เขารู้สึกเศร้าใจเมื่อเห็นมือของคู่รักหนุ่มสาวที่จับประสานกันเริ่มซีดเซียว หมอพยายามทำจิตใจให้สงบลงพลางใส่กระบอกเข็มที่เตรียมไว้ลงไปที่เดิม 

 

 

“แล้วยา มันไม่สามารถรักษาด้วยยาได้เลยหรือ” 

 

 

“ไม่เลย มดลูกก็อุ่น กระดูกก็แข็งแรง ทุกอย่างดีหมด นี่เจ้ากินอะไรเป็นอาหารกันเนี่ย เข็มก็ไม่ได้ ยาก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้เลย เพราะฉะนั้นข้าจะไม่รับเงินก็แล้วกัน” 

 

 

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ไม่อยากจะได้ยินแม้แต่น้อย ทั้งสองคนก็เงียบไปตลอดทางกลับพระราชวัง แต่ภายในหัวของทั้งคู่กำลังยุ่งอยู่กับการคิดเรื่องอื่น ไม่ใช่สิ พวกเขาไม่ได้กำลังคิดอะไรอยู่เลย แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกกลัวในตอนที่ผลตรวจของหมอถูกสรุปออกมา แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องคิดในฐานะพระราชากับพระมเหสี รวมถึงในฐานะคู่รักที่แบ่งปันความรักกันด้วย 

 

 

“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าข้าไม่ชอบนางสนม” 

 

 

ถึงจะดึกดื่นแล้วแต่ก็หลับไม่ลง ทันทีที่เข้ามาในห้องนอน เสียงอันเด็ดขาดของฮอนก็ขัดขึ้นมาก่อนที่รยูฮาจะพูด 

 

 

“ในประวัติศาสตร์ของแทซากุกไม่มีพระราชาองค์ไหนที่ไม่รับนางสนมเข้ามาเลยนะเพคะ” 

 

 

“แม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหาไปจนถึงประเทศใกล้เคียง ข้าก็จะหายามาให้จนได้ แต่ถ้าหากทำเช่นนั้นแล้วก็ยังมีลูกไม่ได้” 

 

 

เหมือนกับที่ฮอนรับรู้ความคิดของรยูฮา รยูฮาเองก็รับรู้ความคิดของฮอนได้จากเพียงแค่มองแววตาที่ดูเสียดายเช่นกัน และยังรู้อีกว่าความคิดนั้นดูไม่ดีเท่าไหร่ 

 

 

“ไม่ได้เพคะ ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถิดเพคะ” 

 

 

“รยูฮา” 

 

 

“เด็กคนนั้นสำคัญกับหม่อมฉันพอๆ กันกับที่หม่อมฉันสำคัญกับฝ่าบาทเพคะ ปล่อยไปเถิดเพคะ” 

 

 

“แต่ใจของข้า” 

 

 

ความเจ็บปวดรวดร้าวแทรกซึมลงไปแม้กระทั่งในน้ำเสียง 

 

 

“อย่างที่เจ้าไม่ทอดทิ้งข้าซึ่งกำลังจะตายไป ข้าเองก็ไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้เช่นกัน” 

 

 

“มันไม่ใช่เรื่องยากเลยเพคะ ง่ายเหมือนกะพริบตาทีเดียวเลยเพคะ” 

 

 

“ไหนเจ้าบอกว่าต่อให้เอามีดมาจ่อคอก็จะไม่พูดโกหก” 

 

 

มันจะไม่ยากได้อย่างไรกัน ทั้งการที่ฮอนนอนไม่มีสติและการที่จะต้องคอยดูแลเขา มันจะไม่ยากได้อย่างไร เป็นครั้งแรกที่รยูฮาพูดโกหกหลังจากเจอกับฮอน ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของชั่วยามก็ถูกจับได้เสียแล้ว 

 

 

“ประเทศ…ข้าจะปกครองอย่างดี แม้จะไม่มีรัชทายาท แม้จะถูกตัดออกจากวงศ์ตระกูลก็ไม่เป็นไร หากพวกเราแก่ตัวขึ้นก็ยกราชบัลลังก์จิ๊บจ๊อยให้ใครสักคนแล้วย้ายออกไปด้วยกันเถอะ ไปใช้ชีวิตที่มีแค่เราสองคนจริงๆ ไม่มีทหารองครักษ์และไม่มีข้าราชบริพาร” 

 

 

แค่นั้นก็เพียงพอแล้วเพคะ รยูฮาสัมผัสกับความอบอุ่นที่ประทับตรงริมฝีปากและกระซิบโดยไร้เสียง มือที่เต็มไปด้วยความรักใคร่และถวิลหาราวกับเป็นครั้งแรกลูบไล้ตัวนาง ก่อนจะดับไฟในตะเกียง เหลือแค่เพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองภายในโลกที่จมอยู่ในความเงียบงัน แม้จะเป็นพระจันทร์เต็มดวง แต่ดวงจันทร์ที่ควรจะต้องลอยสว่างขึ้นมากลับซ่อนตัวอยู่ใต้เมฆเป็นเวลายาวนาน 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“ยาสมุนไพรเพคะพระมเหสี” 

 

 

“ขอบใจนะ” 

 

 

กลิ่นยาสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่ววังจานยองและยังคงไม่จางหายไป ไม่ใช่แค่เพียงสมุนไพรของวังหลวง แต่สูตรลับที่หาได้ทั่วไปก็ล้วนแต่ผสมน้ำดีของเสือขาวอันล้ำค่าเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตามรยูฮารู้อยู่แล้วว่าฤทธิ์ของส่วนผสมทั้งหมดเหล่านี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะถูกผลักออกจากร่างกาย ซึ่งเหตุผลที่นางยังดื่มยาสมุนไพรรสขมนี้วันละหลายรอบโดยไม่บ่นสักคำก็เพราะว่ามันคือความตั้งใจของฮอนนั่นเอง 

 

 

“คือว่า…เด็กๆ ที่ทรงรับสั่งคราวก่อนพร้อมแล้วเพคะ” 

 

 

กึก ถ้วยสีขาวถูกวางลงบนโต๊ะสำรับที่ยางจินถือเข้ามาเหมือนเดิม แม้จะยัดพุทราแช่น้ำผึ้งเข้าปากไปชิ้นหนึ่งก็ยังขมอยู่ดี ทำไมถึงได้ขมขนาดนี้นะ รยูฮาเคี้ยวไปมาหลายครั้งแล้วกลืนลงไป จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนทันที 

 

 

“นำไปสิ ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง” 

 

 

สถานที่ที่ห่างออกไปทางด้านหลังของวังจานยอง แต่เดิมเคยเป็นห้องนอนที่พวกข้าราชบริพารใช้ แต่เพราะว่านางไม่ได้มีข้าราชบริพารมากมายต่างกับพระมเหสีสมัยก่อนๆ ส่วนอื่นๆ ยกเว้นอาคารที่ใกล้กับห้องบรรทมที่สุดจึงว่างเปล่า ปกติแล้วหากไม่ใช่ข้าราชบริพารที่มาทำความสะอาดเป็นครั้งคราวก็ไม่มีคนผ่านมาทางนี้เลย แต่วันนี้มันต่างออกไป บรรดาสาวบริสุทธิ์ประมาณห้าหกคนกำลังรอพระมเหสีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและตัวสั่นระริกแม้ในสภาพอากาศร้อนในยามค่ำคืนของกลางฤดูร้อน 

 

 

“ห้ามเงยหน้าขึ้นเด็ดขาด และหากพระองค์ตรัสถามก็จงตอบทันที ห้ามเปิดปากพูดก่อน นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำในคืนนี้ จำใส่ใจไว้แล้วใช่ไหม” 

 

 

“เจ้าค่ะ” 

 

 

พวกนางคือสาวบริสุทธิ์ที่มารวมตัวกันหลังจากถูกคัดเลือกจากบรรดานางในที่มีรูปร่างหน้าตาดีและส่วนสูงเท่าๆ กันกับรยูฮา จากนั้นถูกตรวจสอบโดยขันทีอีกครั้ง ทั้งยังผ่านการตรวจสอบจากบัณฑิตแห่งควานซังกัม[1]อีกด้วย หลังจากโซฮวากวดขันพวกนางอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสร็จ บานพับประตูเก่าๆ ก็ส่งเสียงโอดครวญออกมาอย่างเศร้าสร้อยดังเอี๊ยด 

 

 

“เจ้า คนที่อยู่ซ้ายสุด อายุเท่าไหร่” 

 

 

“ปีนี้อายุสิบเก้าเจ้าค่ะ” 

 

 

คำตอบของสาวบริสุทธิ์ที่เปล่งออกมาอย่างยากลำบากด้วยความสั่นเครือทำให้โซฮวาพูดเสริมขึ้นมา 

 

 

“จากคำพูดของบัณฑิตแห่งควานซังกัม เขาได้บอกว่านางเป็นเด็กที่มีท้องน้อยอุ่น ดวงตาสดใสจึงเป็นเด็กที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดเพคะ” 

 

 

“ให้เด็กคนนี้ผ่าน” 

 

 

รยูฮาอยู่ที่เรือนแห่งนี้ไม่นานนัก นางทำเพียงแค่ถามคำถามสำคัญและเลือกมาหนึ่งคนอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะหายวับไป ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น นางได้บังเอิญเจอกับฮอนที่เข้ามาที่สวนด้านหน้าวังจานยองพอดี แต่ก็ไม่แสดงอาการตื่นตระหนกใดๆ ออกไป 

 

 

“ออกมาทำอะไรหรือพระมเหสี” 

 

 

“เพราะว่าฝ่าบาทไม่เสด็จมา หม่อมฉันก็เลยออกมาเดินเล่นสักครู่น่ะเพคะ” 

 

 

แม้จะเป็นการโกหกแต่ก็รู้สึกสบายใจ ฮอนกุมมือรยูฮาอย่างอ่อนโยนก่อนจะพากันเดินเข้าไปด้านใน 

 

 

“หม่อมฉันได้สั่งให้ตั้งโต๊ะสุราไว้แล้ว จะทรงดื่มด้วยกันไหมเพคะ” 

 

 

“หากพระมเหสีรินให้ ข้าก็ต้องดื่มอยู่แล้วสิ” 

 

 

สิ้นเสียงประตูสามชั้นที่ถูกเปิดและปิดตามลำดับ ทั้งสองก็นั่งลงกับที่ รยูฮามักจะยกมุมปากขึ้นเสมอเมื่อเห็นโต๊ะเหล้า แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรใจถึงสงบนัก ในระหว่างที่ฮอนพยายามเพ่งพินิจสีหน้าของนางอยู่นั้น รยูฮาก็ยกขวดเหล้าขึ้นและรินลงในแก้วของทั้งสองตามลำดับ 

 

 

“หน้าหม่อมฉันจะทะลุแล้วเพคะ” 

 

 

“ข้าคิดถึงเจ้าตลอดทั้งวัน มองแค่นี้เอง ยอมให้สักหน่อยสิ” 

 

 

“ข้าเองก็คิดถึง” 

 

 

แม้จะเป็นคำตอบที่พึมพำไร้รอยยิ้มแต่ก็ดีมากแล้ว หัวใจของรยูฮาเจ็บจี๊ดเมื่อหางตาที่ยาวเป็นพิเศษของฮอนโค้งลง หนึ่งแก้ว สองแก้ว หลังจากนั้นกับแกล้มที่รยูฮาผลักออกไปโดยไม่ตั้งใจก็หล่นบนตักของฮอน 

 

 

“อ๊ะ ขอประทานอภัยเพคะ” 

 

 

“ถ้าเจ้าอยากขอโทษก็ขอโทษตรงนี้สิ” 

 

 

ฮอนหลับตาพร้อมกับตบปากตัวเองเบาๆ รยูฮายิ้มเล็กน้อย ในขณะที่ริมฝีปากแตะกันเบาๆ ก็มีบางอย่างไหลเข้ามาในแก้วเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง 

 

 

“แค่นี้รึ” 

 

 

“ที่เหลือไว้คราวหน้า” 

 

 

ฮอนยิ้มเบาๆ พลางถือแก้วเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียว ใช้เวลาไม่นานนักกว่ายาจะออกฤทธิ์ รยูฮาย้ายเขาที่คอพับหมดแรงไปที่เตียงนอนและจัดการถอดเสื้อผ้าออกด้วยตัวเอง ขนตาที่หลุบลงมาอย่างสวยงามและสันจมูกที่คมเป็นสง่าทำให้จิตใจที่สงบนิ่งเริ่มสั่นไหว แต่นางก็เปิดประตูห้องนอนโดยไม่ได้แตะต้องอะไรฮอนอีก ตรงนั้นมีสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งห่อตัวด้วยผ้าห่มและกำลังแอบซ่อนด้วยสีหน้าหวาดกลัว ตัวสั่นระริก 

 

 

“มีขวดสีขาวอยู่ใต้หัวนอน หากอมมันไว้ในปากและป้อนให้ฝ่าบาท พระองค์ก็จะทรงตื่นขึ้นมา ห้ามเปิดไฟหรือส่งเสียงออกมาเป็นอันขาด พอเสร็จแล้วให้ออกมาหลังจากที่ฝ่าบาทบรรทมไปอีกรอบ” 

 

 

หลังจากสาวบริสุทธิ์เข้าไป ไม่นานนักแสงไฟในตะเกียงสลัวก็หายไป รยูฮาเขย่าขวดเหล้าที่ถืออยู่ในมือไปมาในขณะที่เดินออกไปข้างนอก แม้จะไม่สามารถออกไปข้างนอกวังจานยองได้ แต่ฝีเท้าของนางก็มุ่งตรงไปที่สวนด้านหลังซึ่งห่างไกลจากห้องนอนที่สุดโดยไม่ได้ตั้งใจ นางไม่มีความรู้สึกเสียใจที่ได้ทำลงไปเลย เพราะหากฮอนนอนเหมือนตายอยู่ตรงหน้าพร้อมกับยาถอนพิษอีกครั้ง นางก็จะทำแบบเดียวกันเหมือนเดิม 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] ควานซังกัม หน่วยงานหนึ่งในราชสำนักเกาหลีสมัยโบราณ คอยดูแลเรื่องการสอบควากอและดูแลเรื่องประเพณีต่างๆ ในราชสำนัก