ตอนที่ 737 อัจฉริยะผู้แปลกประหลาด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นักเรียนหนึ่งร้อยคน ห้าสิบกลุ่ม เป็นการประลองที่ตรงไปตรงมามาก

คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนของสำนักศึกษาหมอเทวดา

“ข้า ข้าจะแก้แค้นให้พี่ใหญ่ไป๋ชาง ข้า…”

มู่เฉียนซีกล่าว “แม้แต่พี่ใหญ่ของเจ้า ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า และแน่นอนว่าเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเช่นกัน!”

ปัง!

ภายในสิบกระบวนท่า เขาก็ถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนร่วงลงไปจากลานประลอง

“บัดซบ! คอยดูเถอะ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่เป็นสุขแน่” ไป๋ชางได้เห็นฉากนี้เข้าก็ทำหน้าตาดุร้ายขึ้น

อาจารย์ใหญ่ไป๋แห่งสำนักศึกษาหมอเทวดากล่าวว่า “สาวน้อยผู้นี้ต่อให้หลบยังไงก็หลบไม่พ้น ชางเอ๋อร์ แค้นของเจ้าจะต้องได้ชำระแน่ ล่วงเกินหุบเขาหมอเทวดา แถมยังกล้าปรากฏตัวที่นี่อีก นางต้องตายแน่”

ไป๋ชางตกใจนิ่งอึ้งไป “อะไรนะ นางยังกล้าล่วงเกินหุบเขาหมอเทวดาด้วยอย่างนั้นเหรอ”

ไป๋ชางรู้ดีว่ามู่เฉียนซีนั้นกำเริบสืบสานมาก แต่กำเริบสืบสานแม้กระทั่งกล้าล่วงเกินหุบเขาหมอเทวดา นางรนหาที่ตายชัด ๆ

“เรื่องนี้จะให้หุบเขาหมอเทวดาของพวกเราลงมือไม่ได้ แต่นางได้ถูกกำหนดให้ต้องตายในการแข่งขันรอบที่สามนี้แล้ว ชางเอ๋อร์ เจ้าคอยดูให้ดีก็แล้วกัน”

“ขอรับ!” ไป๋ชางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรอคอย

คู่ต่อสู้ของซวนอี้นั้นอ่อนแอกว่าเขาไปหน่อย ดังนั้นเขาจึงเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า

ส่วนคนอื่น ๆ บ้างก็ชนะ บ้างก็พ่ายแพ้

สำหรับจินซ่านซ่านนั้น ทันทีที่เขาขึ้นลานประลอง คู่ต่อสู้กลับยอมแพ้แล้ว

ถึงอย่างไรก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าจินซ่านซ่านนั้นเอาชนะเหยียนหลัวได้ อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่ได้อีกด้วย ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความโชคดีของจินซ่านซ่านนั้นก็ทำให้ผู้คนต่างพากันอิจฉาริษยาที่สุดแล้ว

นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น วันต่อมาผู้เข้ารอบห้าสิบคน การประลองของยี่สิบห้าคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้ของจินซ่านซ่านก็ยอมแพ้ให้เขาอีกครั้ง

อันที่จริงมารผู้นั้นไม่สามารถใช้ค่ายกลกระบี่ช่วยจินซ่านซ่านได้แล้ว แต่จินซ่านซ่านกึกก้องตลอดการลงประลอง

ยี่สิบห้าอันดับแรกเข้ารอบการประลองสิบสามคู่ และจินซ่านซ่านก็เข้ารอบอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

จากนั้นการประลองก็เข้าสู่ขั้นที่ร้อนแรงขึ้นแล้ว

ต่อมารอบสิบสี่คน เจ็ดคู่

ในการประลองรอบนี้ เหยียนหลัวก็ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก

นี่ทำให้เขาไม่ทันได้แก้แค้นกับจินซ่านซ่านก็ร่วงจากลานประลองตกรอบไปแล้ว

ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล “เหยียนหลัวแพ้แล้ว เป็นไปได้ยังไงกัน”

“ตามหลักแล้วเหยียนหลัวน่าจะได้เข้ารอบสามคนแรกด้วยซ้ำ เหตุใดถึงได้พ่ายแพ้ไปได้”

“เจ้าเด็กนั่นเป็นใครกันแน่ ?”

ทุกคนมองไปที่ลานประลอง ชายผู้นั้นที่อยู่บนลานประลอง สวมชุดดำ ความสูงประมาณเจ็ดฉื่อเท่านั้น

ส่วนรูปร่างหน้าตานั้นดูแปลกตาหาได้ยากยิ่ง

“เป็นนักเรียนสำนักศึกษากุ่ยหยู้ของดินแดนเหยียนโจว นาว่าว่านอู๋เทียน”

“คะแนนสองรอบก่อนหน้าก็ธรรมดา นึกไม่ถึงว่าจะโดดเด่นในรอบที่สาม เอาชนะอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนเหยียนโจวอย่างเหยียนหลัวได้”

“การมีอยู่ของสำนักศึกษากุ่ยหยู้นั้นไม่ได้รับการยอมรับจากสำนักศึกษาใหญ่ ๆ ในดินแดนเหยียนโจวเลย นึกไม่ถึงว่าจะปรากฏอัจฉริยะที่สามารถเอาชนะอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างเหยียนหลัวได้ ครั้งนี้สำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งดินแดนเหยียนโจวถูกทำให้อับอายขายหน้าเข้าแล้ว”

การแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้ เหยียนหลัวช่างซวยจริง ๆ!

พลังความแข็งแกร่งของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าศิษย์พี่ที่เข้าร่วมการแข่งขันร้อยสำนักในครั้งก่อนมาก เหล่าบรรดาศิษย์พี่ของเขาสามารถคว้าคะแนนสามอันดับแรกมาได้สบาย แต่นึกไม่ถึงว่าตัวเขานั้น…

ในรอบที่สอง เขาได้พบกับจินซ่านซ่านไปคนหนึ่งแล้ว มารอบที่สามก็ได้พบกับว่านอู๋เทียนอีก แม้แต่สิบอันดับแรกก็ทำให้เขาคว้ามาไม่ได้ ช่างอับอายขายหน้าไปถึงสำนักศึกษาจริง ๆ

ส่วนจินซ่านซ่านตอนนี้ก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากผู้หนึ่ง หลังจากที่การประลองเริ่มขึ้น เขาก็มองคู่ต่อสู้ด้วยความเคร่งขรึม

คู่ต่อสู้ก็มองเขาอย่างระแวดระวัง กลัวว่าเขาจะเคลื่อนไหวด้วยกระบวนท่าที่อันตรายขึ้น

สู้มาถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ไม่สบายที่จะยอมแพ้ไปง่าย ๆ เช่นกัน ดังนั้นจะต้องสู้

ด้วยเหตุนี้จินซ่านซ่านก็กล่าวออกมาด้วยเสียงขรึมว่า “ข้ายอมแพ้!”

จากนั้นเขาก็เดินลงมาจากลานประลองอย่างไร้ซึ่งท่าทีอาลัยอาวรณ์ใด ๆ หากลงมือไปความลับก็ต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่ ดังนั้นยอมรับความพ่ายแพ้อย่างตรงไปตรงมาเสียดีกว่า

เช่นนี้ยังคงเหลือความประทับใจในใจผู้คนว่าตนเองเป็นคนแข็งแกร่งอยู่บ้าง จินซ่านซ่านคิดเช่นนี้

คนผู้นั้นรู้สึกว่าตนเองถูกดูหมิ่น เขาตะโกนขึ้นว่า “จินซ่านซ่าน ขึ้นมาสู้กับข้าสักตั้งเดี๋ยวนี้ ทำไม! ข้าไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าอย่างนั้นเหรอ”

คู่ต่อสู้ชะงักขึ้น แต่คนผู้นั้นที่ยืนอยู่บนลานประลองแทบจะบ้าคลั่งแล้ว จินซ่านซ่านกล่าวว่า “ผู้ที่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า อย่างน้อยก็คือเหยียนหลัว ตอนนี้เหยียนหลัวไร้คุณสมบัติที่จะขึ้นลานประลองแล้ว ส่วนเจ้าก็เปล่งประกายไปในทางของเจ้าเถอะ ข้าไม่อยากจะเปลืองกำลังต่อสู้ ที่ข้ามาเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักครั้งนี้ ก็เพื่อมาชื่นชมบรรยากาศเท่านั้น ไม่คิดอยากจะเปลืองกำลังเลยสักนิด”

ครั้นแล้วจินซ่านซ่านก็หันหลังเดินจากไปด้วยความเสแสร้งยกใหญ่ และเดินไปชมการต่อสู้ของพี่ใหญ่มู่ของเขา

การต่อสู้ของมู่เฉียนซีนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ถึงแม้ว่าตอนหลังจะยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นางก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเอาชัยชนะมาให้ได้

เจ็ดอันดับแรก ในที่สุดก็ดุเดือดขึ้นแล้ว

อาจารย์ใหญ่ซวนแทบจะร้องไห้แล้ว พระเจ้าช่วย! เจ็ดอันดับแรกนั้นเป็นนักเรียนของสำนักศึกษาซวนเสียถึงสองคน นี่มันช่างระทึกใจผู้คนเกินไปแล้ว

ดูเหมือนว่าจินซ่านซ่านนั้นจะมอบความโชคดีของตนเองให้กับมู่เฉียนซีแล้ว ครั้งนี้มู่เฉียนซีนั้นได้เข้ารอบต่อไป

ส่วนโชคของซวนอี้นั้นช่างไม่ดีเอาซะเลย เพราะเขาได้พบกับเหลยหมิง

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เคยพ่ายแพ้ แต่เหลยหมิงก็ไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด ทั้งสองเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนตนเอง ครั้นแล้วพวกเขาทั้งสองก็ได้ต่อสู้กันอีกครั้ง

ความพ่ายแพ้ในครั้งก่อน ทำให้ซวนอี้มีประสบการณ์กับเหลยหมิงมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต่อสู้กันอย่างดุเดือด สามสิบกระบวนท่าซวนอี้ถึงจะพ่ายแพ้ให้แก่เขา

หลังจากการพ่ายแพ้ของซวนอี้ อาจารย์ใหญ่ซวนที่ได้เลี้ยงดูศิษย์อย่างทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มาโดยตลอด ก็มีใจที่จะกระตือรือร้นในการดูแลศิษย์ของเขาเป็นอย่างมาก กลัวว่าเขาจะถูกโจมตีอีก

ตกรอบไปอีกสี่คน และตอนนี้บนลานประลองก็เหลือแค่สี่คนสุดท้ายแล้ว

มู่เฉียนซีกับเหยียนเลี่ยจากดินแดนเหยียนโจว

ว่านอู๋เทียนกับเหลยหมิง

เหยียนเลี่ยเป็นอัจฉริยะอันดับสองแห่งดินแดนเหยียนโจว ความแข็งแกร่งเป็นรองจากเหยียนหลัว

เหยียนหลัวโชคไม่ดีที่ได้เจอกับคู่ต่อสู้อย่างว่านอู๋เทียน แต่เขากลับโชคดีมากที่ไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินไปจนเขารอดมาได้ถึงตอนนี้

เหยียนเลี่ยเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมา เขากล่าว “ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเจ้านั้นช่างแข็งแกร่งมาก ก่อนหน้านี้เห็นเจ้าต่อสู้กับเจ้าสวะไร้ประโยชน์ผู้นั้นแล้ว ข้าก็อยากจะต่อสู้กับเจ้าสักครั้ง”

มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวให้ดีล่ะ!”

กล่าวจบ ทั้งสองก็เริ่มต่อสู้ขึ้น!

ตูม!

ประสบการณ์การต่อสู้ของเหยียนเลี่ยนั้นแข็งแกร่งมาก ทว่า ประสบการณ์ในการลอบโจมตีของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า

ในขณะที่ต่อสู้กันไปมากกว่าร้อยกระบวนท่า ในที่สุดเหยียนเลี่ยก็โดนพิษเข้าแล้ว

ปัง!

ผู้ตัดสินประกาศ “มู่เฉียนซีชนะ!”

มู่เฉียนซีอยู่ที่จุดพักผ่อน และเฝ้าดูการประลองอื่นอีกลานประลองหนึ่ง

ว่านอู๋เทียนพบกับเหลยหมิง ตอนนี้ทั้งสองได้ปะทะกันไปมาอย่างดุเดือด ทุกคนดูการต่อสู้นี้จนตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ใครแพ้ใครชนะจนตอนนี้ก็ไม่อาจสรุปได้ ต่อให้เป็นอาจารย์ใหญ่เหลยก็ไม่แน่ใจเช่นกัน

ว่านอู๋เทียนนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจริง ๆ!

“ว่านอู๋เทียนที่เอาชนะเหยียนหลัวได้ บางทีเขาก็อาจจะเอาชนะเหลยหมิงได้เหมือนกัน”

“เช่นนั้นว่านอู๋เทียนก็ต้องกลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้แล้วน่ะสิ”

“……”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้นและมองไปที่ว่านอู๋เทียนอย่างพิจารณา คนผู้นี้ดูธรรมดามาก แต่พลังกลับแข็งแกร่งยิ่งนัก สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจในตัวเขามาก

สัญชาตญาณของนางบอกกับนางว่าคนผู้นี้ต้องมีปัญหาแน่!

ตูม! หลังจากที่เกิดระเบิดขึ้นบนลานประลอง ร่างของเหลยหมิงก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศ

พรวด!

เหลยหมิงไม่เพียงแต่พ่ายแพ้ แต่เขายังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย เส้นปราณพลังของเขาขาดสะบั้น

“เจ้า…” ศิษย์อันเป็นที่รักของตนเองถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ อาจารย์ใหญ่เหลยดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว จ้องมองไปที่ว่านอู๋เทียนที่มีสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกใดผู้นั้น

ว่านอู๋เทียนกล่าวว่า “ขอโทษด้วยที่มือหนักเกินไป แต่บนลานประลอง การบาดเจ็บนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ท่านอาจารย์ใหญ่เหลยคงจะไม่ตัดสิทธิ์การแข่งขันของข้าน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรอกกระมัง!”