ตอนที่ 58 - 1 ล้วนเป็นหายนะที่น้ำแกงไก่นำมาให้

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 1]

จิ่งเหิงปัวเริ่มช่วงชีวิตราชินีที่ทั้งเจ็บปวดทั้งสุขสันต์ของนาง 

 

 

พิธีเฉลิมฉลองรับขบวนเสด็จครั้งหนึ่งนี้วุ่นวายหลายระลอก การจัดการกับปัญหาที่ตามมาภายหลังเรื่องราวกลับเป็นเรื่องยุ่งยาก โชคดีที่ตอนนี้นางไม่ต้องคอยเป็นห่วงเรื่องยุ่งยาก มหาอำนาจทางการเมืองในราชสำนักอยู่ในมือของกงอิ้นหมดแล้ว 

 

 

ฉากสุดท้ายในพิธีเฉลิมฉลองวันนั้น หลังจากกระเป๋ากระแทกแตกกระจาย มีคนที่อยู่แถวหน้าเพียงกลุ่มหนึ่งนั้นมองเห็นสิ่งของส่วนตัวคู่นั้นที่กลิ้งออกมาจากในกระเป๋า ทว่ายามนั้นของจิปาถะมากมายเหลือเกิน จากนั้นสิ่งของหายไป จากนั้นก็คือการลอบสังหารและระเบิด ทุกคนหาทางเอาชีวิตรอดกันวุ่นวาย ภาพแห่งความทรงจำของคนเรามักจะเลือกจดจำเรื่องราวที่ลึกซึ้งที่สุด ความทรงจำของผู้คนจำนวนมากจึงหลงเหลือเพียงระเบิดครู่หนึ่งนั้น หลงลืมความตื่นตะลึงและฉงนสนเท่ห์ก่อนหน้านี้ ซ้ำยังมีผู้ที่เกิดความสงสัยต่อความทรงจำของตนเองด้วยเพราะระเบิดที่ก่อเกิดความวุ่นวายฉับพลัน รู้สึกว่าตนเองอาจจะตาฝาดหรืออย่างไรมิอาจทราบได้ แน่นอนว่าย่อมมีผู้หวังซักถามข้อสงสัย ทว่าข้อสงสัยเช่นนี้ไร้หนทางเสนอขึ้นมาในที่ประชุมขุนนาง เอ่ยกันว่ามีผู้ลองถามหยั่งเชิงแล้ว ยามนั้นราชครูกงผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ถ้วยชาในมือหยุดชะงัก หันหน้ามองอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง เอ่ยว่า “สิ่งที่เรียกว่าครุ่นคิดยามทิวาละเมอฝันยามราตรี เอ่ยกลับไปกลับมาแล้วย่อมคล้ายกัน ใต้เท้าเถี่ยคงจักอาลัยอาวรณ์สถานเริงรมย์ยิ่งยวด เห็นสิ่งใดล้วนคล้ายสิ่งของเหล่านั้นที่เจ้าพบเห็นเป็นประจำที่หอคณิกา กระบอกสลับลายที่มือสังหารผู้หนึ่งเขวี้ยงขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนยังทำให้เจ้านึกถึงสิ่งเหล่านั้นได้ ใต้เท้าเถี่ยเริงร่าดุจพยัคฆ์ดั่งมังกรเสียจริง เลื่อมใส เลื่อมใส” 

 

 

เหล่าขุนนางตกตะลึงอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงเลยว่าวาจาเช่นนี้จะออกมาจากปากของกงอิ้นผู้สูงส่งถือตน ทว่ามีเพียงวาจาชั่วร้ายเช่นนี้ถึงมีประสิทธิผลเป็นที่สุด ใต้เท้าเถี่ยผู้ไถ่ถามนั้นหลั่งเหงื่อเย็นเยียบทั่วร่าง สีหน้าเขียวคล้ำจนม่วง ปรารถนาจะมุดลงไปใต้พื้นดิน 

 

 

ส่วนกงอิ้น หากจะลงมือคงไม่เพียงเอ่ยเท่านั้นเป็นแน่ สามวันต่อมาใต้เท้าเถี่ยนั้นถูกถอดถอนจากตำแหน่งนำตัวไปไต่สวนด้วยเพราะฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเข้าออกหอนางโลมในเวลากระทำการราชการ นับแต่นั้นเป็นต้นมาไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง “เรื่องราวที่มิอาจเอ่ยถึง” เกี่ยวกับพิธีเฉลิมฉลองนั้นอีกแล้วโดยแท้…ยังเอ่ยอะไรได้อีกเล่า สิ้นชีพไร้หลักฐาน ภัยพิบัติไร้สิ้นสุด หุบปากเถิดเจ้า 

 

 

หลังจากนั้นกงอิ้นประกาศสืบหามือสังหารในพิธีเฉลิมฉลองวันนั้นอย่างยิ่งใหญ่ในตี้เกออีกครั้ง จงใจเอ่ยในประกาศว่ามือสังหารมีเจตนาร้ายแอบแฝง ขว้างปาของประหลาดดึงดูดความสนใจของผู้อื่น จ้องหาโอกาสลอบปลงพระชนม์ราชินี เหล่าราษฎรเองจำได้ไม่ชัดเจนแล้วว่ายามนั้นของสิ่งนั้นออกมาได้อย่างไร เห็นประกาศแล้วต่าง “โอ้” เสียงหนึ่ง ใจคิดว่าเป็นฝีมือของมือสังหารหรือ นั่นสินะ ราชินีศักดิ์สิทธิ์ปานนั้น งดงามบริสุทธิ์ปานนั้น จักซุกซ่อนสิ่งของเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า ใช่แล้วๆ เป็นเช่นนี้แน่แท้! 

 

 

จิ่งเหิงปัวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปอย่างปลอดภัย ระหว่างที่ขอบคุณอำนาจแข็งแกร่งของกงอิ้นยังแอบขอบคุณว่าโชคดีที่มีมือสังหารมา ทั้งโชคดีที่เหยียลี่ว์ฉีซ่อนระเบิดไว้ เรื่องราวผสมปนเปกันต่อเนื่อง ดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนไปซ้ำยังทำให้ความสนใจนั้นกระจายหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ มิฉะนั้นตอนนั้นบนเวทีมีแค่นางคนเดียวกำลังถูกมวลชนเพ่งเล็ง มีปากรอบกายก็กล่าวไม่ชัดเจน 

 

 

หลังพิธีเฉลิมฉลองรับขบวนเสด็จวันนั้นจบลง นางถูกต้อนรับเข้าสู่ตำหนักอวี้จ้าว นางได้รับการปรนนิบัติอย่างมีชีวิตชีวาดีเลิศยิ่งกว่าราชินีหลายพระองค์ที่ผ่านมาด้วยเพราะความสามารถที่แสดงออกในพิธีเฉลิมฉลองรับขบวนเสด็จ องครักษ์ชาววังที่มีฐานะยากจนข้นแค้นเหล่านั้นส่วนใหญ่ซาบซึ้งเลื่อมใสต่อราชินีที่ห่วงใยปากท้องของประชาชน ปรารถนาจะช่วยเหลือราษฎรต้าฮวงองค์นี้อยู่ในจิตใจ จึงเคารพนบนอบต่อนางอย่างยิ่ง แต่ก็มีสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจก็คือนางไม่ได้อาศัยอยู่ข้างห้องของกงอิ้นสมดังปรารถนาแบบนั้น ที่จริงแล้วตอนนางสอบถามองครักษ์ แค่องครักษ์บอกทางให้นางก็เอ่ยไปทั้งสิ้นสิบห้านาที อธิบายกฎเกณฑ์การเข้าพบของราชินีและราชครูใช้เวลาไปอีกแปดนาที พอเอ่ยจบนางก็สิ้นหวังแล้ว 

 

 

ตามกฎเกณฑ์ หลังจากนางขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ นอกจากตอนเสด็จออกว่าราชการในทุกวัน ช่วงเวลาอื่นที่ไม่มีเรื่องราวไม่อาจเรียกหาราชครูตามใจชอบ ทุกปีมีเพียงเทศกาลปีใหม่และช่วงเวลาเหตุการณ์สำคัญที่จะได้พบกับราชครูโดยเฉพาะ นางจะพบราชครูต้องมีพระราชโองการ ราชครูจะพบนางต้องส่งกำหนดการ ต้องให้กองพิธีการลงบันทึก ให้กองวังตระเตรียม ตอนพบกันจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามทุกประเภทจำนวนหนึ่ง… 

 

 

ส่วนนางอาศัยอยู่ที่ตำหนักอวี้จ้าวตะวันตก กงอิ้นอาศัยอยู่ที่ตำหนักอวี้จ้าวใต้ ระยะห่างระหว่างสองตำหนักเหรอ…เดินเท้าไปคงต้องใช้เวลาเกือบครึ่งวัน หากไม่คุ้นเคยเส้นทางอีก กลับมาได้ทันกินข้าวมื้อเย็นหรือเปล่ายังเป็นอีกปัญหาหนึ่ง 

 

 

จิ่งเหิงปัวกอดผ้าห่มเกลือกกลิ้งนับไม่ถ้วนครั้ง…กฎเกณฑ์! กฎเกณฑ์! กฎเกณฑ์บ้าบอนี่! 

 

 

แต่ว่าตอนนี้นางยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ วันเวลาที่ราชินีขึ้นครองราชย์ยังต้องคัดเลือก กงอิ้นออกคำสั่งให้สำนักดาราศาสตร์เลือกวันที่ฤกษ์งามยามดีวันหนึ่งแล้ว ว่ากันว่าวันมงคลในช่วงนี้ล้วนอยู่ในอีกหกเดือนให้หลัง ก่อนถึงเวลานั้น นางจะได้เสพสุขอำนาจแห่งราชินีไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ของราชินี ไม่มีอำนาจก้าวก่ายการเมืองในราชสำนักแต่ว่าสามารถเข้าออกตำหนักอวี้จ้าวได้อย่างอิสระ 

 

 

จิ่งเหิงปัวแอบนึกว่าการจัดการแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ในเมื่อนางยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ แน่นอนว่าไม่ต้องสนใจกฎเกณฑ์น่ารำคาญ เช่น พระราชโองการส่งกำหนดการอะไรนั่น ฉะนั้นนางแสดงออกว่าจะเข้าไปอาศัยอยู่ในลานบ้านแห่งหนึ่งซึ่งใกล้กับสถานที่ทำงานของกงอิ้นที่สุดในตำหนักอวี้จ้าวอย่างตรงไปตรงมา กล่าวอย่างไพเราะเพราะพริ้งว่าจะเฝ้ายามประตูใหญ่ให้มหาเทพ 

 

 

กงอิ้นไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้…หมู่นี้เขาไม่สนใจจิ่งเหิงปัวอีกแล้ว 

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้สาเหตุว่ามาจากอะไร เป็นเพราะว่าไม่พอใจตุ๊กตาคู่นั้นอีกทั้งไม่ยอมแสดงออกด้วยหยิ่งทระนง กล่าวอ้อมไปอ้อมมาหลายประโยคผลสุดท้ายถูกนางขัดคอจนเงียบกริบพูดไม่ออก ตามนิสัยของเขา ไม่ได้โกรธจนโยนนางออกไปจากต้าฮวงก็ไม่เลวแล้ว 

 

 

ฉะนั้นนางต้องหาโอกาสอธิบายให้ได้ อธิบายว่านางคือผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา! จะอธิบายจะต้องใกล้ชิดก่อนใช่ไหมล่ะ ไปอยู่ข้างห้องเขาเป็นเรื่องจำเป็นนี่นา 

 

 

หลังจากได้รับการอนุญาตโดยปริยาย วันนี้ ยามเฝ้าประตูมาดูลานบ้านแล้ว 

 

 

จิ่งเหิงปัวตื่นนอนแต่เช้าตรู่อย่างหาได้ยาก พายงเสวี่ยไปข้างนอก นางจะเลือกลานบ้านสักแห่ง ลานบ้านแห่งนี้ต้องรับแสงได้ดี ชัยภูมิงดงาม รูปแบบปลอดโปร่ง เครื่องเรือนครบครัน แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือมุมสำหรับมองกงอิ้นต้องดีที่สุด 

 

 

ตอนนางออกไปข้างนอก ห้องติดกันสองห้องฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของพระราชอุทยานปิดประตูหน้าต่างสนิทแน่น 

 

 

จิ่งเหิงปัวมองอยู่แวบหนึ่ง ถอนใจเสียงหนึ่งในใจ 

 

 

นั่นคือห้องของชุ่ยเจี่ยกับจิ้งอวิ๋น 

 

 

ชุ่ยเจี่ยทำกระเป๋าคว่ำในพิธีเฉลิมฉลองรับขบวนเสด็จ เกือบจะนำปัญหายิ่งใหญ่มาให้นาง หลังเกิดเรื่องชุ่ยเจี่ยตามขอโทษนางหลายครั้ง กล่าวด้วยท่าทางเหนื่อยหอบหน้าแดงว่านางไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงยืนไม่อยู่ เหมือนข้างหลังมีคนชนนาง 

 

 

ตอนนั้นฝูงชนมีอารมณ์ตื่นเต้น ข้างหลังนางมีคนเยอะแยะมากมาย เรื่องชนหรือไม่ได้ชนคงกล่าวได้ไม่ชัดเจนแน่ 

 

 

จิ่งเหิงปัวถามถึงจิ้งอวิ๋นว่าตอนนั้นอยู่ที่ไหน จิ้งอวิ๋นกล่าวว่าตอนนั้นนางตากแดดจนรู้สึกร่างกายไม่ค่อยสบายจึงไปพักผ่อนตรงสถานที่เงียบสงบ นางไม่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ 

 

 

จิ่งเหิงปัวนึกถึงเสียงสตรีคนนั้นที่ชี้ไปยังของอะไรสิ่งนั้นแล้วกรีดร้องขึ้นมาคนแรกสุดบนจัตุรัสในวันนั้นขึ้นมาอีก หากไม่มีเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งนั้น ตอนนั้นสิ่งของร่วงหล่นลงมามากมายขนาดนั้น บางทีอาจจะยังไม่มีใครทันได้สังเกตของสิ่งนั้น 

 

 

จิ่งเหิงปัวครุ่นคิดเสียงสตรีนั้นในสมองอยู่นานมากยังไม่อาจยืนยันว่าเป็นเสียงใครกันแน่ ไม่ค่อยเหมือนเสียงของจิ้งอวิ๋นหรือชุ่ยเจี่ย และไม่ใช่เสียงของเฟยหลัวและซังต้งที่เป็นศัตรูของนาง 

 

 

อาจจะต้องรอให้ศัตรูคนนี้โผล่หัวออกมาอีกครั้งในภายหลัง 

 

 

นางไม่ได้กล่าวโทษชุ่ยเจี่ย หลังจากเหตุการณ์แก้แค้น ทั้งสองคนต่างคล้ายมีปมในใจ จิ่งเหิงปัวไม่โทษนางแต่ก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ว่าชุ่ยเจี่ยเหมือนว่าจะตำหนิตัวเองอย่างมากสำหรับเรื่องนั้น ขังตนเองไว้ในห้อง แม้แต่ข้าวมื้อเย็นก็ไม่ได้กิน เป็นจิ่งเหิงปัวที่สั่งให้คนส่งไปให้ 

 

 

จิ้งอวิ๋นยังคงป่วยกระเสาะกระแสะอยู่แบบนั้น ในพิธีเฉลิมฉลองรับขบวนเสด็จกล่าวว่าตากแดดจึงล้มป่วยอีกครั้ง นางยังตำหนิตัวเองรอบหนึ่งกับจิ่งเหิงปัวเช่นกัน กล่าวว่าตอนนั้นเดิมทีจิ่งเหิงปัวฝากฝังให้นางดูแลกระเป๋า ผลคือนางอ่อนแอเกินไปจึงมอบให้ชุ่ยเจี่ย หากตอนนั้นนางรับเอาไว้ได้ นางละเอียดรอบคอบมากกว่าหน่อย บางทีคงจะไม่เกิดเรื่องในภายหลัง… 

 

 

จิ่งเหิงปัวเพียงโบกมือ กล่าวเสียงหนึ่งว่า “ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรขึ้นมา ช่างเถิด” หันกายจากไป ทิ้งจิ้งอวิ๋นนอนอยู่ตรงนั้น 

 

 

สำหรับเพื่อนร่วมทุกข์สองคนนี้ นางไม่ได้มุ่งหวังให้พวกนางช่วยเหลือมากเท่าไร ตอนนี้ไม่ว่าสองคนนี้เป็นคนก่อเรื่องในพิธีเฉลิมฉลองหรือไม่ อย่างน้อยที่สุดยังพิสูจน์ได้ว่าสองคนนี้ไม่นับว่าเป็นผู้เหมาะสมจริงๆ โชคดีที่แต่ไหนแต่ไรมานางไม่ได้ฝากความคาดหวังและไม่ได้วางแผนจะมอบหมายเรื่องราวของตนเองให้จึงกล่าวไม่ได้ว่าผิดหวัง เพียงแต่แอบตัดสินใจในใจว่าภายหลังจะให้พวกนางพักผ่อนอยู่ในวังให้เต็มที่ หากเจอคนที่เหมาะสมก็รีบเร่งให้แต่งงานออกไป นับว่าเป็นเพื่อนกันครั้งหนึ่ง ช่วยเหลือพวกนางหาที่พึ่งพิงที่ดีสักแห่งก็พอแล้ว 

 

 

คนที่ไม่มีสติปัญญาและแผนการเพียงพอไม่อาจอยู่รอดในสถานการณ์ทางการเมืองและพระราชวัง นางไม่อยากทำร้ายพวกนางและไม่อยากทำร้ายตนเองด้วยเพราะพวกนาง 

 

 

ทั้งสองคนใช้ไม่ได้แล้ว จิ่งเหิงปัวได้แต่พายงเสวี่ยไปด้วย