ตอนที่ 738 เป้าหมายคือนาง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เจตนา เจ้าเด็กนี่เจตนาอย่างแน่นอน!

อาจารย์ใหญ่เหลยกำหมัดเอาไว้แน่น และแทบจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปอัดเจ้าเด็กนี่สักชุดหนึ่ง

แต่เขาก็ไม่สามารถ!

มุมปากของว่านอู๋เทียนยกขึ้นเล็กน้อย เขานั้นไม่ได้ลงมือหนักอะไรมากมายกับเหยียนหลัว นั่นก็เพราะถ้าหากว่าเหยียนหลัวได้รับบาดเจ็บ เกรงว่าจะทำให้อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหยียนโจวเกิดความบ้าคลั่งขึ้นได้

แต่ทว่าสถานการณ์สำหรับเหลยหมิงนั้นไม่เหมือนกัน สำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวเป็นผู้จัดการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักนี้ขึ้นมา ถ้าหากว่าจะจัดการว่านอู๋เทียนจะต้องก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นเป็นแน่

อาจารย์ใหญ่เหลยจะไม่เอาชื่อเสียงของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวไปล้อเล่น เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงขรึม “พรุ่งนี้ ตัดสินอันดับที่หนึ่งและอันดับที่สอง!”

เมื่อกล่าวจบเขาก็ได้พาตัวเหลยหมิงไปรักษาบาดแผล โดยได้เชิญนักปรุงยาที่ดีที่สุดในทวีปเหลยโจวมา

มุมปากของว่านอู๋เทียนยกขึ้นเล็กน้อย เขาเป็นผู้ลงมือเขาย่อมรู้อย่างชัดเจนดี

ต่อให้เป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมากกว่านี้ก็ไม่สามารถที่จะรักษาเหลยหมิงได้ เหลยหมิงนั้นจะไม่ถึงแก่ความตาย แต่เขาจะกลายเป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น

อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวกลายเป็นผู้พิการผู้หนึ่ง มันช่างน่าอดสูนัก

สายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี

ต่อไปก็ถึงคราวของนางแล้ว!

มู่เฉียนซี!

มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ว่าสายตาของงูพิษตัวหนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ตัวนาง นางหันกลับไปมองก็ได้เห็นดวงตาที่ชั่วร้ายทั้งสองข้างของว่านอู๋เทียน

มันราวกับงูพิษที่จ้องนางประหนึ่งเหมือนเหยื่อของมันก็มิปาน

สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นหมองลง และได้เดินตามพวกอาจารย์ใหญ่ซวนไปยังที่พักผ่อนของตน

ทำไมว่านอู๋เทียนถึงต้องเพ่งเล็งที่นาง?

ถึงแม้ว่าจะมีการไปล่วงเกินผู้อื่นในการแข่งขันครั้งนี้ แต่นั่นก็เป็นการแข่งขันเพื่อสำนักศึกษา ซึ่งมันจะไม่ทำให้ถึงแก่ขั้นบาดเจ็บล้มตายอย่างแน่นอน

เช่นนั้นความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ…

อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “สาวน้อยเจ้ายอมแพ้เสีย! พรุ่งนี้จงยอมแพ้ พวกเราไม่ต้องการได้อันดับหนึ่งแล้ว เจ้าเด็กนั่นที่ชื่อว่าว่านอู๋เทียนช่างร้ายกาจนัก แม้แต่เหลยหมิงยังถูกทำให้บาดเจ็บถึงขนาดนั้นได้ เจ้า…”

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นสตรีนางหนึ่ง แต่เจ้านั่นคงไม่ยอมออมมือให้ผู้เป็นสตรีอย่างแน่นอน”

และยิ่งเป็นตัวนางเอง เกรงว่าเขาคงจะยิ่งโหดเหี้ยมและใจร้ายมากขึ้นกว่าเดิม มู่เฉียนซีแอบกล่าวกับตนเอง

มู่เฉียนซีคาดเดาในใจ แต่ว่านางนั้นไม่อยากที่จะถอยหลังกลับ

นางกล่าวตอบ “อาจารย์ใหญ่ซวนท่านวางใจได้! ข้าทำตามกำลังที่ตนเองสามารถ ถ้าหากว่ามีอันตรายข้าจะยอมแพ้ในทันที! กรรมการผู้ตัดสินเองก็คงไม่ยอมให้เขาลงมือต่อข้าหลังจากที่ข้าได้ยอมแพ้ไปแล้ว”

อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “สาวน้อย เจ้านั้นเป็นผู้ที่มีความคิดเป็นของตัวเองเป็นอย่างมากมาโดยตลอด ยากที่เจ้าจะเชื่อฟังสักครั้งหนึ่ง”

การประลองที่วนเวียนในหลายวันนี้ เมื่อมู่เฉียนซีต่อสู้เสร็จสิ้นก็ได้ฝึกบำเพ็ญต่อ และเร่งรีบเพื่อที่จะกลับคืนสู่ระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองให้เหมือนก่อนหน้านี้โดยไว

ผลลัพธ์ของการทำเช่นนั้นไม่เลวเลย แต่ทว่าวันนี้นางนั้นไม่คิดที่จะฝึกบำเพ็ญแล้ว

นางเป็นหมอปีศาจมู่เฉียนซี วันนี้ได้เห็นบาดแผลบนตัวของเหลยหมิงมาแล้วก็รู้ดีว่านักปรุงยาทั่วทั้งแดนใต้นั้นคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถรักษาเขาให้หายดีได้

ว่านอู๋เทียนปรากฏตัวขึ้นที่สนามประลองแห่งนี้ อีกทั้งยังฝ่าเข้าไปอยู่ในสองอันดับแรกได้อย่างแข็งแกร่งดุดัน และบางทีมันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับนางเป็นอย่างมาก

หากนางรักษาอาการบาดเจ็บของเหลยหมิงนั้น ยังจะสามารถทำให้สำนักศึกษาขั้นสำนักนิกายระดับสองที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเหลยโจวติดหนี้บุญคุณนาง เพราะในตอนนี้หอหมอปีศาจเองก็ได้เริ่มขยายกิจการเข้ามาแล้ว

แต่ทว่าหอหมอปีศาจของพวกเขานั้นไม่ได้มีโฆษณาอะไรที่ให้ผลดีมากนัก มู่เฉียนซีจึงรู้สึกว่าหากนำคนของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งของทวีปเหลยโจวมาเป็นผู้โฆษณานั้นก็จะดีเป็นอย่างมาก

เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีได้ไปถึงที่ที่เหลยหมิงกำลังพักผ่อนอยู่นั้น ก็ได้พบว่าตรงที่นั้นล้วนแต่อยู่ในสภาพที่หดหู่ใจ!

เหยียนหลัวเห็นเงาร่างสีม่วงปรากฏขึ้น เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเท่าไรนัก “เจ้ามาที่นี่เพื่อชื่นชมละครรึ? เหลยหมิงได้กลายเป็นคนพิการไปโดยสมบูรณ์แบบแล้ว ไอ้ว่านอู๋เทียนนั่น ข้าอยากจะสับมันเสียจริง!”

แม้ว่าเหยียนหลัวและเหลยหมิงจะเป็นอัจฉริยะของสองเขตทวีป และคอยแก่งแย่งแข็งขันกัน แต่ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวพวกเขาเองนั้นกลับดีต่อกัน

ต่อไปนี้ก็คงจะไม่มีใครมาแย่งชิงชื่อเสียงอัจฉริยะของเขา และก็คงไม่มีใครฝึกบำเพ็ญเป็นเพื่อนเขาแล้ว เหลียนหลัวเองก็รู้สึกแทบจะบ้า

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ามิได้ว่างขนาดที่จะมาดูละครโดยเฉพาะ หากแต่ข้ามาเพื่อช่วยเหลยหมิง”

“เหยียนหลัวกล่าว ช่วยเหลยหมิง เจ้าจะใจดีเช่นนั้นเลยรึ?”

“สาวน้อย เจ้ามาแล้ว!”

หลังจากได้ฟังคำตอบที่สิ้นหวังจากนักปรุงยา อาจารย์ใหญ่เหลยที่เดินออกมาจากขอบประตูก็ได้เห็นมู่เฉียนซีเข้าในทันใด

มู่เฉียนซีมองไปที่อาจารย์ใหญ่เหลยแล้วกล่าว “อาจารย์ใหญ่เหลย ขอเวลาพูดคุยกันสักครู่ได้หรือไม่?”

อาจารย์ใหญ่เหลยมองไปที่มู่เฉียนซี หลังจากการแข่งขันในแต่ละรอบ อาจารย์ใหญ่เหลยก็มิได้มองมู่เฉียนซีอย่างคาดหวังอะไรมากนัก

เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าหากว่าข้าไม่ได้เดาผิดละก็ แม้ว่านักปรุงยาที่อาจารย์ใหญ่เชิญตัวมาจะทำให้เหลยหมิงสามารถลงจากเตียงและเดินได้ อีกทั้งบาดแผลบาดเจ็บภายนอกหายเป็นปกติ แต่ว่าไม่สามารถที่จะให้เขากลับไปฝึกบำเพ็ญได้เพราะเส้นเอ็นนั้นได้แตกขาดไปแล้วใช่หรือไม่?”

“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร?” นี่เป็นสิ่งที่นักปรุงยาเพิ่งวิเคราะห์ออกมา และเขาเองก็ได้สั่งเอาไว้มิให้แพร่งพรายออกไปโดยเด็ดขาด

มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “ข้ามิเพียงแค่รู้แค่นี้เท่านั้น ข้ายังรู้อีกว่าจะมีใครสามารถรักษาเขาได้”

อาจารย์ใหญ่กุมมือมู่เฉียนซีเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นแล้วกล่าว “ใคร? เขาคือใคร?”

เดิมทีเหลยหมิงนั้นเป็นอัจฉริยะที่ยืนอยู่เหนือเมฆ แต่จู่ ๆ ก็ไม่สามารถที่จะฝึกบำเพ็ญได้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โจมตีจิตใจของเจ้าตัวและมิตรสหายอย่างหนักหน่วง

ถึงแม้ว่าจะเป็นความหวังอันเบาบาง อาจารย์ใหญ่ก็จะพยายามอย่างสุดชีวิต

มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ทราบว่าอาจารย์ใหญ่เหลยเคยได้ยินชื่อของหอหมอปีศาจหรือไม่?”

อาจารย์ใหญ่เหลยตอบ “ก็หอหมอปีศาจที่เพิ่งเปิดกิจการมาได้เพียงไม่กี่วันนั่น ได้ยินมาว่าพวกตาเฒ่าเหล่านั้นจากหุบเขาโอสถให้การสนับสนุนเป็นหนักหนา…”

เป็นกองกำลังใหม่ที่กำลังผงาดขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะมีความพิเศษอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นแม้แต่สำนักนิกายระดับหนึ่ง ที่อาจารย์ใหญ่เหลยให้ความสนใจนั่นก็เป็นเพราะหุบเขาโอสถ

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าของหอหมอปีศาจสามารถรักษาการบาดเจ็บของเหลยหมิงได้”

“สาวน้อย เจ้าไม่ได้ล้อเล่นกันกระมัง ?”

“อาจารย์ใหญ่ ท่านคิดว่าตอนนี้ข้ากำลังล้อเล่นหรือ ?”

“แต่ว่า หอหมอปีศาจนั้นอยู่ที่เมืองเหลยเฉิง ส่วนที่เมืองจิ่วเหลยนั้นไม่มีเลยสักแห่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่จะไปหาหมอปีศาจที่ลึกลับผู้นั้นเลย”

มู่เฉียนซีกล่าว “ขอแค่เพียงอาจารย์ใหญ่ตอบรับเงื่อนไขข้าสามข้อ หลังจากนั้นไม่นานเกินเสี้ยวชั่วยามหมอปีศาจมู่ซีก็จะมาถึงที่นี่และช่วยรักษาเหลยหมิง”

อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ต้องการเงื่อนไขจากตัวเขาสามข้อเพียงเพื่อนำตัวคนคนหนึ่งมาที่นี่ เจ้าเด็กสาวนี้ช่างเปิดปากใหญ่ยิ่งนัก

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ข้าจะไปตามหาตัวเขา นี่นับเป็นข้อแรก อย่างไรเสียในทวีปเสียโจวนอกจากข้าแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหมอปีศาจมู่ซีนั้นอยู่หนใด”

“ส่วนเงื่อนไขอีกสองข้อนั้น แน่นอนว่าใช้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ”

อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “อาการบาดเจ็บของเหลยหมิงมิอาจจะให้ยืดเยื้อได้ ตอนนี้ข้าทำได้เพียงสู้กับทุกสิ่งให้เต็มที่สักครั้ง! แต่เงื่อนไขของเจ้าต้องเป็นสิ่งที่ข้าทำได้และไม่เป็นอันตรายต่อสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวและแดนใต้”

มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอน! ”

“อาจารย์ใหญ่เหลยรอก่อน! หมอปีศาจจะมาโดยไว”

อาจารย์ใหญ่เหลยนั้นไม่ได้สงสัยเลยว่ามู่เฉียนซีก็คือหมอปีศาจ ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งคนลอบติดตามนางไป มู่เฉียนซีได้กลับไปยังห้องของตัวเองและปิดห้องพร้อมกล่าวกับเสี่ยวหงว่ามิให้ใครเข้ามารบกวน จากนั้นนางก็ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายและไปที่จวนของเหลยหมิง

อาจารย์ใหญ่เฝ้ารออยู่ที่ประตูทางเข้า จนกระทั่งเมื่อเขาได้พบเข้ากับเด็กหนุ่มที่สง่างามกว่ามาร เขาก็ตะลึงงันไป

งดงามเสียจนไม่เหมือนมนุษย์ ดวงตาสีเขียวนั้นสุกใสเป็นที่สุด ช่างบริสุทธิ์เสียจนทำให้ไม่กล้าที่จะคิดดูหมิ่น

มู่เฉียนซีเปิดปากกล่าว “ข้าคือหมอปีศาจมู่ซี ข้ามาตามที่สัญญาเอาไว้!”

“เจ้า…เจ้า…” อาจารย์ใหญ่เหลยเบิกตากว้าง