“วิ่งต่อไป!” เห็นอำนาจของเวทมนตร์แล้ว เซียวอวี๋ยกแอชเชสขึ้นพาดบ่าพลางตะโกนสั่งการ ได้ยินเช่นนั้น ไพร่พลก็วิ่งพลางโจมตีพลาง การโจมตีหลากหลายแบบสาดเข้าใส่ร่างขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง แม้กระนั้น มันก็ยังยากที่จะสร้างบาดแผลร้ายแรงใด โครงกระดูกยักษ์แข็งแกร่งเกินไป ครืน…… เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง เวทมนตร์อีกสายพลันกวาดออก “บัดซบ! มันไม่ได้ผล เจ้าฆ่ามันได้หรือไม่?” เซียวอวี๋ตะโกนถาม แม้จะไม่ระบุชื่อ แต่เอกวินน์ก็ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังถามตน ในสถานการณ์เช่นนี้ ความเห็นจากจอมมนตราผู้ยิ่งใหญ่นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง เอกวินน์ชำเลืองมองเซียวอวี๋ นางจิบไวน์จากแก้วในมือเข้าเข้าไปอึกหนึ่ง ท่าทางไม่คล้ายผู้ที่มีส่วนร่วมในสงครามกลับเหมือนว่ามาชมดูเรื่องสนุกเสียมากกว่า ขณะที่พวกเซียวอวี๋ต่อสู้ดิ้นรนแทบตาย เอกวินน์กลับไม่ใส่ใจ นางเพียงเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ขณะที่เซียวอวี๋กำลังจะหัวเสีย เอกวินน์ก็หันมามองเซียวอวี๋แล้วกล่าวว่า “เจ้าเอาชนะมันไม่ได้หรอก” เซียวอวี๋กลอกตาก่อนจะกล่าวว่า “แน่นอนว่าเทียบยายแก่เช่นเจ้าไม่ได้ หากเจ้าลงมือมันก็ต้องตายแน่” เอกวินน์สะบัดมือพลางร่ายเวทไปทางเซียวอวี๋ พริบตาถัดมาร่างกายของเขาก็เปียกปอนไปด้วยไวน์ “ข้าดูแก่นักหรือ?” เอกวินน์แค่นเสียงเย็น ‘เพ้ย พวกผู้หญิงก็เป็นซะแบบนี้ ห้ามพูดถึงอายุ ห้ามพูดถึงน้ำหนัก แค่นี้ก็เดือดดาลซะแล้ว’ เซียวอวี๋ได้แต่บ่นอุบอยู่ในใจ การลงมือของเอกวินน์นั้น เซียวอวี๋ไม่มีแม้แต่เวลาตั้งตัว เขาไม่มีโอกาสจะหลบหลีกใดๆ นี่ก็คือช่องว่างของความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขา ย้อนถึงตอนเผชิญหน้ากับนักรบขั้นที่หก เซียวอวี๋ยังมีโอกาสได้ใช้เทเลพอตหลบหลีกไป แต่เมื่อถึงคราวเอกวินน์ลงมือ เซียวอวี๋กลับตอบสนองไม่ทันแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องระวังในข้อนี้ให้มาก ทักษะเทเลพอตไม่สามารถช่วยได้ทุกเรื่อง “อะแฮ่ม นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร ท่านคือโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งทวีป ไม่ว่าจะในอดีตหรือตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่างดงามไปกว่าท่าน ข้าเองก็ชื่นชมมากๆ ท่านเป็นดั่งเทพะิดาในใจข้าเสมอมา” เทียบกับด้านอื่นๆแล้ว ความหน้าด้านหน้าทนนับว่าเป็นเอกอุไม่มีใครเกิน รับมือกับอิสตรี ก็มีแต่ต้องประสบสอพลอนี่ล่ะ! ได้ยินคำพูดชะเลียของเซียวอวี๋ สีหน้าของเอกวินน์ก็ผ่อนคลายลง แม้ในใจจะทราบว่าเซียวอวี๋เพียงกล่าวชะเลีย แต่ในใจก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง ในทวีปแห่งนี้มีสาวงามปรากฏขึ้นมากมาย แม้ว่าตัวนางจะเป็นจอมมนตราที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป แต่เมื่อกล่าวถึงด้านรูปร่างหน้าตาแล้ว นางตระหนักดีว่าตนเองย่อมไม่ใช่อันดับหนึ่ง “เจ้ายักษ์นี่ดูเหมือนแข็งแกร่งจนยากจะเอาชัย กระนั้นอักขระเวทของมันกลับไม่สมบูรณ์ มันมีช่องโหว่ขนาดใหญ่อยู่” เอกวินน์กล่าวเสียงเรียบ ได้ยินเช่นนั้น เซียวอวี๋ก็หันไปมองโครงกระดูกยักษ์อย่างละเอียด เซียวอวี๋ก็สังเกตเห้นว่า ตั้งแต่เริ่ม เจ้ายักษ์นี่ไม่ได้เคลื่อนออกไปไหนเลย หากแต่รั้งอยู่ที่เดิมตลอด เมื่อตัวใหญ่ก็ยากที่จะเคลื่อนที่ ดูเหมือนว่าจุดอ่อนของมันคือความคล่องตัว ยิ่งตัวใหญ่ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากในการขยับเคลื่อนไหว ซึ่งแน่นอนว่าอันเดดเนโครแมนเซอร์ย่อมไม่มีพลังเวทให้ล้างผลาญมากนัก “ทั้งหมดหยุด! พวกเราจะใช้วิธีรบแบบกองโจร!” เซียวอวี๋พลันตะโกนสั่งการ ได้ยินคำสั่ง ไพร่พลทั้งหมดก็ถอยร่นออกมาจนพ้นระยะโจมตีของโครงกระดูกยักษ์ โฮก!… เห็นศัตรูล่าถอยออกไป โครงกระดูกยักษ์ก็คำราม มันมองไปรอบๆด้วยความระมัดระวัง ระแวงว่าศัตรูจะโจมตีจากทิศทางที่มันคาดไม่ถึง สุดท้ายมันก็ไม่ได้บุ่มบ่ามติดตามโจมตี มันเพียงปักหลักอยู่กับที่ เฝ้ารอดูการเคลื่อนไหวของพวกเซียวอวี๋ “เจ้านี่ฉลาดไม่เบา มันรู้ว่าเวลาไหนควรลงมือ แต่แล้วอย่างไรเล่า เห็นลูกพี่รังแกได้ง่ายนักหรือ?” เซียวอวี๋แค่นเสียง จากนั้นจึงหันไปสั่งการกับกรอม “เจ้าเข้าไปหลอกล่อมัน แต่ไม่ต้องสู้จริงๆ” กรอมพยักหน้ารับ จากนั้นจึงแยกร่างและโถมพุ่งเข้าใส่โครงกระดูกยักษ์ ฟุบ! เงาร่างของกรอมประดุจวิญญาณลอยล่อง ดาบในมีดกรีดใส่รอยต่อกระดูกจนเศษผงกระดูกร่วงกรูลงมา กรอมยิ่งมาก็ยิ่งแข็งแกร่ง แม้การโจมตีนี้ของเขาจะทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้มาก กระนั้นก้ยังทำให้กระดูกยักษ์โมโหขึ้นมา โครงกระดูกยักษ์คำรามก่อนจะพุ่งเข้าหากรอม กรอมที่เตรียมตัวอยู่แล้วก็พลันกลับหลังหันพุ่งถอยไปอย่างเร็ว โครงกระดูกยักษ์ก้มหยิบก้อนหินขึ้นมาก่อนจะซัดขว้างตามหลังกรอมไป กระนั้นกรอมก็ยังหลบได้อย่างหมดจด ตึง.. ในที่สุดโครงกระดูกยักษ์ก็ขยับเคลื่อนไหว มันก้าวเท้าเดินตามกรอมไป แม้แต่ละย่างก้าวจะเชื่องช้า แต่ด้วยขนาดตัวอันใหญ่โตของมัน เพียงไม่กี่ก้าวก็แทบจะไล่ตามกรอมได้ทัน ขณะเดียวกัน เซียวอวี๋ก็หันไปสั่งการต่อเมอีฟ “เมอีฟ เจ้าไปล่อมันมา” เมื่อได้รับคำสั่ง เมอีฟก็พุ่งกายออกไป มีดสั้นในมือสะบัดฟันเข้าใส่ส่วนหัวของโครงกระดูกยักษ์จนมันชะงัก ชัดเจนว่าพลังโจมตีของเมอีฟย่อมไม่ธรรมดา โฮก….. โครงกระดูกยักษ์คำรามก่อนจะหันมาไล่ล่าเมอีฟ เห็นดังนั้น เมอีฟก็รั้งมีดสั้นกลับและถอยไปยังตำแหน่งที่กำหนดอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับความเร็วของเมอีฟแล้ว โครงกระดูกยักษ์ย่อมไม่อาจติดตามทัน เวลาเดียวกันนั้น เซียวอวี๋ก็ให้มังกรน้อยเข้าลงมือ มังกรน้อยควงทอนฟาพุ่งเข้าตีโครงกระดูกยักษ์สองสามครั้งก่อนจะเร่งถอยห่าง แน่นอนว่าคราวนี้ความสนใจของโครงกระดูกยักษ์ย่อมต้องถ่ายไปที่มังกรน้อย อาจด้วยพลังโจมตีที่รุนแรง มันจึงถูกกระตุ้นโทสะกว่าครั้งไหนๆและเบนเป้าหมายไปติดตามมังกรน้อยทันที “วิ่งต่อไป! มันจับเจ้าไม่ทันหรอก!” จากนั้นเซียวอวี๋จึงส่งคนออกไปดึงดูดความสนใจของโครงกระดูกยักษ์ กระนั้นมันกลับไม่หันมาสนใจเสียอย่างนั้น ดูเหมือนว่าโครงกระดูกยักษ์จะโกรธแค้นมังกรน้อยอย่างมาก ดังนั้นเซียวอวี๋จึงจำใจต้องให้มังกรน้อยรับมือกับมันพลางบั่นทอนกำลังของมันต่อไป แน่นอนว่าด้วยร่างอันใหญ่โตของมัน ผ่านไปพักหนึ่งก็ยังไม่อาจจับตัวมังกรน้อยได้ การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้าเกินไป อันเดดเนโครแมนเซอร์ที่อยู่บนหัวของโครงกระดูกยักษ์รีบพยายามควบคุมไม่ให้โครงกระดูกยักษ์ไล่ตามมังกรน้อยไป อย่างไรก็ตาม โครงกระดูกยักษ์เดือดดาลจนสติขาดผึงไปแล้ว อีกทั้งตัวอันเดดเนโครแมนเซอร์เองยังไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น อันเดดเนโครแมนเซอร์จึงจนปัญญาและทำได้เพียงวิตกกังวลอยู่บนนั้น แต่ยิ่งมันปล่อยให้โครงกระดูกยักษ์เคลื่อนไหวมากเท่าไร มานาที่ต้องจ่ายเป็นพลังงานให้มันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น….