“อึก…” 

 

 

ฮอนส่งเสียงครางออกมาเบาๆ รอบด้านมืดสนิทและเสียงก็อยู่ห่างไกลออกไป แม้จะอยากขยับตัว แต่สติอันเลือนรางกลับเย้ยหยันฮอนที่กำลังจะคว้ามันเอาไว้ก่อนจะชิ่งหนีไป หมดสติไปนานเท่าไหร่แล้วนะ ครึ่งชั่วยาม หรือหนึ่งชั่วยาม? หนึ่งปี หรือว่าสองปี? ในขณะที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังลืมตาหรือหลับตาอยู่นั้น มีใครบางคนสอดแทรกลิ้นเข้ามาภายในปาก รยูฮาหรือเปล่านะ น่าจะเป็นรยูฮา ต้องเป็นนางแน่ๆ ริมฝีปากของฮอนที่อ้าออกดื่มอะไรบางอย่าง 

 

 

“รยูฮา…” 

 

 

ริมฝีปากที่ผละออกอย่างยากเย็นเรียกคนรักอย่างหมดแรง แต่แทนที่จะได้คำตอบ บางสิ่งที่อยู่ตรงหว่างขาของเขากลับเริ่มพองโตขึ้น สติที่กลับมาได้อย่างหวุดหวิดเริ่มรู้สึกถึงความรู้สึกนั้น 

 

 

“อ้า รยูฮา…รยูฮา” 

 

 

พอเรียกหารยูฮาด้วยเสียงที่ขาดๆ หายๆ ก็รู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าด้านล่างและรู้สึกถึงน้ำหนักซึ่งกดทับอยู่บนหน้าอกเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ลมหายใจเริ่มหอบถี่ ส่วนร่างกายก็เริ่มร้อนรุ่ม เมื่อเส้นผมที่ยาวลงมาจากด้านบนจั๊กจี้ใบหน้า ฮอนจึงยิ้มเบาๆ และจับมันมาดมตรงจมูก จากนั้น… 

 

 

“เจ้าคือใคร” 

 

 

เขาคว้าข้อมือของหญิงสาวแปลกหน้าอย่างแรง นี่มันกลิ่นหอมของชะมดต้น[1]น่าสะอิดสะเอียนไม่ใช่กลิ่นหญ้าสดชื่นและหอมหวานเสียหน่อย เขาสัมผัสได้ถึงอาการสั่นเทาที่ไม่สามารถควบคุมได้จากข้อมือที่จับไว้อยู่ และในตอนนั้นเองกลิ่นชะมดต้นที่คละคลุ้งไปทั่วภายในห้องก็โถมเข้ามาในจมูกในคราวเดียว ไม่ใช่รยูฮา ความใคร่ที่พลุ่งพล่านจึงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ  

 

 

“ฝะ ฝ่าบาท…” 

 

 

“มีใครอยู่ข้างนอกไหม! มาจุดไฟเดี๋ยวนี้!” 

 

 

ความเงียบสงบผิดปกติที่ปกคลุมไปทั่ววังจานยองกุงพังทลายลง ใบหน้าของสาวบริสุทธิ์ที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาและความกลัวปรากฏขึ้นมาทันทีที่ซังกุงรีบเข้ามาจุดไฟ ในระหว่างที่เหล่าซังกุงหมอบอยู่ข้างล่างเตียงโดยที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรนั้น ขันทีโจก็เข้ามาสวมเสื้อคลุมทับบนร่างกายอันเปลือยเปล่าของฮอน 

 

 

“ใครให้เจ้าเข้ามาที่นี่” 

 

 

น้ำเสียงอันเยือกเย็นจนคิดว่าเป็นคนละคนกับคนที่เรียกหาพระมเหสีเมื่อสักครู่ ทำให้สาวบริสุทธิ์นางนั้นถึงกับกลัวจนตัวสั่น 

 

 

“นางไม่รู้เรื่องอะไรด้วยพ่ะย่ะค่ะ แค่ทำตามที่พระมเหสี…” 

 

 

“โธ่เว้ย” 

 

 

ฮอนสะบัดข้อมือที่กำไว้ราวกับจะทำให้หักคามือทิ้งไปพร้อมกับสบถออกมา เขาลุกพรวดขึ้นและสวมแขนเข้าไปในเสื้อคลุมที่ขันทีโจส่งให้ 

 

 

“ไปพาพระมเหสีมา ไม่สิ เดี๋ยวข้าไปเอง” 

 

 

“คือว่า เรื่องนั้น…” 

 

 

แม้แต่ท่าทางของซังกุงที่ชักช้าลีลาก็ดูมีพิรุธ หลังจากทำเรื่องแบบนี้ลงไปแล้ว รยูฮากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ 

 

 

“ยังไม่รีบบอกอีกว่าพระมเหสีอยู่ที่ไหน” 

 

 

“ทรงประทับอยู่ที่สวนด้านหลังเพคะ หม่อมฉันทำความผิดที่สมควรแก่ความตายเพคะ!” 

 

 

ฮอนรีบพุ่งตัวออกไปยังสวนด้านหลังโดยไม่อยู่ฟังคำพูดสุดท้ายของซังกุง สวนด้านหลังมืดสนิทไม่มีไฟสักดวง แต่แล้วก็เห็นเงารางๆ บนก้อนหินที่รยูฮาชอบขึ้นไปนั่งตรงข้างๆ สระน้ำขนาดเล็ก ซึ่งนางกำลังทอดสายตามองดูสระน้ำพลางร้องเพลงฮึมฮัมอะไรไม่รู้เพียงลำพัง 

 

 

“ซอรยูฮา!” 

 

 

รยูฮาได้ยินเสียงที่คุกรุ่นไปด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่นางใช้เวลานานอย่างมากกว่าจะหันหลังกลับมามอง อย่างน้อยก็มีฮอนที่รู้สึกเช่นนั้น ใบหน้าของนางหันมาแค่ครึ่งเดียวจนกระทั่งเขาคว้าไหล่นั้นให้หันมาหาตนเอง ในตอนนั้นเองเขาจึงเห็นขวดเหล้าเปล่าหลายขวดกลิ้งอยู่ข้างๆ นาง 

 

 

“ฮอนของพวกเรามาแล้วหรือ” 

 

 

ในเวลาอย่างนี้ยังยิ้มอย่างงดงามได้อีก เพราะแบบนั้นหรือเปล่า ฮอนถึงได้เขวี้ยงขวดเหล้าที่น่าสงสารออกไปแทนที่จะตะโกนใส่รยูฮา 

 

 

“ข้าไม่ต้องการ ทั้งรัชทายาท ทั้งนางสนม ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องการ” 

 

 

“รัชทายาท นางสนม” 

 

 

สมองที่หยุดคิดไปเพราะอาการเมาเหล้าเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง รยูฮาหลุดหัวเราะออกมาและสะบัดมือของฮอนที่แตะอยู่บนไหล่ออก แล้วจึงนั่งกอดเข่าบนก้อนหิน 

 

 

“ไม่น่าเป็นองค์รัชทายาทเลย น่าจะเป็นแค่องค์ชาย แล้วลงไปอยู่ด้วยกันที่ชนบทกับข้า” 

 

 

“เข้าไปข้างในกันเถอะ” 

 

 

“ขอดื่มต่ออีกนิดนะ” 

 

 

“ไม่ได้” 

 

 

ฮอนแย่งขวดเหล้าที่รยูฮาถืออยู่แล้วโยนทิ้งไปในสระน้ำ ก่อนจะอุ้มร่างกายที่อ่อนปวกเปียกขึ้นมา แม้ตั้งใจจะเค้นถามด้วยความโมโหทันทีที่เจอ แต่ถ้าทำเช่นนั้นมันคงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก ช่วงเวลาอันเจ็บปวดต่างถูกสลักลงบนขวดเหล้าทุกขวดที่กลิ้งไปมา 

 

 

“ไปกันเถอะ ยาที่เจ้าให้ข้ากิน มันทำให้ข้าจะบ้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบ” 

 

 

ร่างกายที่เขาโอบอุ้มอยู่นั้นมีน้ำหนักเบาราวกับขนนก รยูฮาผอมเหมือนกับตอนนั้นที่เขาได้นางคืนมาพร้อมกับราชบัลลังก์ เฮงซวย เขาสบถว่าตัวเองออกมาจากปาก แต่แทนที่จะรู้สึกเบาใจขึ้น กลับรู้สึกอึดอัดเหมือนกับมีก้อนหินทับอยู่เสียอย่างนั้น 

 

 

“ทั้งหมดถอยออกไป ออกไปห่างๆ” 

 

 

เหล่าข้าราชบริพารที่ออกันเต็มข้างหน้าตำหนักบรรทมถอยออกไปด้านนอกโถงทางเดิน ขวดเหล้ากับแก้วเหล้าที่วางเรียงกันบนโต๊ะ รวมถึงเตียงนอนที่ยับยู่ยี่ก็ยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่ฮอนออกไปเมื่อสักครู่ เขาให้รยูฮานอนลงบนเตียง ก่อนจะพิจารณาดูแก้วเหล้าที่ตนเองดื่มก่อนหน้านี้ มีผงเล็กน้อยที่ยังไม่ละลายอยู่ตรงก้นแก้ว นั่นน่าจะเป็นยาที่รยูฮาเอาให้ตนเองกินแน่นอน ความเดือดดาลที่อดกลั้นไว้จึงระเบิดออกมา ฮอนรินเหล้าลงในแก้วและใช้นิ้วนางคนจนผงละลาย เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะอมมันไว้ในปาก แต่ก็ลังเลได้ไม่นานนักเพราะรยูฮาคงจะไม่ให้ตนเองกินอาหารที่มีพิษหรอก กลิ่นหอมโชยออกมาจากริมฝีปากที่แตะกัน กลิ่นหอมที่ระคนกับกลิ่นเหล้าและกลิ่นกายของรยูฮาทำให้เขาหวนนึกถึงวันในฤดูใบไม้ร่วงที่รยูฮาเมาเหล้าและจูบเขาขึ้นมา เหล้าและยาที่บรรจุอยู่เต็มปากของฮอนค่อยๆ ไหลผ่านปลายลิ้นที่แทรกเข้าไปในริมฝีปากที่อ้าออกอย่างช้าๆ ลำคอขาวขยับขึ้นลงพร้อมกับกลืนสิ่งนั้นลงไป จากนั้นไม่นานศีรษะของรยูฮาก็ร่วงหล่นลงไป 

 

 

“วันนี้เจ้าแย่มากเลยนะ” 

 

 

ฮอนกระซิบกระซาบราวกับแก้ตัว ก่อนจะเอามือไปวางไว้บนปมผูกเสื้อสีขาว ชุดนอนตัวบางถูกเขาถอดออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นเนื้อหนังที่ถูกปกปิดไว้ กลิ่นเหล้าและกลิ่นยา ความเสียใจและความโกรธ ความรักและความปรารถนา ทั้งหมดต่างสูญเสียเส้นแบ่งและรวมกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียวหมุนเวียนอยู่ภายในเลือด 

 

 

“เฮ้อ ให้ตายเถอะ” 

 

 

ร่างเปลือยเปล่าที่นอนบนเตียงไม่ไหวติงทำให้การควบคุมจิตใจตนเองถูกตัดขาดและทำให้สติสัมปชัญญะเริ่มพร่ามัว หัวไหล่ที่กัดด้วยความรวดเร็วอร่อยมากเสียจนอยากจะเคี้ยวหนุบหนับแล้วกลืนลงท้องไป เขาใช้มือข้างหนึ่งขยำหน้าอกจนมันสูญเสียรูปร่าง ความเป็นชายที่พองโตคับแน่นภายในกางเกงที่ยังไม่ได้ถอดก็พยายามจะออกมาข้างนอก ท้องน้อยของเขาหดเกร็ง ส่วนด้านในอกก็กระหายความสุขและกระโดดโลดเต้นไปตามใจชอบ เขาค่อยๆ สร้างรอยฟันไปตามไหล่บาง ลำคอระหงและต้นแขนเต่งตึงทีละจุด 

 

 

“อื้อออ” 

 

 

รยูฮาส่งเสียงครางพลางบิดตัวเล็กน้อย ในตอนที่เขากำลังสร้างรอยฟันบนหน้าอกด้านบนที่นูนออกมาอย่างน่าดึงดูด หากเป็นตอนปกติเขาก็คงจะหยุดเพราะคิดว่านางน่าจะเจ็บ แต่ฮอนในตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนั้น เพราะถ้าตื่นขึ้นมานางจะต้องขยับตัวเพื่อขัดขวางอย่างแน่นอน ฮอนมองไปรอบๆ ด้วยแววตาลุกโชน จากนั้นจู่ๆ ก็จับสายเชือกกางเกงแล้วดึงออก ความเป็นชายที่ถูกเก็บซ่อนไว้จึงเผยออกมาและขยับราวกับหาที่ที่จะเข้าไป จากนั้นเขาจึงจับสองมือของรยูฮาที่ห้อยลงไปขึ้นมาและใช้เชือกที่พันอยู่รอบเอวมามัดติดไว้กับเตียงอย่างแน่นหนา 

 

 

ไม่ว่าเมื่อใดเขาก็ชอบรยูฮาที่มีความสง่างามเสมอ ดังนั้นการที่นางถูกมัดอย่างหมดเรี่ยวแรงแบบนี้จึงเป็นภาพที่แปลกตาพอสมควร ทั้งแปลกตาและเร้าใจ ฮอนพินิจมองรยูฮาราวกับลุ่มหลงพลางจับความเป็นชายที่ใกล้จะระเบิดแล้วขยับขึ้นลงช้าๆ ความเปียกชื้นที่ไหลออกมาจากปลายหัวช่วยให้ขยับได้ง่ายขึ้นเล็กน้อย เขาอ้าต้นขาของรยูฮาที่นอนอยู่บนเตียงโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวออก ก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไประหว่างเนินเนื้ออวบอิ่ม ร่างกายที่ตอบสนองต่อการเร้าโดยไม่บกพร่องแม้เจ้าของร่างกายจะหลับอยู่ก็ตามได้สร้างของเหลวเหนียวเหนอหนะออกมาเพื่อปกป้องเนื้ออันบอบบาง เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนต้นแขนที่ค้ำเตียงเพื่อประคองตัวไว้ การขยับหัวเรือและบดขยี้เข้าไประหว่างหุบเขาค่อยๆ เร็วขึ้นทีละนิด ภายในดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยรยูฮา ความเป็นชายที่คับแน่นเต็มฝ่ามือเริ่มแข็งขึ้นประหนึ่งก้อนหิน หัวเรือแตะตรงปากทางเข้าและถูไปมาทำท่าเหมือนกับจะเข้าไปในประตูที่ชื้นแฉะแต่ก็ไม่เข้า 

 

 

“อึก!” 

 

 

ความปรารถนาที่ขยายใหญ่ขึ้นโดยไม่รู้ขีดจำกัดระเบิดออกมาในคราวเดียวพร้อมกับเสียงครางทุ้มต่ำ ความสุขสมอันเลือนรางทำให้หัวสมองของเขากลายเป็นสีขาวโพลน แต่แทนที่ความปรารถนาจะสงบลง มันกลับพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงยิ่งกว่าก่อนไปถึงฝั่งฝันเสียอีก 

 

 

“เจ้า จริงๆ เลย!” 

 

 

ฮอนถูมือที่เปียกกับเตียงแล้วโน้มตัวลง 

 

 

“เอาอะไรให้ข้ากินกันแน่เนี่ย” 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] ชะมดต้น เป็นพืชในวงศ์ Malvaceae เป็นพืชล้มลุก อายุปีเดียว ใบเดี่ยว ผิวใบมีขนรูปดาวทั้งสองด้าน ก้านใบยาว ดอกเดี่ยว กลีบดอกสีเหลือง โคนกลีบสีแดง มีกลิ่นฉุน