หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับแล้วสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็พากันเดินออกจากห้องบรรพชนไป
“หลิงหยุน..เจ้าเก็บรักษาหลิวเทวะไว้ด้วยกัน พิธีกราบไหว้บรรพชนผู้ล่วงลับในครั้งหน้า ข้าจะมอบให้เจ้าไปเป็นผู้จัดการ!”
ในระหว่างที่พูดนั้น..หลิงลี่ก็ก้มลงไปยกหลิวเทวะอีกต้นขึ้นมายื่นให้หลิงหยุน
“ครับท่านปู่!”
หลิงหยุนตอบรับพร้อมกับเรียกหลิวเทวะอีกต้นเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ของตนเองทันที..
หลิงลี่เดินหันหลังออกจากห้องบูชาบรรพชนพร้อมกับยกมือขึ้นตบบ่าหลิงหยุนและพูดขึ้นว่า “คืนนี้ปู่ตั้งใจจัดงานเลี้ยงขึ้นใหญ่โตกว่าทุกครั้ง ก็เพื่อให้ข่าวคราวเรื่องของเจ้ากระจายเไปสู่หูของผู้คนในยุทธภพ!”
หลายปีที่ผ่านมานั้นตระกูลหลิงก็จัดงานเลี้ยงทุกครั้งหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้บรรพชน และทุกคนในครอบครัวก็จะได้ร่วมรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา..
นอกเหนือจากหลิงลี่กับหลิงเสี่ยวแล้ว..สมาชิกตระกูลหลิงคนอื่นๆ ต่างก็มีบ้านอยู่ในปักกิ่ง พวกเขาต่างก็อาศัยอยู่นอกคฤหาสน์ตระกูลหลิง และน้อยครั้งที่จะกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้
แต่ครั้งนี้..สมาชิกตระกูลหลิงต่างก็มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ ก็เพราะมีเหตุผลเดียวกันซึ่งก็คือ.. การกลับมาของหลิงหยุน!
และงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในคืนนี้นั้นก็ด้วยเหตุผลสามประการ..
หนึ่ง..เพื่อฉลองที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการ
สอง..หลิงเสี่ยวถูกช่วยกลับมาได้อย่างปลอดภัย และจากนี้ไปตระกูลหลิงไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างระมัดระวังอีกต่อไป ความสุขเช่นนี้จึงต้องเฉลิมฉลอง และเหตุผลข้อที่สาม..หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงครั้งนี้ เขาจะเป็นผู้นำพาตระกูลหลิงให้กลับมารุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง!
หลิงหยุนตามหลิงลี่เดินออกจากห้องบรรพชนไปถึงสวนด้านหน้าได้ไม่นานก็มีเสียงพูดดังขึ้นที่หน้าประตูทางเข้า..
“น้องสี่..ออกมาแล้วรึ ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้วล่ะ!”
ทันทีที่หลิงหยุนเดินออกมาจากห้องบรรพชนหลิงห่าวซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าประตู เมื่อเห็นหลิงหยุนก็รีบกระตือรือร้นวิ่งเข้าไปหา และร้องทักทายหลิงหยุนอย่างเป็นมิตร
หลิงหยุนได้แต่นึกหยันอยู่ในใจแต่สีหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา พร้อมกับพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“งั้นรึ!เจ้าไม่ต้องรีบร้อนนัก!”
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะมองภาพแห่งมิตรภาพที่อบอุ่นซึ่งหลิงห่าวเสแสร้งแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย.. หลิงห่าวถึงกับยิ้มเจื่อนแต่แล้วก็ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง และแสร้งทำเป็นเอื้อมมือออกไปจะเกาะบ่าหลิงหยุนเพื่อแสดงความสนิทสนม ในขณะที่ปากก็พูดขึ้นว่า
“น้องสี่..เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก! เรื่องของเจ้าข้าได้ยินจากน้องๆหมดแล้ว ข้าในฐานะพี่ใหญ่อดที่จะชื่นชมไม่ได้จริงๆ!”
หลิงหยุนเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือของหลิงห่าวที่เอื้อมมาทันทีพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ไม่แปลกนี่.. ข้าเป็นคนตระกูลหลิง ก็ต้องทำเพื่อตระกูลหลิงอยู่แล้ว!”
หลิงห่าวเห็นหลิงหยุนไม่แม้แต่จะมองหน้าตัวเองเช่นนี้ในใจจึงเริ่มหวาดระแวง และได้แต่แอบคิดว่า หรือหลิงหยุนจะรู้เรื่องทั้งหมดที่ตนเองทำแล้วจริงๆ’
เมื่อหลิงหยุนไม่สนใจหลิงห่าวเช่นนั้นเขาจึงได้แต่ยืนเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูก และรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก..
แต่หลิงห่าวก็ยังไม่ละความพยายามเขาหันไปยิ้มให้หลิงหยุนอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นว่า“น้องสี่.. ข้าได้ยินจากน้องๆว่าเจ้ากลับมาครั้งนี้ มีของขวัญมามอบให้ทุกคนมากมาย ที่สำคัญมีอาวุธชั้นเยี่ยมมาให้ทุกคนเลือกด้วย ไม่รู้ว่าเจ้ามีอาวุธอะไรมามอบให้กับข้า ข้าจะได้นำไปอวดคนในหน่วยเทพอินทรีย์!”
เมื่อหลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็เพียงแค่ยิ้ม และตอบกลับไปว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง.. ข้ามีของขวัญชิ้นใหญ่เตรียมไว้ให้กับเจ้าแล้ว รับรองว่าเจ้าต้องพอใจกับของขวัญของข้าอย่างแน่นอน!”
มีหรือที่คนอย่างหลิงหยุนจะดูไม่ออกว่าหลิงห่าวนั้นเสแสร้งแกล้งทำตัวสนิทสนมกับตนเองจนผิดปกติ หลิงห่าวนั้นคล้ายกับวัวสันหลังหวะ และกำลังทดสอบปฏิกิริยาของหลิงหยุนอยู่..
และแน่นอนว่าหลิงหยุนเองก็ได้เตรียมของขวัญไว้ให้กับหลิงห่าวเรียบร้อยแล้วและเป็นของขวัญชิ้นใหญ่เสียด้วย หากไม่ใช่เพราะห้องบรรพชนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะก็ หลิงหยุนคงจัดการเปิดโปงหลิงห่าวไปแล้ว..
“ฮ่า..ฮ่า.. เยี่ยมไปเลยน้องชาย! ถึงข้าจะเป็นพี่ใหญ่ แต่ข้าก็ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขอบใจเจ้าก่อน!” หลิงห่าวไม่ใช่คนโง่..ทันทีที่ได้ยินว่าหลิงหยุนได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้ตนเอง ในใจกลับไม่ได้นึกยินดีอย่างที่แสดงออกมา แต่กลับรู้สึกเย็นแผ่นหลังวาบ..
ระหว่างที่ครุ่นคิดจนแทบบ้านั้น..สายตาของหลิงห่าวก็กวาดไปทั่ว และในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของหลิงลี่ และร้องตะโกนบอกไปว่า
“ท่านปู่..ข้าสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-4 ได้แล้ว..”
“งั้นรึเช่นนี้แล้วเจ้ายังจะเห็นปู่อยู่ในสายตาหรือไม่?”
หลิงลี่ซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆนั้นมีหรือที่บทสนทนาระหว่างหลิงหยุนกับหลิงห่าวจะไม่อยู่ในความสนใจของเขา ในเมื่อทั้งคู่ล้วนเป็นสมาชิกคนสำคัญของตระกูลหลิง..
ความจริงแล้ว..หลิงลี่สังเกตเห็นตั้งแต่ที่หลิงห่าวตั้งใจรอหลิงหยุนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว หนำซ้ำยังแสดงท่าทีกระตือรือร้นที่จะทำความสนิทสนมกับหลิงหยุน แต่ตรงข้าม.. หลิงหยุนกลับมีท่าทีเฉยเมย ทำให้หลิงลี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย..
นั่นเพราะหลิงลี่เพิ่งจะพูดเรื่องของหลิงห่าวไปเมื่อวานและสิ่งที่เขากังวลใจที่สุดก็คือการที่ทั้งสองคนจะมีปัญหาไม่ลงรอยกัน แต่ถึงกระนั้นเมื่อครู่หลิงลี่ก็เพิ่งจะประกาศให้หลิงหยุนเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป แต่กลับไม่มีเหตุการณ์ใหญ่โตอย่างที่เขานึกกังวลใจ..
อย่างน้อยหลิงหยุนก็ยังปฏิบัติต่อหลิงห่าวดังเช่นปฏิบัติต่อพี่น้องคนอื่นๆและเพียงแค่นี้ก็เกินพอสำหรับหลิงลี่แล้ว หลิงลี่จึงคลายความเป็นห่วงลงได้บ้าง..
หลิงห่าวที่ถูกหลิงหยุนเมินใส่และไม่มองหน้าเช่นนั้น จึงรีบหันไปคุยกับหลิงลี่เพื่อเป็นการแก้เก้อ และรีบตอบหลิงลี่กลับไปทันที
“ท่านปู่..ข้าย่อมต้องเห็นท่านอยู่ในสายตาอยู่แล้ว!”
หลิงลี่จ้องมองหลิงห่าวพร้อมกับตอบไปว่า“เอาล่ะ.. รีบไปกันได้แล้ว อย่าให้คนอื่นต้องรอนาน!” ระหว่างที่เดินไปนั้น..หลิงลี่ก็ได้แต่นึกในใจว่า เหตุใดในการพบกันครั้งแรกของหลิงหยุนกับหลิงห่าว แม้แต่คำว่า ‘พี่’ ก็ไม่หลุดออกมาจากปากของหลิงหยุนเลย ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้..
หลิงลี่ได้แต่นึกหวั่นใจว่าหรือหลิงหยุนคิดที่จะฆ่าพี่น้องตนเองอย่างนั้นหรือ
“น้องสี่..เจ้าดูสิ! พอเจ้ากลับมาก็กลายเป็นที่รักของท่านปู่ แล้วก็คนทั้งบ้านเลยนะ!”
แต่หลิงหยุนกลับไม่สนใจและรีบเดินตามทุกคนเข้าไปในบ้านทันที..
……….
เมื่อทุกคนในตระกูลหลิงกลับมารวมตัวกันเช่นนี้จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะต้องเฉลิมฉลอง หลายปีที่ผ่านมาหลิงลี่ไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน คืนนี้เขาจึงดื่มหนักมากเป็นพิเศษ
งานเลี้ยงดำเนินไปร่วมสองชั่วโมงจนกระทั่งเข้าสู่เวลาสี่ทุ่มตรง..
ระหว่างที่หลิงหยุนดื่มกินและหยอกล้อกับพี่ๆน้องๆนั้น เขาก็ได้แอบส่งกระแสจิตไปด้วย เพราะตั้งใจว่าจะต้องจัดการกับหลิงห่าวภายในค่ำคืนนี้ให้ได้..
จนกระทั่งสิ้นสุดงานเลี้ยง..หลิงลี่จึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “นับจากคืนนั้นเมื่อสิบแปดปีก่อน.. ข้าไม่เคยรู้สึกมีความสุขดังเช่นคืนนี้มาก่อนเลย! ในที่สุดหลานชายของข้าก็ได้กลับเข้าตระกูลหลิงของเรา ความทุกข์ยากของพวกเราตระกูลหลิงได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว นับจากนี้ไปตระกูลหลิงจะมีแต่ความรุ่งเรือง..” novel-lucky
หลังจากที่หลิงลี่ประกาศทิ้งท้ายงานเลี้ยงแล้วและในขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังจะลุกขึ้นยืน หลิงหยุนก็รีบลุกขึ้น และพูดออกไปทันที
“ท่านปู่..ข้ามีเรื่องจะพูดกับทุกคน!”
หลิงหยุนยิ้มอย่างสงบเยือกเย็นและระหว่างที่พูดนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลิงห่าวที่กำลังจะรีบลุกหนีไป..
เมื่อหลิงห่าวเห็นสายตาของหลิงหยุนที่จับจ้องมาที่ตนเองเช่นนั้นเหงื่อเย็นก็ถึงกับไหลพรากเต็มร่างกาย และหลิงเจิ้นซึ่งกำลังจะลุกขึ้นยืนนั้นก็ถึงกับตกใจเช่นกัน!
หลิงลี่รีบหันไปพูดกับหลิงหยุน“หลิงหยุน.. เจ้ายังมีอะไรจะพูดงั้นรึ เอาล่ะ.. ในเมื่อทุกคนก็อยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา ปู่จะอยู่เป็นประธานให้กับเจ้าเอง..”
“ท่านปู่..ข้าต้องการขอให้ท่านมอบความเป็นธรรมให้กับข้าด้วย!”
สายตาของหลิงหยุนยังคงจับจ้องอยู่ที่หลิงห่าวและหลังจากที่หลิงหยุนพูดออกไป ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็หันไปมองเขาเป็นตาเดียว สีหน้าของทุกคนต่างตกอยู่ในความตกตะลึง..
“หลิงห่าว..เมื่อครั้งที่ข้าอยู่จิงฉู หลังจากที่เจ้าพบข้าแล้ว ก็ได้ส่งคนไปลอบสังหารข้าถึงห้าครั้ง เรื่องระหว่างเราควรต้องลงเอยเช่นใดงั้นรึ”
ระหว่างที่พูดออกไปนั้น..กลิ่นอายสังหารก็ได้โชยออกมาจากร่างของหลิงหยุน คล้ายจะบอกกับหลิงห่าวว่า.. โทษสถานเดียวของเขาก็คือความตาย! “อะไรนะ!”
“ห๊ะ!นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“นี่..นี่มัน..”
ทันทีคำพูดประโยคนั้นหลุดออกมาจากปากของหลิงหยุนทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และหายจากอาการมึนเมาในทันที!
หลิงเสี่ยวที่ได้ฟังก็ถึงกับตกใจอย่างที่สุดเช่นกัน!แต่หลังจากที่หายตกตะลึง หลิงเสี่ยวก็หันไปพูดกับลูกชายของตนเองอย่างไม่ลังเล
“หลิงหยุน..นี่เจ้าพูดไร้สาระอะไรกัน”
หลิงเสี่ยวถึงกับตำหนิหลิงหยุนออกมาทันที..แต่หลิงหยุนกลับไม่สนใจท่าทีตกอกตกใจของทุกคน และตอบหลิงเสี่ยวกลับไปว่า
“ท่านพ่อ..ข้าไม่ได้พูดเพ้อเจ้อไร้สาระอย่างที่ท่านกล่าวหา! ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมของปีนี้ไปจนกระทั่งถึงคืนเทศกาลเชงเม้งนั้น ตลอดช่วงระยะเวลานี้.. หลิงห่าวได้ส่งคนไปลอบฆ่าข้าที่จิงฉูถึงห้าครั้ง!” “หากท่านไม่เชื่อที่ข้าพูดท่านก็ลองถามหลิงห่าวดูเอง!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับหลิงห่าว“หลิงห่าว.. เวลานี้เจ้าอยู่ต่อหน้าทุกคนในตระกูลหลิงแล้ว เจ้าจะยอมรับหรือไม่ว่าเรื่องที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง”
“เจ้าพูด!”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นราวกับอสุนีบาตที่พุ่งเข้าใส่แก้วหูของหลิงห่าวเขารู้สึกราวกับถูกตบหน้าอยู่ท่ามกลางผู้คน..
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามร้องบอกหลิงห่าวและด้วยพลังอำนาจของมังกรคำราม มีหรือที่หลิงห่าวซึ่งรู้สึกผิดอยู่แล้วจะไม่หวาดกลัว
“เจ้าพูดมา..สารภาพออกมาต่อหน้าสมาชิกตระกูลหลิงทุกคน!”
หลิงห่าวกำลังอยู่ในอาการตกใจเพราะตั้งแต่ได้พบหน้าหลิงหยุนนั้น หลิงหยุนไม่ได้แสดงทีท่าที่จะพูดถึงเรื่องนี้เลย หลิงห่าวเองยังแอบนึกดีใจอยู่ว่าอาจเป็นไปได้ที่หลิงหยุนยังไม่รู้เรื่องนี้ และหากเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็จะสามารถผ่านพ้นวันนี้ไปได้อย่างราบรื่น..
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า..หลิงหยุนจะเลือกพูดเรื่องนี้ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง! และนั่นได้สร้างความลำบากใจให้กับหลิงห่าวเป็นอย่างมาก!
หลิงห่าวนั้นตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร..เขาก็จะไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด!
หลิงห่าวยกมือขึ้นปาดเหงื่อเย็นที่ไหลอยู่เต็มหน้าผากเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะอ้าปากพูดตะกุกตะกัก..
“น้อง..น้องสี่! นี่เป็นคืนแห่งความสุขของครอบครัว.. เจ้า.. เจ้าล้อเล่นอะไรกัน”
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
จู่ๆหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง จากนั้นเขาก็หันไปจ้องหน้าหลิงห่าวพร้อมกับตอบไปว่า
“ล้อเล่นงั้นรึใครล้อเล่นอย่างที่เจ้าพูดกันเล่า?”
“แต่นับว่าโชคดีที่ข้าได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้วไม่เช่นนั้นคนอย่างเจ้าก็ยากที่จะยอมรับ!”
หลิงห่าวพยายามบังคับจิตใจให้สงบนิ่งและตอบโต้หลิงหยุนอย่างไม่ยอมแพ้ “หลิงหยุน.. พวกเราสองคนเพิ่งจะเคยพบหน้ากัน หนำซ้ำข้ากับเจ้าก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางต่อกัน แล้วข้าจะส่งคนไปสังหารเจ้าถึงจิงฉูเพื่ออะไรกัน เจ้าพูดเช่นนี้คนอื่นจะมองข้าเช่นไร? ”
“ตอนนี้เจ้าเองก็ปลอดภัยดี!แต่กลับกล่าวหาว่าข้าส่งคนไปลอบสังหารเจ้าต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เจ้าจะมาพูดจาเลื่อนลอยไร้หลักฐานเช่นนี้ไม่ได้!”
ในเมื่อหลิงห่าวเลือกที่จะไม่ยอมรับแน่นอนว่าเขาก็ต้องยืนกรานปฏิเสธให้ถึงที่สุด และเขาเองก็ไม่เชื่อว่าหลิงหยุนจะมีหลักฐานระบุว่าเขาคือผู้ที่ส่งคนไปลอบสังหารจริง!
การที่หลิงหยุนจับตัวเฉินเซินมาได้นั้นหลิงห่าวได้เตรียมคำพูดสำหรับหักล้างไว้แล้ว และเวลานี้เพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ หลิงห่าวจำเป็นต้องสงบนิ่งที่สุดเท่านั้น!
สมาชิกตระกูลหลิงทุกคนต่างก็ยังคงอยู่ในอาการตกใจหลังจากที่ได้ฟังคำแก้ตัวของหลิงห่าว ทุกคนก็หันไปมองหน้าหลิงหยุนพร้อมๆกัน
ถูกต้อง..คำพูดของหลิงห่าวนั้นมีเหตุผล ทั้งคู่เพิ่งจะได้พบกันเป็นครั้งแรก และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกัน อีกทั้งหลิงห่าวก็สนใจเพียงแค่เรื่องหาความสุขใส่ตัว จะเอาเวลาที่ใหนไปจ้างคนลอบสังหารหลิงหยุนกัน
และที่สำคัญ..หลิงหยุนก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ
แต่หลิงหยุนนั้นรู้อยู่แล้วว่าหลิงห่าวต้องยืนกรานปฏิเสธเช่นนี้เขาจึงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา และพูดขึ้นว่า
“ดูท่าคนอย่างเจ้าไม่เห็นโลงศพคงจะไม่หลั่งน้ำตาสินะ!เจ้าต้องการหลักฐานงั้นรึ ได้.. ข้าจะมอบให้เจ้าตามคำของ!”
“นำตัวเฉินเซินกับไห่ซานเข้ามาได้!”
หลิงหยุนส่งกระแสจิตบอกพอลให้เตรียมการนำตัวเฉินเซินออกมาจากคุกใต้ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! และในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่นั้นหลิงหยุนก็สามารถส่งกระแสจิตบอกปลายทางที่อยู่ห่างไกลได้ถึงหนึ่งกิโลเมตร และยากที่ผู้อื่นจะได้ยินได้..
แต่เวลานี้..หลิงหยุนเลือกที่จะตะโกนสั่งเพื่อให้ทุกคนในห้องได้ยินกันถ้วนหน้า..
หลิงห่าวถึงกับตกใจสุดขีดและได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า หรือของขวัญชิ้นใหญ่ที่หลิงหยุนพูดถึงนั้นจะเป็นสิ่งนี้!