ตอนที่ 14-12
เมื่อออกมาจากประตูพระราชวัง ระฆังบอกเวลาห้ามออกข้างนอกก็ดังขึ้นแล้ว หากเป็นถึงระดับท่านมหาเสนาบดีจะนั่งเกี้ยวซึ่งมีคนหามแปดคน ไม่ใช่เกี้ยวคนหามสี่คนไปไหนมาไหนก็ไม่มีใครพูดอะไร แต่เขาก็มักจะขี่ม้าเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมกับมีผู้ติดตามเพียงคนเดียวเสมอ ท่านมหาเสนาบดีซึ่งรีบกลับบ้านเร็วกว่าปกติเล็กน้อยไถ่ถามถึงลูกชายคนรองทันทีที่มาถึง
“ฮาแบคอยู่ที่ไหนรึ”
“อยู่ที่ห้องยาขอรับ”
มินอาที่ออกมาข้างนอกพอดีเพราะรู้สึกอึดอัดจึงออกมารับลม ต้อนรับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านพ่อ”
หน้าท้องของนางป่องขึ้นมาพอสมควร ดังนั้นยิ่งเวลาผ่านไปจึงเห็นได้ชัดว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ และในอีกสามสี่เดือนข้างหน้าก็จะถึงเดือนที่จะต้องคลอดลูกแล้ว ท่านมหาเสนาบดีรู้สึกปลื้มใจกับคำเรียกที่ว่าท่านพ่อ ไม่ใช่ท่านอาจารย์หรือใต้เท้าอีกต่อไป เขาจึงวางธรรมเนียมปฏิบัติลงและคุยกับนางอย่างสบายๆ
“ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ทำไมถึงยังไม่นอนอีก”
“ยังไม่ดึกขนาดนั้นสักหน่อยเจ้าค่ะ นอกจากนั้นแล้วดูเหมือนว่าลูกจะเบื่อด้วยเจ้าค่ะ พอเอนตัวนอนลงก็เอาแต่ถีบอยู่เรื่อยจนนอนไม่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“ข้ากำลังจะไปห้องยา ไปด้วยกันเถอะ คิดเสียว่าไปเดินเล่น”
“ท่านพี่น่าจะกำลังหายาสมุนไพรให้ข้าอยู่น่ะเจ้าค่ะ”
หลังจากถือตะเกียงไฟพลางพูดคุยกันอย่างถูกคอได้สักพักก็มาถึงห้องยาที่ฮาแบคแทบจะใช้ชีวิตอยู่ในนั้น เขาที่กำลังยุ่งกับงานอยู่เพียงลำพังจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างให้ ต้นโทซาจาที่ใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อที่จะนำไปถวายแด่พระราชา ตอนนี้ได้ถูกห่อไว้อย่างดีเพื่อที่จะให้สามารถนำไปต้มรับเสวยได้ทันที ฮาแบคอธิบายให้ท่านมหาเสนาบดีฟังว่าจะต้องต้มอย่างไรและข้อควรระวังมีอะไรบ้าง แต่แล้วจู่ๆ เขาก็หันหน้าไปด้วยความรู้สึกตะหงิดใจ
“อันนั้นห้ามแตะต้อง!”
มินอาหยุดมือที่กำลังยื่นออกไปตรงผลไม้สีแดงและงดงามซึ่งมีอยู่ไม่กี่เม็ดบนกิ่งซึ่งปกคลุมไปด้วยหนาม
“เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ยาพิษหรือเจ้าคะ”
“มันคือส่วนหนึ่งในยาถอนพิษที่ใช้ตอนที่พระราชาเสวยยาพิษเข้าไป แต่ยังไงพิษก็คือพิษ หากคนท้องกินเข้าไปก็อาจจะแท้งได้เลย ดังนั้นอยู่ห่างๆ มันไว้ อย่าแม้แต่ดมกลิ่นของมันด้วย”
ส่วนหนึ่งของยาถอนพิษ ลางร้ายคืบคลานเข้ามาหามินอา
“แล้วถ้าหาก ผู้หญิงที่ไม่ตั้งครรภ์กินสิ่งนี้เข้าไปจะเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ”
“มันก็ต่างออกไปตามสภาพร่างกายน่ะ แต่เพียงแค่ปริมาณน้อยก็สามารถทำให้เป็นหมันได้เหมือนกัน”
เป็นยาสมุนไพรที่ทั้งล้ำค่าและอันตราย คำพูดต่อมาของฮาแบคไม่เข้าหูมินอาเลยสักนิด ตอนนี้นางเห็นภาพตัวเองกำลังยืนอยู่ข้างๆ รยูฮาซึ่งผอมแห้งและซีดเซียว ณ วังจงซูในอดีต
‘ยาถอนพิษเพคะ ได้มาจากองค์รัชทายาท พระองค์ตรัสว่า ยาถอนพิษนี้…จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกสองเดือนเพคะ’
รยูฮากลืนมันลงไปหนึ่งเม็ดโดยไม่เปิดโอกาสให้นางได้ห้าม ท่ามกลางเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างกระวนกระวายใจ ไม่มีเรื่องใดๆ เกิดขึ้น จากนั้นนางจึงใส่เข้าปากอีกหนึ่งเม็ดและทำให้ละลาย ก่อนจะป้อนมันเข้าปากฮอน
“ท่านว่าเป็นหมันหรือเจ้าคะ”
“ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่พวกนางโลมซื้อขายกันด้วยเงินจำนวนมากไงล่ะ แต่ข้าไม่ได้จะขายนะ”
ริมฝีปากของมินอาสั่นระริก นางโอบกอดท้องที่แข็งขึ้นด้วยความเครียดโดยฉับพลันพร้อมกับทรุดนั่งลงไปกับพื้น ทันใดนั้นท่านมหาเสนาบดีที่ตื่นตกใจจึงเข้าไปประคองนางไว้และให้นั่งบนเบาะรองนั่งที่เขานั่งอยู่เมื่อสักครู่ จากนั้นเมื่อเสียงที่บีบเค้นออกมาได้อย่างยากเย็นเปล่งออกมาจากปากของมินอา เขาจึงหันไปมองที่ผลไม้ซึ่งเจือด้วยเลือดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พระมเหสีเสวยเข้าไปเจ้าค่ะ ยาถอนพิษนั่น ก่อนที่จะส่งไปให้ท่านพี่”
ตอน 15-1
ตึกตัก
หัวใจที่เต้นอย่างแข็งขันส่งเสียงออกมาแบบไม่เคยเป็นมาก่อน และเป็นอย่างนั้นไปเรื่อยๆ รยูฮาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและกะพริบตาอย่างช้าๆ จากนั้นจึงยืนตัวตรง สายตาที่จ้องมองกลับไปหาฮอนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไร้การสั่นไหว
“หม่อมฉันจะไปเรียกหมอหลวงให้มาตรวจชีพจรเพคะ”
ฮอนวางมือที่หยาบกระด้างเป็นพิเศษไว้บนมือของรยูฮาพลางส่ายหัว เลือดที่เย็นอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยจากอุณหภูมิร่างกายของนาง
“ปลอมตัวซะ ต้องตามหมอจากข้างนอกมา”
หากผลตรวจออกมาว่าเป็นหมันซึ่งมีโอกาสหนึ่งในร้อยจริง ตำแหน่งของรยูฮาก็จะสั่นสะเทือนไปด้วย เนื่องจากในขั้นตอนการคัดเลือกคู่อภิเษกสมรสจะต้องคัดเฉพาะสตรีที่สามารถตั้งครรภ์ได้เท่านั้น ถึงแม้ว่าตำแหน่งพระมเหสีจะไม่ถูกคุกคาม เนื่องจากมีคุณงามความดีของตระกูลท่านมหาเสนาบดีอยู่ แต่คงจะมีนางสนมเข้ามาอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ
“ข้างนอกนั่น ไม่มีหมอที่เก่งกาจกว่าหมอหลวงหรอกเพคะ หม่อมฉันต้องการผลตรวจที่แม่นยำเพคะ”
“ไม่ได้นะ ถ้าหากว่า…!”
ถ้าหากผลตรวจจากหมอหลวงออกมาว่าไม่สามารถมีลูกได้ ฮอนกลืนประโยคนั้นที่ไม่สามารถพูดออกไปได้ลงไปพร้อมกับน้ำลายเหนียวๆ
“จะมีใครไล่หม่อมฉันออกไปจากวังจานยองหรือเพคะ หลังจากตรวจชีพจรเรียบร้อยแล้ว หม่อมฉันจะรับนางสนมเข้ามาตามผลตรวจนั่นเพคะ”
“ซอรยูฮา!”
แม้ว่าฮอนจะแสดงความโมโหออกมาพร้อมกับลุกพรวดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถห้ามเสียงของรยูฮาซึ่งตรงออกไปนอกประตูได้
“ขันทีโจอยู่ด้านนอกหรือเปล่า!”
“พ่ะย่ะค่ะ พระมเหสี”
“ไปตามหมอหลวงมา!”
“ไม่ได้ อย่าเรียกมา ข้าบอกให้ถอยออกไปห่างๆ ไง!”
“ไม่ได้ยินหรือไง! ข้าบอกให้ไปตามหมอหลวงมา!”
ควรจะไปตามหรือไม่ไปตามกันแน่ ขันทีโจซึ่งยืนอยู่ด้านนอกกระวนกระวายอยู่เพียงลำพัง สายตาที่จ้องมองกันราวกับจะจับอีกฝ่ายกินปะทะกันตรงระหว่างโต๊ะกลม
“ทรงตั้งใจจะทำลายความยุติธรรมเพียงเพราะความรักหรือเพคะ”
“เจ้าคิดว่าความยุติธรรมสำคัญกว่าความรักของข้าอย่างนั้นหรือ”
“คิดเช่นนั้นจึงจะให้หม่อมฉันแอบออกไปหาหมอข้างนอกอย่างนั้นหรือ…”
“ขอร้องล่ะ! ช่วยหยุดพูดหน่อยเถอะ!”
ดูเหมือนว่าฝั่งที่ไม่เรียกหมอหลวงจะถูกต้อง ขันทีโจกลัวว่าเสียงของทั้งคู่จะเล็ดลอดออกไปข้างนอก จึงไล่พวกนางในที่ถอยออกไปไกลออกไปข้างนอกตำหนักให้หมด
“เลิกพูดได้แล้ว ได้โปรด ช่วยฟังคำของข้าสักครั้ง”
แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมนางได้ แต่เขาก็กอดนางไว้แน่นพร้อมกับกระซิบกระซาบราวกับอ้อนวอน อุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นเป็นพิเศษและชีพจรที่สั่นสะเทือนไปถึงรยูฮาถูกถ่ายทอดผ่านทางผ้าไหมสีขาว บางทีนางอาจจะหวังให้เขาทำเช่นนี้ แต่ก็หวังให้ฮอนโมโหและตะโกนออกมาเช่นเดียวกัน หัวใจที่หยุดเต้นเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งอย่างระมัดระวัง
“ขันทีโจ”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“จงไปเตรียมม้าซะ”
เนื่องจากเป็นการแอบออกไปโดยที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าจึงมีเพียงแค่ทหารองครักษ์สองนายเท่านั้นที่ตามหลังพวกเขาทั้งสองไป แม้ว่าหญิงสาวผอมบางที่อยู่บนหลังม้ากับชายหนุ่มผอมสูงที่โอบกอดนางไว้จะเป็นจุดสนใจของผู้ที่ผ่านไปมา แต่เนื่องจากหายตัวไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาจึงเลิกสนใจในทันที หลังจากเดินทางมาสักพักใหญ่ ม้าก็หยุดลงตรงหน้าบ้านของหมอซึ่งตั้งอยู่ในตรอกที่เปลี่ยวไร้ผู้คน ฮอนกระโดดพรวดลงไป ก่อนจะอุ้มรยูฮาและวางลงบนพื้น
“หมดเวลาตรวจวันนี้แล้ว ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้”
ชายชราขมวดคิ้วและออกมาบ่นพึมพำ เนื่องจากเสียงเกือกม้าที่มาอย่างปุบปับ แต่เพราะแววตาที่มองลงมาจากเหล่าทหารที่ดูท่าทางโกรธทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายเขาก็ดื่มน้ำเย็นเข้าไปรวดเดียวเพื่อให้ตื่น ก่อนจะวางนิ้วมือสองนิ้วลงบนข้อมือที่มีเส้นเลือดสีน้ำเงิน ผ่านไปสักพักหมอก็เดาะลิ้นดังจิ๊ ฮอนจึงรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่เขากำลังตรวจดูดวงตาและช่องปากของรยูฮา
“แข็งแรง เพราะว่าแข็งแรงเกินไป นั่นแหละคือปัญหา”
ชายชราบ่นพึมพำอย่างห้วนๆ และเดาะลิ้นอีกสองที จากนั้นจึงวางข้อมือให้ตรงที่เดิม
“หมายความอย่างไร”
“ก็ตามที่บอกไปนั่นแหละ ถึงจะกินรากโสมเป็นเครื่องเคียงแต่ก็ไม่น่าเป็นถึงขนาดนี้ ไม่มีส่วนไหนในร่างกายเลยที่ถูกสิ่งแปลกปลอมรุกราน แล้วแบบนี้จะไปมีลูกได้อย่างไร ในเมื่อร่างกายของแม่ผลักไสแม้กระทั่งเมล็ดพันธุ์ นี่คือสิ่งที่ข้าจะพูด”