ตอนที่ 736 ผลลัพธ์อันน่าทึ่ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ร่างชุดม่วงกับร่างชุดขาวพัวพันกันอีกครั้ง พวกเขาพบว่าระดับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นนี้ของมู่เฉียนซีทำให้กำลังในการต่อสู้ของนางเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่หนึ่งระดับ

ร่างชุดม่วงนั้นกระโดดขึ้นกลางอากาศอย่างงดงามราวกับผีเสื้อก็มิปาน

จากนั้น เสียงตะโกนอันเย็นชาก็ดังขึ้น “ทักษะเทียนซวน!”

ไป๋ชางเองก็รู้ดีว่าทักษะวิญญาณกระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีนั้นน่ากลัวเพียงใด และเพียงพอที่จะทำให้มู่เฉียนซีต่อสู้ข้ามระดับถึงระดับเจ็ดได้

ตูม!

ไป๋ชางรีบหลบอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงทำให้ใบหน้าของเขามอมแมมไปด้วยฝุ่นได้

ค่อก ค่อก ค่อก!

ทว่า เขายังไม่ทันตั้งตัว มู่เฉียนซีก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”

มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งทะลุผ่านกลุ่มฝุ่นเหล่านั้นเข้าหาไป๋ชาง

เขาที่ถูกมังกรเพลิงสีแดงฉานนั้นห่อหุ้ม ตอนนี้คิดจะหนีก็ไม่อาจหนีได้แล้ว เขาเริ่มหายสาบสูญไปในเปลวเพลิง และได้อันตรธานไป…

แน่นอนว่าไม่ได้ถูกฆ่า แต่ค่ายกลส่งตัวที่ติดตัวเขานั้นก็ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์

ไป๋ชางได้ออกไปจากการแข่งขันแล้ว มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “ข้าควบคุมพลังระดับสองไม่ค่อยได้หน่ะ เปลวไฟของข้าทำให้สหายไป๋ชางตกรอบ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”

ทว่า ท่าทางของเจ้าดูเหมือนขอโทษเหรอ ไม่เหมือนเลยสักนิด

เหยียนหลัวกล่าว “บัดซบยิ่งนัก! เจ้าหมอนั่นช่างไร้ประโยชน์เสียจริง”

เหลยหมิงกล่าว “นักเรียนของสำนักศึกษาหมอเทวดาส่วนมากล้วนแต่เป็นนักปรุงยา พวกเขาเชี่ยวชาญด้านการปรุงยา แต่กำลังในการต่อสู้กลับอ่อนแอยิ่งนัก ถึงแม้ว่าพลังจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หญิงสาวผู้นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง แต่ประสบการณ์ในการต่อสู้นั้นไม่รู้ว่ามีมากกว่าพวกเรากี่เท่า และนั่นเป็นกำลังในการต่อสู้อันน่ากลัวที่ได้ฝึกฝนมาจากการต่อสู้ที่ผ่านความเป็นความตายมา”

“หากพลังของนางแค่ระดับหนึ่ง ต่อสู้กับนาง พวกเราต้องชนะแน่นอน แต่ตอนนี้นางเลื่อนขั้นพลังวิญญาณเป็นระดับสอง เกรงว่าจะเป็นภัยคุกคามให้พวกเราไม่น้อยเลย”

แต่เหยียนหลัวไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น “เหลยหมิง ข้าว่าเจ้าประเมินค่านางสูงเกินไปแล้วกระมัง ก็แค่เลื่อนขึ้นไประดับเดียว จะไปโหดร้ายเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”

“ไม่โหดร้ายอย่างนั้นเหรอ นางเอาชนะไป๋ชางผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่านางถึงห้าระดับเชียวนะ”

เหยียนหลัวกล่าว “นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าหมอนั่นไร้ประโยชน์ต่างหากล่ะ”

มู่เฉียนซีมองไปที่เหลยหมิง และกล่าวว่า “สองต่อสาม พวกเราชนะแล้ว”

เหลยหมิงกล่าว “พวกข้าพูดคำไหนคำนั้น สองต่อสาม พวกข้าแพ้แล้ว”

“ไปเถอะ!”เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเขาต้องรีบไปหาของล้ำค่า มิเช่นนั้นคะแนนในการแข่งขันรอบที่สองของสำนักศึกษาเหลยโจวคงต้องน่าสังเวชเป็นแน่

เหลยหมิงกับเหยียนหลัวและพวกเป็นคนที่รักษาสัจจะ แต่เมื่อไป๋ชางจากไปอีกทางด้านหนึ่งกลับวุ่นวายขึ้น

พวกเขายังคงเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก จินซ่านซ่านยิ้มตาหรี่พลางกล่าว “หากพวกเจ้าคิดอยากจะลองดีกับค่ายกลกระบี่ของข้า ก็เข้ามาสิ ครั้งนี้ข้าจะไม่ปรานีแน่นอน ข้าจะจับพวกเจ้าถอดเสื้อผ้าเปลือยกายจนกว่าจะจบการแข่งขันเลยคอยดู”

เมื่อนึกถึงค่ายกลกระบี่อันแปลกประหลาดนั้นของจินซ่านซ่าน อีกทั้งกำลังในการต่อสู้อันโหดเหี้ยมนั้นของมู่เฉียนซีแล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ถอยหนี

พวกวิปริตกลุ่มนี้ พวกเขาไม่อาจยั่วยุได้

อันที่จริงแล้วกระบี่มารไม่สามารถรวมตัวกันเป็นค่ายกลกระบี่ได้แล้ว จินซ่านซ่านก็แค่เขียนเสือให้วัวกลัว และพอดีคนกลุ่มนี้ก็กลัวซะด้วยสิ

มู่เฉียนซีกล่าว “หลายวันนี้ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว วันสุดท้ายนี้พวกเราพักผ่อนกันสักหน่อยเถอะ”

ทุกคนเตรียมอาหารแห้งมามากมาย ดังนั้นการแข่งขันในวันสุดท้ายนี้ ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังตามหาของล้ำค่ากันอย่างสุดชีวิต กลุ่มของมู่เฉียนซีกลับตั้งค่ายปิ้งปลาย่างเนื้อกินกัน

โชคดีที่คนอื่น ๆ มัวแต่ตามล่าหาของล้ำค่าอยู่ มิเช่นนั้นแล้วคงอยากจะกลับมาทุบตีกับพวกเขาอีกครั้งเป็นแน่

หลังจากที่แสงประกายสีม่วงได้พาพวกเขากลับไป การแข่งขันรอบสองก็นับว่าสิ้นสุดลง

ต่อมาพวกเขาต่างก็ถูกส่งตัวไปยังห้องส่วนตัวเพื่อนับจำนวนของล้ำค่าที่ได้มา

มู่เฉียนซีมองไปรอบ ๆ พลางขมวดคิ้วขึ้น อาจารย์ที่เดินเข้ามาตรวจสอบกล่าวว่า “สาวน้อย เป็นอะไรไป ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ห้องนี้เล็กเกินไปที่จะเอาของของข้าออกมาได้”

“เป็นไปไม่ได้ สาวน้อยเจ้าอย่าได้พูดล้อเล่น”

“ในเมื่อท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าจะเอาของออกมาส่วนหนึ่งก่อน!” มู่เฉียนซีเอาของล้ำค่าออกมาส่วนหนึ่ง และในของส่วนหนึ่งที่นางเอาออกมานี้ก็เต็มห้องจริง ๆ

“อะ เอ่อ!”

“ข้าจะไปรายงานอาจารย์ใหญ่” อาจารย์ท่านนี้ตกตะลึงพรึงเพริดเข้าแล้ว

“อาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่…”

อาจารย์ใหญ่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกคาดไม่ถึง “หรือว่าสนามรบโบราณยังมีสุสานเทพมังกรอันใดอยู่ สาวน้อยผู้นี้คงจะกวาดของล้ำค่าในสุสานมาหมดแล้วเป็นแน่”

“ข้าจะไปพบนาง”

มู่เฉียนซีเห็นชายชรารูปร่างกำยำผู้หนึ่งมา แน่นอนว่านางรู้จัก นางเอ่ยปากทักทาย “ท่านอาจารย์ใหญ่เหลย!”

“เป็นเจ้า! สาวน้อยผู้ที่คว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันรอบแรก”

“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าท่านอาจารย์ใหญ่จำข้าได้ด้วย” มู่เฉียนซีกล่าวเบา ๆ

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้ของล้ำค่ามากมาย แต่หากเต็มห้องนี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว อันดับหนึ่งเป็นของเจ้าแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายนักเรียนคนอื่นมากเกินไป และ…”

ยิ่งมีเยอะ คนที่อยากได้ก็ยิ่งเยอะ แม้ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะไม่ได้เปิดเผยต่อภายนอก แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเรื่องนี้จะไม่แพร่งพรายออกไป

แน่นอนว่ามู่เฉียนซีนั้นเข้าใจดี นางพยักหน้าพลางกล่าว “ในเมื่อเพียงพอที่จะคว้าอันดับหนึ่งแล้ว ก็เอาตามที่ท่านอาจารย์ใหญ่ว่าก็แล้วกัน ถึงอย่างไรหากจะเอาออกมาก็เก็บกลับไปลำบากอยู่ดี”

เมื่อผลคะแนนการแข่งขันในรอบสองออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

แม้แต่ยี่สิบอันดับแรกส่วนมากก็ไม่ใช่คนของสำนักศึกษาจินซิน แต่เป็นคนของสำนักศึกษาซวนเสีย

สำนักศึกษาจินซินยังนับว่ามีชื่อเสียงมาก นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเราร่ำรวยเงินทอง แต่สำนักศึกษาซวนเสียนั้นไม่มีอะไรเลย

เหลยหมิงผู้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเหลยโจวนั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้อันดับที่สิบแปด

อีกทั้งยังมีคนของเหยียนโจว…

พวกเขาต่างก็ฉงนสงสัยว่าอาจารย์ใหญ่เหลยนับผิดพลาดไปหรือไม่ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!

ตอนนี้อาจารย์ใหญ่ซวนแห่งสำนักศึกษาซวนเสียก็ได้เอามือปาดน้ำตาแล้ว “ขะ ข้า……ข้าไม่ได้เป็นแก่แล้วตาฝาดไปใช่ไหม!”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “หากเจ้าเป็นข้าก็คงจะเป็นด้วย”

“พระเจ้า! กลุ่มของพวกเขาได้คะแนนดีเช่นนี้เลยเหรอ”

หากมู่เฉียนซีเข้ารอบสิบคนสุดท้ายคนเดียว และได้อันดับหนึ่ง พวกเขาก็คงจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ

ถึงอย่างไรเสีย ความวิปริตของมู่เฉียนซีนั้น พวกเขาก็ได้เห็นมาเยอะแล้ว

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่นางผู้เดียว แต่เป็นทั้งกลุ่มเชียวนะ!

สำนักศึกษาซวนเสียกับสำนักศึกษาจินซินได้ลบล้างคำสบประมาทได้อีกครั้ง และสิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกดีอกดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า

ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!

เผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงจริง ๆ ไม่นานนักก็จะเข้าสู่การแข่งขันในรอบที่สามแล้ว

ร้อยอันดับแรกของการแข่งขันรอบสอง จะเริ่มประลองกันแบบตัวต่อตัวแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “ยาวิญญาณพร้อมแล้ว อาวุธวิญญาณ พวกเจ้าก็มีแล้ว การประลองต่อจากนี้ไม่ว่าจะพ่ายแพ้หรือว่าจะไปต่อ ก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกเจ้าเองแล้ว”

น้ำเสียงของมู่เฉียนซีนั้นนิ่งมาก

ทว่า สีหน้าของพวกเขาทุกคนต่างก็เคร่งขรึมขึ้น คนของสำนักศึกษาซวนเสียกำหมัดแน่นมองไปที่มู่เฉียนซี พวกเขาจะทำให้มู่เฉียนซีอับอายขายหน้าไม่ได้

ส่วนคนของสำนักศึกษาจินซิน ตอนนี้สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่จินซ่านซ่านอย่างร้อนแรง พี่ใหญ่เก่งกาจเช่นนั้น ต่อให้อันดับหนึ่งเป็นของพี่ใหญ่มู่ แต่อันดับสองจะต้องเป็นของพี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นแน่!

พี่ใหญ่เก่งกาจเช่นนั้น พวกเขาจะทำให้พี่ใหญ่อับอายขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด

ในขณะที่พวกเขากำลังรู้สึกฮึดสู้ การแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในรอบที่สามก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ