันส่งมาเป็นแหวนก็ไร้ความหมายนะสิ

“ฟงเป่า แหวนวงนี้เจ้าเก็บเอาไว้ใช้เถอะ เอาแค่ของข้างในมาก็พอ”หลินเฟยว่าพลางกันแหวนกลับไปให้ฟงเป่า และเมื่อได้ฟังเช่นนั้นฟงเป่าก็ทำตามอย่างว่าง่ายทันที

“…………..”

“………….”

“……………” อย่างที่บอก ในเมืองแห่งนี้มีกลุ่มสำรวจมากมายมาเข้าพัก ทำให้คนในร้านส่วนใหญ่เป็นคนในวงการทั้งนั้น เมื่อเห็นฟงเป่าเอาสมุนไพรออกมา ในร้านอาหารที่แต่เดิมคึกคักก็พลันเงียบกริบทันที นั่นเพราะสมุนไพรแต่ละชนิดที่ฟงเป่านำออกมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นของหายากที่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปเอามาจากเขตอสูรที่ไม่มีใครอยากเข้าทั้งนั้น ของที่ฟงเป่าเอาออกมากองบนโต๊ะนั้นไม่มีกลุ่มไหนในร้านกล้าเข้าไปเอามาแม้แต่อย่างเดียว

“ดีมาก สมแล้วที่ข้าไว้ใจพวกเจ้า คงไม่มีใครเข้าไปเอาสมุนไพรในเขตอสูรมาให้ข้าได้เหมือนพวกเจ้าแล้วล่ะ”หลินเฟยว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ แม้จะเหมือนพูดกับฟงเป่าแต่สิ่งที่หลินเฟยพูดออกมานั้นก็เหมือนตบหน้าคนในร้านที่ดูถูกกลุ่มของฟงเป่าเรียงตัวไม่มีผิด

“อาจารย์ สมุนไพรพวกนี้อาจารย์จะเอาไปสร้างยาหลอมรวมอสูรหรือเจ้าคะ”หนี่หลิงหนานถามด้วยน้ำเสียงกระซิบ

“ก็ส่วนหนึ่ง”หลินเฟยเก็บสมุนไพรเข้าไปในมิติส่วนตัวก่อนจะนั่งลงร่วมโต๊ะอาหารอีกคน

“ส่วนหนึ่งหรือขอรับ แล้วอีกส่วนล่ะขอรับ”ฟงเป่าถามด้วยท่าทีสงสัย หลินเฟยไม่ได้บอกอะไรพวกตนเลย พวกตนก็เลยไม่ทราบว่าหลินเฟยจะเอาสมุนไพรพวกนี้ไปทำอะไรกันแน่

“สมุนไพรดีๆแบบนี้ก็ต้องสร้างยาสำหรับช่วยให้พวกเจ้าฝึกฝนพลังได้เร็วขึ้นนะสิ”หลินเฟยยิ้มด้วยท่าทีมั่นใจ ก่อนหน้านี้หลินเฟยสอนวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณร่วมกับพลังอสูรให้พวกฟงเป่าไปแล้ว ที่เหลือก็คือใช้ยาช่วยนิดหน่อย และด้วยสมุนไพรที่พวกฟงเป่าเหนื่อยเข้าไปหามาตลอดหลายวันนี้จะต้องสร้างยาที่ดีที่สุดในอาณาจักรซานได้อย่างแน่นอน รับรองว่าความเหนื่อยยากตลอดหลายวันที่ผ่านมาของทั้งสามจะไม่เสีนเปล่าอย่างแน่นอน