“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”
ตงฟางเถียนเฟิงถามนางเร่งเขาโดยแสดงความไม่พอใจออกมา
ยอดฝีมืออย่างกู้ไทซูที่พยายามเอาใจนางนั้นมีมากมายดั่งมัจฉาในวารีนางจะต้องสุภาพกับคนเหล่านั้นทำไมเล่า?
กู้ไทซูไม่เคยก้มหัวให้ซือหยูเขาหรี่ตาพูด
“แม่นางเถียนเฟิงข้าคิดว่าเจ้าอาจได้ตัวจ้าวสวนบุพผาโดยไม่ต้องเสียจ้าวสวนตำราไปหรอก”
“เจ้าคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันรึ?”
ตงฟางเถียนเฟิงถาม
กู้ไทซูถามซือหยูและพยักหน้าช้าๆ เขาไม่อยากจะสู้กับซือหยูเพียงลำพัง และถ้าเขาจับมือกับบุตรสาวแห่งตระกูลบูรพา โอกาสชนะของเขาจะเพิ่มขึ้นไปถึงแปดในสิบส่วน
ตระกูลบูรพาย่อมไม่ปล่อยให้ตงฟางเถียนเฟิงเสี่ยงนางจะต้องมีสมบัติที่แข็งแกร่งติดตัวมาด้วย ด้วยพลังของนาง การกำจัดซือหยูถือว่าเป็นไปได้
“ฝันไปเถอะ!”
แต่สิ่งที่เขาได้ก็คือคำตอบห้วนๆ จากตงฟางเถียนเฟิง
“ถ้าข้าเอามาได้เองทำไมข้าจะต้องแอบตามเขามาเล่า?”
ตงฟางเถียนเฟิงถามกลับ
กู้ไทซูขมวดคิ้วหรือว่าตงฟางเถียนเฟิงจะรู้ความยิ่งใหญ่ของซือหยูแล้ว? นางดูกลัวซือหยูจนถึงยอมแลกจ้าสวนอีกคน
“เฟิงเอ๋อของข้าบอกว่าเขามีอันตรายหลายอย่างอยู่กับตัวข้าไม่อยากจะเสี่ยง”
ตงฟางเถียนเฟิงลูบวิหคเพลิงที่นางยืนอยู่
ของอันตรายรึ?กู้ไทซูไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้วส่งจ้าวสวนตำรามา!”
ตงฟานเถียนเฟิงตะโกน
กล้ามเนื้อบนใบหน้ากู้ไทซูหดเกร็งเมื่อถูกรบเร้าอีกครั้งตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเอาใจตงฟางเถียนเฟิงแต่เลี่ยงไม่ให้นางโกรธเขา
ตงฟางเถียนเฟิงนั้นมีคนคอยเอาใจอยู่แล้วสิ่งที่เขาทำย่อมไม่ทำให้นางพอใจ แต่ถ้าหากเขาไม่ทำ มันก็เสี่ยงที่นางจะโกรธ! เขามิอาจทำอย่างซือหยูได้ เขาได้แต่กลืนความแค้นลงไป
กู้ไทซูก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและจ้องมองซือหยูเขาส่งตัวจ้าวสวนตำราและเงียบอยู่ตลอดเวลา
ซือหยูยืนมือไพล่หลังเขาฉีกยิ้ม
“พี่กู้นี่เรียกว่าให้ทานหรือไม่? ถึงข้าจะเทียบฐานะกับพี่กู้ไม่ได้ในดินแดนพรสวรรค์ ข้าก็ไม่เคยขออะไรจากใคร”
“แม่นางเถียนเฟิงอยากจะแลกจ้าวสวนตำรากับจ้าวสวนบุพผาของเจ้าถ้าเจ้าไม่อยากมีปัญหาก็แลกมาซะ!”
ซือหยูแสร้งทำเป็นตกใจ
“โอ้พี่กู้เป็นฝ่ายขอจากข้าเองหรอกรึ พี่กู้ดูจะพูดผิดน้ำเสียงอยู่นะ”
กู้ไทซูหรี่ตา
“ซือหยูเซี่ยน!ได้คืบอย่าเอาศอก!”
ซือหยูหันไป
“ถ้าพี่กู้คิดว่าข้าหยาบคายแล้วเราจะหารือกันไปทำไม?”
ตงฟางเถียนเฟิงร้อนใจนางจ้องมองกู้ไทซู บ่งบอกว่าเขาจะมีปัญหาถ้าเจรจาล้มเหลว
กู้ไทซูใจหายเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของนางและก็เป็นอย่างที่คิด มันไม่ง่ายที่จะทำให้ตงฟางเถียนเฟิงประทับใจ แต่นางพร้อมจะโมโหในทุกวินาที ถ้าเขารู้มาก่อนหน้านี้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น เขาจะทำเป็นไม่รู้จักตงฟางเถียนเฟิงและไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้
กู้ไทซูรีบทำใจให้เย็นลง “น้องซือแม่นางเถียนเฟิงปรารถนาอยากแลกตัวจ้าวสวนตำรากับจ้าวสวนบุพผา ข้าขอร้องอย่างจริงใจให้เจ้าแลกสมบัติของเจ้ามาเสีย!”
ซือหยูไม่แม้แต่หันไปมองเขาพูด
“พูดดังๆ ซิ ข้าไม่ได้ยิน”
เส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผากกู้ไทซูเขาหายใจเข้าลึกและพูดซ้ำ
“ข้าขอร้องให้เจ้าแลกสมบัติของเจ้ามา!”
“ข้ายังไม่ได้ยินนะ”
ซือหยูยักไหล่
กู้ไทซูร้อนรุ่มไปด้วยจิตสังหารเขาข่มใจที่อยากจะหันหลังจากไป เขาใช้พลังชีวิตและใช้วิชาคลื่นเสียงในครั้งสุดท้าย
“‘ข้า! ขอร้อง! เจ้า! น้อง! ซือ!’ เจ้าได้ยินข้ารึยัง?”
กู่ไทซูใบหน้าดำมืดราวกับวารีลึก
ซือหยูจิ้มนิ้วที่หู “โอ้ข้าได้ยินแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นก็ส่งตัวจ้าวสวนบุพผามาซะ!” ไอลีนโนเวล
กู้ไทซูโมโหร้าย
ซือหยูผายมือ
“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะยอมแลกนี่!ลาก่อน พี่กู้ แล้วเจอกัน”
หลังจากโบกมือซือหยูมุ่งหน้าไปที่กลางสวนวิชา
กู้ไทซูตกตะลึง
“เจ้าอยากตายเรอะ!!”
เขาถูกซือหยูยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขาก็ล้มเหลวในการได้ตัวจ้าวสวนบุพผา กู้ไทซูหมดความอดทนแล้ว
“เจ้ามันเศษขยะ!”
ตงฟางเถียนเฟิงจ้องมองเขาดวงตาระยิบระยับของนางทั้งหงุดหงิดและแค้นเคือง
“เอาจ้าวสวนตำรามาให้ข้า!” กู้ไทซูจ้องมองนางกลับไปจิตสังหารยังคงแอบซ่อนอยู่ในใจ ถ้าหากเขามั่นใจจริง ๆ เขาจะทำให้นางกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว เขาไม่เคยอัปยศเช่นนี้มาก่อนเลย! ถึงอย่างนั้นนางก็เป็นคนตระกูลบูรพา ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กู้ไทซูไม่กล้าแตะต้องนาง เขาต้องกลืนความแค้นกลับไปและมอบตัวจ้าวสวนตำราให้ด้วยสองมือ
“ฮื่ม!ข้าจะไปเอามาเอง!”
ตงฟางเถียนเฟิงรับจ้าวสวนตำราโดยไม่คิดจะสุภาพนางโยนวัตถุดิบล้ำค่าสองกำมือเป็นการชดเชยและบินไป
กู้ไทซูมองทิศที่ทั้งสองมุ่งหน้าไปและปล่อยจิตสังหารเข้มข้นออกมา
“ถ้าโอสถเก้าภูติของข้าปรุงเสร็จเมื่อไหร่ข้าจะได้เป็นร่างเก้าวิญญาณสมบูรณ์ ต่อให้ตระกูลบูรพาของเจ้าก็ต้องก้มหัวให้ข้า! ฮื่ม!”
…
ซือหยูบินตรงไปยังสวนวิชาเขามองด้านหลังหลายครั้ง เขายังคงสัมผัสได้ว่าตงฟางเถียนเฟิงยังตามเขาอยู่ นั่นทำให้เขาอึดอัดใจ
หากมีนางอยู่ใกล้ๆ ซือหยูจะไม่มีทางปลอดภัยในการใช้น้ำผึ้งร้อยบุพผาเพื่อบ่มเพาะวิชาได้ดีกว่าเดิมสิบเท่า ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาที่ปลอดภัย
ครึ่งวันต่อมาในจุดที่ซือหยู กู้ไทซู และตงฟางเถียนเฟิงเคยอยู่ กระทิงทองแดงเขียวได้ออกมาจากรอยแยกมิติ
“กลิ่นกายาเก้าวิญญาณรึ?”
กระทิงดมกลิ่นรอบๆ ด้วยความตกใจ
“มีลูกหลานของสามเผ่าพันธุ์สูงสุดในจิวโจวได้ยังไง?”
“แต่มีแค่วิญญาณเดียวที่ตื่นขึ้นมาเป็นแค่เพียงร่างต้น ยังคงไม่พอที่จะสร้างภัยพิบัติร้ายแรง!”
กระทิงพูดเบาๆ
“กลิ่นสำนักอสูรสวรรค์ก็อยู่ที่นี่ยังไปไม่ไกล!” กระทิงก้าวออกไปและหายไปในความว่างเปล่า
ครึ่งวันต่อมาซือหยูออกจากสวนตำราและไปถึงเทือกเขากว้างใหญ่ มีภูเขานับแสนลูกที่ถูกสร้างจากอาวุธที่พังทลาย อาวุธเหล่านั้นมีรูปร่างแปลกตา อาวุธบางชิ้นใหญ่จนไม่เหมือนอาวุธของมนุษย์
ท่ามกลางภูเขาหลายขนาดยอดฝีมือมากมายกำลังหาอาวุธที่ยังมีพลังเหลืออยู่ จำนวนยอดฝีมือที่ซือหยูพบนั้นเกินกว่าจำนวนยอดฝีมือในสวนบุพผาและสวนตำรารวมกัน
คนส่วนใหญ่มารวมตัวอยู่ณ ที่นี่
ม่อเทียนฉวนบอกว่าสวนวิชาตั้งอยู่ที่กลางสวนทั้งห้าและนับได้ว่าเป็นศูนย์กลางแดนมณี ไม่แปลกที่จะมีหลายกลุ่มมารวมตัวกัน
และด้วยเหตุนั้นเองหากวิบัติวิชามาถึงในสวนวิชา จำนวนความเสียหายจึงสูงสุด จะมียอดฝีมือสี่ส่วนถูกกำจัดหายไปโดยตรง วิบัติตำรายังไม่มาถึงวิบัติวิชาก็ยังมาไม่ถึง…ซือหยูคิดในใจ
ยังเหลืออีกสามวันกว่าวิบัติตำราจะเกิดขึ้นนอกจากจะมีอะไรเปลี่ยนไป เขาแน่ใจว่าตัวเองจะไม่เป็นอันตราย
ความรุนแรงของวิบัติแต่ละครั้งจะเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนหน้าวิบัติบุพผานั้นง่ายแก่การรับมือ แต่วิบัติตำรามิได้ง่ายดายเช่นนั้น
ซือหยูมุ่งตรงไปยังกลางสวนวิชา
มียอดฝีมือเก่งกาจมากกว่าครึ่งรวมตัวกันอยู่ที่นี่มีผู้คนอยู่ทุกหนแห่ง บรรยากาศค่อนข้างอึกทึก
เมื่อซือหยูมาถึงก็เห็นคนอัดรวมกันแน่น ทุกยอดเขาจะมีธงของกองกำลังต่าง ๆ ปักอยู่
เขาเห็นธงหลายแสนผืนปลิวตามแรงลมมันเป็นภาพที่ตระการตาทีเดียว
และเขาก็พบธงหลายผืนที่เป็นของตำหนักโลหิต!สุดท้าย หลังจากผ่านมาสองสวน เขาก็ได้เจอกับสหายร่วมสำนัก! เขามุ่งตรงไปยังภูเขาที่มีธงตำหนักโลหิต แต่เขาก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่เลย
“เอ๋?คนหายไปไหนกันหมด?”
ซือหยูตกใจ