เล่มที่ 21 เล่มที่ 21 ตอนที่ 627 หนึ่งร้อยปีแห่งการนองเลือด

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้วจริงๆ

มู่หรงฉีกัดฟันและปล่อยจอกสุราให้ตกลงบนพื้นอย่างแรง จอกหยกคุณภาพสูงตกกระจายบนพื้นจนเกิดเสียงดังชัดเจน สุราใสกระเด็นเลอะใบหน้าหลิงเซียวจวิ้นจู่

ในมือของหลิงเซียวจวิ้นจู่ถือจอกสุราอีกใบที่มีรูปร่างเป็นหงส์ นิ้วมือของนางสั่นเทา สุดท้าย จอกสุราของนางก็ตกลงบนพื้นดังเพล้ง และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

นางโซเซไปมาสองก้าว ความปรีดา ความขวยเขิน ความมึนงง การแสดงออกทั้งหมดแข็งค้างอยู่บนใบหน้า

‘เคร้ง เคร้ง’

แม่ทัพที่อยู่ฝ่ายมู่หรงฉีชักดาบเล่มยาวในมือออกมา แม่ทัพฝ่ายจงเนี่ยและมู่หรงเฟิงก็ชักดาบเล่มยาวออกมาเช่นกัน

‘พรึบ พรึบ’

องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาด้านในตำหนักฉินเจิ้งราวกับสายน้ำ

ทันใดนั้น ภายในตำหนักฉินเจิ้งก็เกิดความโกลาหล ภาพเหตุการณ์ที่อบอวลไปด้วยความสุขเมื่อครู่ ยามนี้กลับกลายเป็นสนามรบที่มีแต่คมหอกคมดาบ

จงเนี่ยขมวดคิ้วมุ่น ในมือถือดาบเล่มยาวต่อสู้กับแม่ทัพหลายนาย “มู่หรงฉี ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนไร้มโนธรรม ข้าให้น้องสาวเพียงคนเดียวแต่งงานกับเจ้า ทว่าเจ้ากลับฉวยโอกาสนี้จัดการข้า”

มู่หรงฉีกระชากเสียงเย็นชา “ไม่รู้ว่าแม่ทัพใหญ่จงมอบหลิงเซียวจวิ้นจู่ให้อภิเษกกับข้าอย่างจริงใจ หรือว่าต้องการซ้อนแผนเพื่อกำจัดข้า เกรงว่าคงมีเพียงแม่ทัพใหญ่จงเท่านั้นที่รู้”

เมื่อสิ้นเสียงของมู่หรงฉี ด้านนอกประตูก็มีเสียงคำรามอย่างเดือดดาลดังขึ้น

“มู่หรงเฟิง จงเนี่ย เจ้าพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ข้าต้องการชีวิตเจ้า! ”

พูดไม่ทันจบ ร่างของมู่หรงอวิ๋นไห่ก็เหาะเข้ามาจากด้านนอก และรวบรวมพลังฝ่ามือซัดไปทางมู่หรงเฟิง

ตอนนี้การต่อสู้ในตำหนักฉินเจิ้ง นอกจากองครักษ์แล้ว ยังมีเหล่าขุนนางราชสำนักอีกด้วย

เมื่อเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เห็นมู่หรงอวิ๋นไห่ พวกเขาลืมแม้กระทั่งว่าตนเองกำลังถืออาวุธเปื้อนเลือดในมือและต่อสู้กับศัตรู ทุกคนต่างมองไปที่มู่หรงอวิ๋นไห่ด้วยสายตาตกตะลึง

“เป็นฝ่าบาท… ฝ่าบาทกลับมาแล้ว”

“ฝ่าบาทกลับมาแล้ว… ”

“ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะยังมีพระชนม์ชีพอยู่! ”

“ฝ่าบาท… ”

……

แม้มู่หรงเฟิงจะมีสายตาว่องไว และมือเท้าคล่องแคล่ว ทว่าเขายังถูกฝ่ามือของมู่หรงอวิ๋นไห่กระแทกจนล้มลงกับพื้น

มู่หรงอวิ๋นไห่แย่งชิงที่นั่งบนบัลลังก์มังกรมาได้ เขายืนอยู่ข้างบัลลังก์อย่างภาคภูมิใจ และตะโกนว่า “เหล่าแม่ทัพ ทหาร และขุนนางแคว้นหนานหลีของข้าทุกท่าน ข้าคือมู่หรงอวิ๋นไห่ มู่หรงอวิ๋นไห่ตัวจริงเสียงจริง ข้ากลับมาแล้ว เป็นเพราะมู่หรงเฟิงและจงซูอี้กับบุตรชายที่ขังข้าไว้ในถ้ำของดินแดนต้องห้ามสกุลจงเป็นเวลาแปดปี จนกระทั่งฉีอ๋องช่วยข้าออกมา ขุนนางทุกท่าน สังหารมู่หรงเฟิง สังหารพ่อลูกสกุลจง ไม่ว่าจะจับเป็นหรือตาย ข้าจะมอบรางวัลหนึ่งพันตำลึงและเลื่อนยศให้”

หลังสิ้นเสียงพูด ผู้คนต่างตกตะลึงชั่วครู่ ทันใดนั้นก็ตอบรับมู่หรงอวิ๋นไห่ “ปฏิบัติตามพระบัญชาของฝ่าบาท” เสียงอาวุธดังขึ้นอีกครั้ง

เหล่าแม่ทัพและองครักษ์จำนวนไม่น้อยที่สวามิภักดิ์ต่อพ่อลูกสกุลจงและมู่หรงเฟิง หลังจากเห็นมู่หรงอวิ๋นไห่ก็แปรพักตร์ในทันที

เวลาเพียงชั่วครู่ ทั่วทั้งตำหนักฉินเจิ้งก็กลายเป็นสนามรบ เลือดสีแดงเจิ่งนองดั่งสายน้ำ ชำระธุลีและความเงียบสงัดแสนอ้างว้างในอดีตอันยาวนาน ความเสื่อมโทรมและเศร้าหมองตลอดระยะเวลาแปดปีได้ถูกชะล้างออกไป ปรากฏพลังมังกรและความรุ่งโรจน์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

มู่หรงอวิ๋นไห่ถือดาบยาวในมือ และก้าวทีละก้าวไปหามู่หรงเฟิงที่นอนอยู่บนพื้นอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น มู่หรงเฟิงค่อยๆ พยุงร่างตนเองถอยหลังทีละก้าว พลางยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “คาดไม่ถึง คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ! มู่หรงอวิ๋นไห่ ยังมีวันที่เจ้าได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง”

แววตาของมู่หรงอวิ๋นไห่เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้น “แปดปีแล้ว แปดปีมานี้ ภายใต้โซ่เหล็กเย็นเฉียบ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ แม้ข้าจะฝันถึงวันนี้ก็ตาม ข้าจะนำดาบที่เสด็จพ่อมอบให้ แทงหน้าอกของเจ้าด้วยมือข้าเอง ข้าควรจะทำเช่นนี้ตั้งแต่แปดปีที่แล้ว”

“แปดปีก่อน… ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มู่หรงเฟิงพลันเงยหน้าและหัวเราะออกมาเสียงดัง

“สายไปแล้ว ทุกอย่างสายไปแล้ว ระยะเวลาแปดปีไม่อาจย้อนกลับได้อีก จงซีจือตายไปแล้ว ไม่อาจหวนคืนชีวิตได้ มู่หรงอวิ๋นไห่ เจ้าไม่ควรกลับมา เจ้าควรถูกฝังอยู่ใต้ดินแดนต้องห้ามสกุลจงเหมือนวิญญาณของจงซีจือที่ล่วงลับ หลายปีมานี้ เจ้าไม่เคยสำนักผิดเลยหรือ? ”

“สำนึกผิด? เหตุใดข้าต้องสำนึกผิด? มู่หรงเฟิง คนที่ต้องสำนึกผิดควรเป็นเจ้ามิใช่หรือ? ”

“มู่หรงอวิ๋นไห่ แปดปีแล้วเจ้ายังไม่เปลี่ยน เจ้ายังทะนงตนเหมือนเดิม… ไร้ความรู้สึก ไร้คุณธรรม”

มู่หรงอวิ๋นไห่ไม่ได้พูดอันใด ดวงตาสีเข้มถมึงทึงเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาแห่งการนองเลือด เขาถือดาบและก้าวไปหามู่หรงเฟิง… ทีละก้าว

ขณะที่มู่หรงอวิ๋นไห่ยกดาบเล่มยาวในมือ และกำลังจะฟันไปที่ร่างของมู่หรงเฟิง องครักษ์เงาชุดดำที่แต่งกายแบบพิเศษพลันเหาะลงมาเหนือศีรษะ และโจมตีมู่หรงอวิ๋นไห่จนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นจึงพาตัวมู่หรงเฟิงหนีไป

ทักษะขององครักษ์เงาชุดดำผู้นั้นรวดเร็วยิ่งนัก เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในตำหนักฉินเจิ้งมีคนมากมาย มู่หรงฉีที่กำลังต่อสู้อยู่ไม่มีเวลาป้องกัน เขาเห็นเพียงเงาดำวิ่งผ่านไป มู่หรงอวิ๋นไห่ล้มลงบนพื้น และมู่หรงเฟิงก็หายตัวไป

มู่หรงอวิ๋นไห่กระอักเลือดออกมาราวกับเกล็ดหิมะอันแสนงดงาม เลือดนั้นบังเอิญตกกระทบรูปวาดของจงซีจือที่อยู่บนผนังข้างบัลลังก์มังกร ทำให้ดวงตาทั้งสองของสตรีในภาพวาดต้องแปดเปื้อน

ทันใดนั้น ภาพวาดของนางก็ยิ่งทวีความลึกลับและสูงส่งมากขึ้น

“เสด็จพ่อ… ”

มู่หรงฉีตะโกนด้วยความตกตะลึง เขาฟันองครักษ์ที่ขวางทางจนล้มลง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหามู่หรงอวิ๋นไห่

หลิงเซียวจวิ้นจู่ที่ยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางกองเลือด สะดุ้งเพราะเสียงนั้น ราวกับลูกกวางที่กำลังหวาดกลัว นางกอดมู่หรงฉีจากทางด้านหลัง “พี่ฉี ท่านบอกหลิงเซียวทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องจริงใช่หรือไม่? พี่ฉี ทั้งหมดนี้คือความฝันใช่หรือไม่? ”

มู่หรงอวิ๋นไห่ใช้มือค้ำบัลลังก์มังกรและกระอักเลือดออกมา มู่หรงฉีมองด้วยความกระวนกระวายใจ ทว่าเรื่องในวันนี้ หลิงเซียวเป็นผู้บริสุทธ์ นางเป็นเหยื่อ มู่หรงฉีไม่สามารถทำร้ายหลิงเซียวได้

เขาดึงมือหลิงเซียวจวิ้นจู่ออกและหันหลังกลับอย่างเชื่องช้า สบตาหลิงเซียวจวิ้นจู่ด้วยสายตาจริงจัง “หลิงเซียว รับปากพี่ฉี ไม่ว่าภายหลังจะเกิดอันใดขึ้น เจ้าจะยังคงเป็นหลิงเซียวที่ไร้เดียงสาและน่ารัก ฉลาดและบริสุทธิ์ ได้หรือไม่? ไม่ว่าครอบครัวของเจ้าจะทำอันใดไว้ เจ้าจะเป็นน้องสาวที่ดีที่สุดของพี่ฉีตลอดไป”

หลิงเซียวส่ายศีรษะ มือเปื้อนเลือดทั้งสองข้างรั้งแขนเสื้อของมู่หรงฉีแน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และเจ็บปวด “พี่ฉี ท่านบอกหลิงเซียว หลิงเซียวควรทำเช่นไร? เหตุใด เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ”

นางพูดพลางย่อตัวลงไปคุกเข่าแทบเท้ามู่หรงฉี

“พี่ฉี หลิงเซียวขอร้องท่าน อย่า… อย่าสู้กับท่านพี่และท่านปู่ของข้าได้หรือไม่? อย่าสู้กับพวกเขา พวกเขาสังหารท่านได้ พวกเขาจะส่งนักฆ่าฝีมือดีและองครักษ์พิษไปสังหารท่าน แม้วันนี้พวกเขาจะล้มเหลว ทว่าตราบใดที่คนสกุลจงยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตท่าน พี่ฉี หากมีวันนั้น ท่านจะให้หลิงเซียวทำอย่างไร? พี่ฉี… หลิงเซียวขอร้องท่าน รอจนพวกเราแต่งงานกัน ข้าจะไปขอร้องท่านปู่ดีหรือไม่? ข้าจะขอร้องพวกเขา บอกพวกเขาว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ท่านถูกบังคับ พวกเขา… พวกเขาต้องยกโทษให้ท่านเพราะเห็นแก่ข้าแน่นอน”

ให้หลิงเซียวไปขอร้องจงซูอี้และจงเนี่ย?