ตอนที่ 174 ทำร้ายสตรีของเยี่ยน เบื่อชีวิตแล้วหรือไง

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

เยี่ยเม่ย “…”

 

 

ผลสรุปนี้มาจากไหนกัน

 

 

แนวคิดแบบคนโบราณต่างกับนางอยู่บ้าง

 

 

เมื่อเห็นสีหน้านางมองตนอย่างจนคำพูด แววตาทอความงงงวย คล้ายกำลังมองคนเสียสติ เป่ยเฉินอี้มุมปากกระตุก

 

 

สายตานี้ของนางคืออะไรกัน

 

 

หรือการกระทำของเขาไม่ปกติ

 

 

ยังไม่ทันคิดได้ว่าการกระทำของตนปกติหรือไม่ พลังปราณสีแดงเพลิงพุ่งเข้าใส่เป่ยเฉินอี้อย่างรุนแรง

 

 

เสี้ยววินาทีนั้น เป่ยเฉินอี้ถอยหลังอย่างว่องไว

 

 

หลบกระแสพลังขุมนั้น

 

 

จากนั้นก็มีพลังอีกกระแสหนึ่งพุ่งเข้าใส่หน้าเขา เป่ยเฉินอี้โคจรพลังภายในคล้ายลมกลุ่มหนึ่ง สลายกำลังภายในร้อนแรงของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกไป

 

 

ในขณะเดียวกัน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตวาดด้วยโทสะดังตามมา “กล้าทำร้ายสตรีของเยี่ยน เบื่อชีวิตแล้วหรือไง”

 

 

ในขณะพูด กำลังภายในอีกสายของเขาก็พุ่งใส่เป่ยเฉินอี้

 

 

นั่นคือไม่เปิดโอกาสให้อธิบายเลย

 

 

 “แก่นมารทลาย”

 

 

แสงเพลิงสะท้านฟ้า ไอปราณเผาทำลาย ทำให้เยี่ยเม่ยคนที่เพิ่งเริ่มฝึกกำลังภายใน จับจ้องอย่างตื่นกังวล

 

 

เป่ยเฉินอี้ก็ถูกการกระทำของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยั่วโทสะ กำลังภายในในมือเขาคล้ายสายลมทมิฬพัดขึ้นมา เข้าปะทะกำลังภายในของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “โทสะวายุ”

 

 

เยี่ยเม่ยไม่เอ่ยมากความ ตัดสินใจถอยร่นไปหลายก้าว

 

 

เป็นดังคาด

 

 

ถัดมา เกิดเสียงดังสนั่นลั่น ฝุ่นควันฟุ้งตลบ

 

 

บุรุษทั้งสองลงมือเช่นนี้…

 

 

ทำเอาห้องพังทลายแตกออกแล้ว

 

 

แตกออก

 

 

เป่ยเฉินอี้มาถึงชายแดน ห้องพักหลังแรกที่ใช้รับรองก็พังทลายด้วยเหตุนี้ ห้องพักพังแล้ว หลังจากแผ่นไม้แตกระแหงก็เกิดฝุ่นคลุ้ง ทำเอาเยี่ยเม่ยสำลักจนพูดไม่ออก

 

 

เพราะมั่นใจในฝีมือนาง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถึงกล้าลงมือเช่นนี้

 

 

เมื่อมองนางคำรบหนึ่ง เห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างคาด เขาก็วางใจ กวาดตามองเป่ยเฉินอี้อีกครั้ง คราวนี้พลังเพลิงที่เกิดจากลมปราณงอกเงยขึ้นมาจากพื้น แผดเผาไป

 

 

 “เพลิงสลายเงา”

 

 

เพลิงสลายเงาแผดเผาไปทั่วสารทิศ ทำให้เป่ยเฉินอี้หมดหนทางหนี ไม่ว่าตำแหน่งใด ก็มีเพลิงลุกลามไปถึง

 

 

แต่ก็เพลิงกลุ่มนี้ก็คล้ายกับมีดวงตา ไม่ลุกลามไปยังตำแหน่งที่เยี่ยเม่ยยืนอยู่

 

 

เยี่ยเม่ยเข้าใจดีว่าเกิดจากการควบคุมของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน

 

 

เป่ยเฉินอี้เห็นสถานการณ์ก็ไม่กล้าดูแคลน แววตาเจือโทสะ ดีดกายขึ้น ลมปราณสีนิลคล้ายกับพายุพัดกวาดไปทั่ว

 

 

โหมเปลวเพลิงบนพื้นของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับไปหาเจ้าของ “วายุมิสิ้นสุด”

 

 

เยี่ยเม่ยมองกระบวนท่าของยอดฝีมือ ฟังพวกเขาพ่นชื่อกระบวนท่าทั้งหลายออกมา คล้ายกับภาพในภาพยนตร์สามดีในยุคปัจจุบัน นางรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ลึกๆ

 

 

ร้ายกาจ ร้ายกาจ

 

 

จากนั้น

 

 

ในตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทอประกายโทสะ

 

 

กำลังภายในในมือเริ่มปะทุแตกกระจาย คล้ายระเบิดมุ่งทำลายเป่ยเฉินอี้ เอ่ยชื่อกระบวนท่าต่อเนื่องออกมาอีกหลายท่า

 

 

กำลังภายในสายหนึ่งตรงเข้าใส่ใบหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน

 

 

 “พลังเทพทำลายอี้”

 

 

จากนั้นกำลังภายในสีแดงก็พุ่งเข้าใส่ด้านหลังเป่ยเฉินอี้ ทำให้เขาถอยไม่ได้

 

 

 “ตัดทางอี้ถอย”

 

 

จากนั้นก็คล้ายมีกำลังภายในสีแดงอีกหลายสาย มุ่งเข้าทำลายใบหน้าเป่ยเฉินอี้

 

 

 “ตัดอี้เป็นพันชิ้น”

 

 

เยี่ยเม่ย “…?” ชื่อกระบวนท่าตั้งอย่างขอไปทีแบบนี้ก็ได้ด้วย

 

 

ในฐานะที่นางเป็นคนนอก ฟังชื่อเหล่านี้ก็รู้สึกได้ว่าไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย…นี่ตั้งใจจู่โจมคนเสียมากกว่า

 

 

เป่ยเฉินอี้ย่อมฟังออก ชื่อกระบวนท่าเหล่านี้มุ่งเป้ามาที่ตน

 

 

แต่ว่ากำลังแต่ละสายๆ พุ่งโจมตีเขา เป่ยเฉินอี้ในยามนี้ไม่พะวักพะวนคิดสิ่งอื่นอีก ทำเพียงแค่ตั้งมั่นรับมืออย่างเดียว

 

 

อย่างไรก็ตามความสามารถของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขาเป่ยเฉินอี้เข้าใจอย่างชัดเจน

 

 

หากไม่ระวัง เขาต้องตายใต้เงื้อมมือเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแน่

 

 

เขาจะถอย หลบ หรือโจมตีกลับ ทำให้การจู่โจมคร่าชีวิตในยามนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ช้าสีหน้าเป่ยเฉินอี้เปลี่ยนไป พลันกระอักเลือดสดคำหนึ่งออกมา

 

 

ชิงเกอหน้าเปลี่ยนสีทันที “ท่านอ๋อง”

 

 

ท่านอ๋องยังมีพิษอยู่ในร่าง ถึงจะรักษาไปได้กว่าครึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้กำจัดอีกครึ่งหนึ่ง ไม่ควรใช้กำลังภายใน ยามนี้ฝืนรับมือกับศัตรู ไม่บาดเจ็บภายในก็แปลกแล้ว

 

 

เป่ยเฉินอี้เช็ดเลือดบนริมฝีปาก สายตาเย็นชาตวัดมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน จากนั้นมองเยี่ยเม่ย “ทำให้เขาปกป้องเจ้าได้ถึงขั้นนี้ ข้าเริ่มสนใจคนที่บงการอยู่เบื้องหลังเจ้ามากขึ้นทุกที”

 

 

สามารถเอ่ยคำพูดที่คุ้นเคยกับเขาออกมาได้ เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนพบสตรีที่มีใบหน้าเหมือนกับอาซีทุกประการ จึงส่งมาอยู่เบื้องหน้าเขา

 

 

อีกทั้งสตรีนางนี้ยังทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปกป้องได้ขนาดนี้ ทำให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหลงใหลเสียจนตามติด ไม่เสียใจที่ลงมือกับเขา แต่ละกระบวนท่าหมายคร่าชีวิต เพื่อช่วยระบายโทสะให้นาง

 

 

คนที่อยู่เบื้องหลังนางคือใครกันแน่ เขาสงสัยเสียเหลือเกิน

 

 

เยี่ยเม่ยฟังแล้ว ก็ถอนหายใจยาว อธิบายว่า “ข้าบอกไปสองรอบแล้ว นี่เป็นครั้งที่สาม ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังข้าทั้งนั้น ส่วนที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปกป้องข้าถึงเพียงนี้ ก็เพราะเสน่ห์ของตัวข้าเท่านั้น หาได้ถูกล่อลวงได้อุบายแผนการ เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านว่าถูกต้องหรือไม่”

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายยังมีไอสังหารอยู่ น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยว่า “ไม่ผิด”

 

 

ระหว่างเอ่ย ดวงตาเย็นเยียบก็มองเป่ยเฉินอี้

 

 

เวลานี้ชิงเกอรีบชิงเข้ามาเอ่ยว่า “องค์ชายสี่ ท่านอ๋องก็แค่อยากรู้ฐานะของแม่นางเยี่ยเม่ยเท่านั้น ดังนั้นการกระทำอาจเกินเลยไปบ้าง ความจริง ท่านอ๋องมิได้คิดทำร้ายเลย”

 

 

จากสภาพร่างกายของเป่ยเฉินอี้ยามนี้ ชิงเกอเข้าใจดีที่สุด รู้อยู่แก่ใจว่าเตี้ยนเซี่ยของเขาไม่อาจใช้กำลังภายในอีก ดังนั้นหวังว่าทั้งสองจะสงบศึก

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว ก็กวาดสายตามองชิงเกอ เอ่ยว่า “ความหมายของเจ้าคือ เยี่ยนสมควรรอให้เขาทำร้ายคู่หมั้น แล้วค่อยลงมือกับเขาอย่างนั้นหรือ”

 

 

 “คู่หมั้น” เป่ยเฉินอี้พลันเงยหน้าขึ้น กวาดตามองเยี่ยเม่ย

 

 

เห็นว่าเยี่ยเม่ยฟังแล้ว ไม่คิดปฏิเสธ ก็พอรู้ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยความจริง

 

 

สายตาเป่ยเฉินอี้สงบลง

 

 

คู่หมั้น…

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ยามได้ยินว่าสตรีนางเป็นคู่หมั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน หัวใจเขาคล้ายถูกบีบ เจ็บปวดจับจิต ทั้งๆ ที่…

 

 

สตรีนางนี้มิใช่อาซี

 

 

เยี่ยเม่ยเชิดหน้า ความจริงเหตุการณ์ตรงหน้าล้วนเกิดขึ้นนอกเหนือความคาดหมายของนาง เดิมทีนางก็แค่แปลกใจว่าไฉนเป่ยเฉินอี้ถึงแตกตื่นเช่นนี้

 

 

คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวยังไม่กระจ่าง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็พุ่งเข้ามาฆ่าคน ต่อสู้กับเป่ยเฉินอี้ยกหนึ่ง ท่าทางปกป้องนางของเขา ทำให้เยี่ยเม่ยรู้สึกชอบมาก

 

 

มีคนผู้นี้ปกป้อง โดยเฉพาะเขาที่มีความสามารถขั้นนี้ นางก็แทบไม่ต้องกังวลว่าจะล่วงเกินใคร หรือเอาชนะใครไม่ได้อีก ถึงกระทั่งไม่ต้องลงมือเองก็แก้ไขปัญหาได้เรียบร้อย ยามนี้เยี่ยเม่ยคิดว่า คู่หมั้นผู้นี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

 

 

นางมองเป่ยเฉินอี้ พยักหน้าอย่างภูมิใจ เอ่ยปากว่า “ไม่ผิด ข้าคือคู่หมั้นของเขา”