เล่มที่ 21 เล่มที่ 21 ตอนที่ 628 ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต ดีชั่วสวรรค์กำหนด

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ผู้อื่นอาจไม่รู้ ทว่ามู่หรงฉีทราบอย่างชัดเจน ตำแหน่งสูงศักดิ์ในราชวงศ์ของหลิงเซียวจวิ้นจู่ตลอดหลายปีมานี้ มีที่มาอย่างไร

ไม่ใช่เพราะนางมีใบหน้าคล้ายกับจงซีจือราวกับแฝดหรือ!

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด บนโลกนี้จะมีคนที่หน้าตาเหมือนกันได้อย่างไร?

ในค่ำคืนเมื่อหลายปีก่อน ทารกแรกเกิดที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา ถูกปรมาจารย์ที่ชำนาญด้านการเปลี่ยนแปลง ทั้งยังมีทักษะที่เยี่ยมยอดที่สุดในใต้หล้า ค่อยๆ ทำให้ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปคล้ายกับสตรีอื่นทีละนิด และผู้ที่ส่งเสริมเรื่องราวทั้งหมดนี้ คือญาติที่สนิทที่สุดของนาง

ช่างเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

หลิงเซียวจวิ้นจู่ ตั้งแต่แรกเริ่มนั้น การมีอยู่ของนางเป็นเรื่องโศกเศร้า น่าเศร้าที่นางมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเพียงเงาของผู้อื่น มีชีวิตอยู่เพื่อครอบครัวที่ใช้ประโยชน์จากนางอย่างโหดร้าย

บางที นางคงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว!

ไม่เช่นนั้น ขณะที่พวกเขามองไม่เห็น นางจะใช้วิธีวิปริตโหดร้ายจัดการกับบ่าวรับใช้ข้างกาย จัดการกับคนบริสุทธิ์เหล่านั้นได้อย่างไร

ยามกลางวัน ต่อหน้าผู้อื่น นางจะแสร้งทำตัวน่ารักไร้เดียงสา ทว่าต่อให้มีจิตใจเข้มแข็งและใจกว้างเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานความจริงที่ว่า นางถูกหลอกใช้และถูกหักหลังโดยครอบครัว การทรยศและการหลอกลวงเหล่านั้น รวมถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลังการถูกหลอกใช้ ราวกับปีศาจยามค่ำคืนที่คืบคลานออกมากัดกินหัวใจของนางอยู่ร่ำไป กัดกินชีวิตของนาง ดังนั้น ในจุดที่ผู้อื่นมองไม่เห็น นางยอมให้ตนเองกลายเป็นปีศาจที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว

เพียงเพื่อ… ปลดปล่อยจิตใจของตนเอง

มู่หรงฉีคอยเฝ้าดูการเจริญเติบโตของหลิงเซียว หลายปีมานี้ เขามองหลิงเซียวเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกนางเกี่ยวกับกลไกที่สำคัญภายในจวนฉีอ๋อง

เมื่อยามนี้ต้องเห็นหลิงเซียวทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดอยู่ท่ามกลางกองเลือด มู่หรงฉีจึงไม่อาจทนได้

เขาก้มตัวลง และใช้สองมือประคองใบหน้าของหลิงเซียว “มนุษย์… จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต หลิงเซียว รับปากกับพี่ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขั้น เจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง ได้หรือไม่? ”

หลิงเซียวจวิ้นจู่กัดริมฝีปากแน่น พลางส่ายศีรษะไม่หยุด น้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย

ตอนนี้ ความหวาดกลัวได้กำเนิดขึ้นในจิตใจของนาง

ลางสังหรณ์เลวร้ายกำลังฝังแน่นในใจของนาง นางรู้สึกว่าตนเองกำลังจะเสียพี่ฉีไปตลอดกาล

ยิ่งกลัวมากเท่าไร มือที่จับแขนเสื้อของมู่หรงฉีก็ยิ่งกำแน่นมากขึ้น นางส่ายศีรษะไม่หยุด “ไม่เอา… พี่ฉีอย่าทิ้งหลิงเซียว ไม่เอา… พี่ฉี เราสองคนกราบไหว้ฟ้าดินแล้ว หลิงเซียวเป็นภรรยาของท่านแล้ว อย่าทิ้งหลิงเซียวไป อย่าทิ้งหลิงเซียว หลิงเซียวไม่มีพี่ชาย ไม่มีท่านพ่อ ไม่มีท่านปู่ พวกเขาล้วนโกหกข้า หลอกใช้ข้า ทำร้ายข้า หลิงเซียวมีเพียงพี่ฉี พี่ฉีคือสวรรค์ของหลิงเซียว เป็นพื้นดินของหลิงเซียว เป็นญาติเพียงคนเดียวของหลิงเซียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านอย่าทอดทิ้งข้า”

มู่หรงฉีมองท่าทีหมดหนทางของหลิงเซียวด้วยแววตาเจ็บปวด

ทว่ามีบางเรื่อง สุดท้ายแล้ว เขาต้องรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม หากปล่อยทิ้งไว้ ภายหลังจะส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก

เขาพูดว่า “หลิงเซียว พี่ฉีจะไม่ทิ้งเจ้า ไม่ทิ้งเด็ดขาด! ไม่มีวัน ทว่าการแต่งงานระหว่างพวกเรา… เป็นเพียงการแสดงตบตา ถือว่าไม่มีผล”

ถือว่าไม่มีผล…

ถือว่าไม่มีผล…

ถือว่าไม่มีผล…

คำเหล่านี้ราวกับค้อนที่กระแทกลงกลางหัวใจของหลิงเซียวจวิ้นจู่ ทุบจนนางหายใจไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้น ค้อนนั้นยังกระแทกในตำแหน่งที่อ่อนแอที่สุด จนเกิดเสียงสะท้อนแห่งความทุกข์ ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังหล่นลงสู่ขุมนรกที่ไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้อีก

อาการบาดเจ็บของมู่หรงอวิ๋นไห่สาหัสจนยืนไม่ไหวอีกต่อไป เขาล้มลงบนบัลลังก์ และต้องการความช่วยเหลือจากมู่หรงฉีอย่างเร่งด่วน มู่หรงฉีไม่มีเวลาให้หลิงเซียวจวิ้นจู่มากนัก

เขาผลักหลิงเซียวจวิ้นจู่ออกอย่างนุ่มนวล พยายามไม่ทำให้นางบาดเจ็บเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาต้องไปหาเสด็จพ่อ

ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็จับแขนเสื้อของมู่หรงฉีอย่างหวาดกลัวอีกครั้ง

“พี่ฉี ไม่ใช่เช่นนี้ เมื่อก่อนท่านไม่ได้เป็นเช่นนี้ ท่าน… ท่านชอบหมอแซ่ซูนั่นใช่หรือไม่ หากท่านชอบนาง หลิงเซียวรับปากท่าน รอจนเรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้น ข้าจะไปพานางมาให้ท่านแต่งเป็นอนุ ข้าจะดูแลนางอย่างดี หลิงเซียวจะดูแลนางอย่างดี หลิงเซียวสาบาน! ”

ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน มู่หรงฉีไม่มีเวลาพูดคุยเรื่องเหล่านี้ มู่หรงฉีไม่ตอบอันใดหลิงเซียว เขาออกแรงจนแขนเสื้อขาดออกเป็นสองส่วนดัง ‘แควก’ เหลือเพียงส่วนที่ขาดทิ้งไว้ให้หลิงเซียวจวิ้นจู่

มู่หรงฉีรีบวิ่งเข้าไปหามู่หรงอวิ๋นไห่ หลิงเซียวที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น มองเศษผ้าในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความหดหู่และสิ้นหวัง

ทั่วทั้งตำหนักฉินเจิ้งกลายเป็นทะเลเลือด ซากศพเกลื่อนกลาด และกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ชวนให้รู้สึกหดหู่

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ทันใดนั้น หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง นางลุกขึ้นยืนและกระโดดไปรอบๆ ทะเลเลือดอย่างบ้าคลั่ง

“ข้าคือจวิ้นจู่แห่งแคว้นหนานหลีที่มีเกียรติสูงสุด ข้าคือสตรีที่มีเกียรติที่สุดในแคว้นหนานหลี ข้าคือหลิงเซียว ข้าคือหลิงเซียวจวิ้นจู่”

ทว่าไม่มีผู้ใดมองนาง ไม่มีผู้ใดสนใจนาง ภายในตำหนักฉินเจิ้ง คนที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากมู่หรงฉีและมู่หรงอวิ๋นไห่แล้ว คนที่เหลือต่างต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจแม่นางที่สติฟั่นเฟือน

ทันใดนั้น หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็หยิบดาบยาวเปื้อนเลือดบนพื้นขึ้นมาและพุ่งเข้าหาจงเนี่ย

‘ฉึก’ ดาบยาวแทงทะลุร่าง

จงเนี่ยที่กำลังต่อสู้กับแม่ทัพ เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาก้มมองปลายดาบที่แทงทะลุหน้าอกตนเองและค่อยๆ หันหลังกลับไป เมื่อเห็นว่าคนที่ถือดาบคือหลิงเซียว ความตกใจในดวงตาของเขายิ่งมีมากขึ้น

ทว่าเขาไม่มีโอกาสได้พูด เมื่ออ้าปาก เลือดสีแดงสดก็พุ่งออกมา ย้อมไปทั่วทั้งตำหนักฉินเจิ้ง

ดวงตาของหลิงเซียวจวิ้นจู่ถมึงทึง นางดันดาบยาวในมือไปด้านหน้าอย่างแรง ก่อนจะปล่อยมือ แม่ทัพใหญ่ผู้ไร้พ่ายแห่งราชวงศ์แคว้นหนานหลีพลันล้มลงกับพื้น

ด้วยเสียงอันดังนั้น ผู้คนที่กำลังต่อสู้กันพลันหยุดชะงัก และมองมาทางนี้อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

มู่หรงเฟิงหนีไป จงเนี่ยตายแล้ว แพ้ชนะได้รับการตัดสิน แผ่นดินหวนคืนสู่ผู้เป็นเจ้าของ คนของมู่หรงเฟิงและคนของจงเนี่ยเริ่มตื่นตระหนก พวกเขาทิ้งอาวุธในมือและวิ่งหนีออกไปนอกตำหนักฉินเจิ้ง แม่ทัพของมู่หรงฉีและมู่หรงอวิ๋นไห่ตามคนเหล่านั้นไป ก่อนจะกดพวกเขาแนบพื้นราวกับกระทืบหัวไชเท้าและกะหล่ำปลี

ฝ่ามือเปื้อนเลือดวางลงบนธรณีประตูและบานประตูอันหรูหราของตำหนักฉินเจิ้งอย่างสิ้นหวัง ไม่มีผู้ใดสามารถออกไปได้ คราบเลือด การสังหารหมู่ และความโหดร้ายทั้งหมดถูกหยุดไว้ที่ด้านในบานประตูตำหนักอันแสนงดงาม ทว่าเสื่อมโทรม

หลิงเซียวจวิ้นจู่มองเลือดบนฝ่ามือตนเอง มองร่างไร้วิญญาณที่อยู่บนพื้น มองดวงตาเบิกโพลงของพี่ชายที่ราวกับจะจ้องมองนางตลอดไป แววตาสิ้นหวังของนางมองร่างคนรักที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกแทง ภาพเบื้องหน้าพลันมืดลง นางหมดสติล้มลงบนพื้น