เวลาผ่านไปท่ามกลางการกลั่นยาอย่างบ้าคลั่ง เหมือนเขากลายเป็นผู้ฝึกชี่ที่แท้จริงไปแล้ว นอกจากกลั่นยาก็คือกลั่นยา

พละกำลัง วิทยายุทธ ระดับการกลั่นยาของลู่ฝาน ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ภายใต้การกระทำอันบ้าคลั่งเช่นนี้

หลังผ่านไปครึ่งเดือน ลู่ฝานเข้าสู่แดนปราณชีวิตขั้นสาม

หลังผ่านไปสองเดือน ทะลุขั้นสาม เข้าสู่แดนปราณชีวิตขั้นสี่ ภายใต้การช่วยเหลือของยาทั้งหม้อ

หลังผ่านไปสามเดือน ตอนลู่ฝานกำลังกลั่นยามังกรน้ำไฟคู่ เขาทำความเข้าใจได้เล็กน้อย หลังจากนั้นกินยาไปสามหม้อ เข้าสู่แดนปราณชีวิตขั้นห้า

การยกระดับที่พุ่งไปเรื่อยๆ แบบนี้ ถ้าอยู่ข้างนอก คงทำให้ตกใจไปทั้งเขตตงหวาแน่นอน รวมไปถึงทั้งประเทศอู่อานด้วย

สามเดือน ยกระดับขึ้นสามขั้นต่อเนื่อง ความเร็วขนาดนี้ เรียกได้ว่าปีศาจ

น่าเสียดาย ที่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในคุกน้ำที่มืดไร้แสง นอกจากตัวลู่ฝาน ก็ไม่มีใครรู้

ขณะที่ลู่ฝานตั้งใจกลั่นยาจนลืมกินลืมนอน ทั้งสถาบันสอนวิชาบู๊ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ถ้าลู่ฝานหาเวลาไปดูกระจกจำภาพขนาดใหญ่ที่วางไว้ข้างประตู จะรู้ว่าตอนนี้คณะหนึ่งเดียว ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ในฐานะที่เป็นคณะอันดับหนึ่งในเก้าสำนัก นักเรียนใหม่แต่ละคณะในปีนี้ นักเรียนแทบจะเกือบครึ่ง ที่มีเป้าหมายเป็นคณะหนึ่งเดียว

หลังผ่านการประลองนักเรียนใหม่ที่ยิ่งใหญ่ ไม่รู้มีกี่คนที่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง เพราะไม่ได้เข้าคณะหนึ่งเดียว และมีอีกตั้งกี่คนที่เศร้าสลด เพราะไม่ได้เจอผู้ตรวจการลู่ในตำนาน

ถูกต้อง ตอนนี้ชื่อเสียงของผู้ตรวจการลู่ ดังไปทั่วสถาบันสอนวิชาบู๊ เพราะการมาถึงของนักเรียนใหม่พวกนี้

บวกกับทุกสิ่งที่ลู่ฝานทำในสถาบันสอนวิชาบู๊ ทำให้ศิษย์น้องทั้งหญิงทั้งชาย เกิดความเลื่อมใสผุดขึ้นในใจ

เมื่อนักเรียนเก่าพูดถึงลู่ฝาน ไม่ว่าเป็นคณะไหน ล้วนพูดได้เพียงว่านับถือ ถึงเป็นคณะหยินหยางที่โดนเล่นงานจนจะจมดินในตอนนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ ล้วนนับถือพละกำลังของลู่ฝานมาก

บนเขาอวิ๋น ที่คณะหนึ่งเดียว ทำการก่อสร้างเป็นการใหญ่

อาจเป็นเพราะหลายปีมานี้ เป็นครั้งที่คณะหนึ่งเดียวรับนักเรียนเยอะที่สุด ดังนั้นอาจารย์เต้ากวงต้องจำใจสร้างห้องเพิ่มขึ้น ทำการขยายคณะ

ยังดีที่เรื่องพวกนี้ คนคณะหนึ่งเดียวไม่ต้องออกเงิน ท่านผอ.รับผิดชอบทั้งหมด

หานเฟิงและคนอื่นสีหน้าท่าทางดูมีราศี เป็นสี่ศิษย์พี่ของคณะหนึ่งเดียว ในขณะที่ศิษย์พี่ใหญ่รักษาตัวอยู่ในห้อง ศิษย์พี่รองฉู่เทียนกับศิษย์พี่สามฉู่สิงยังไม่กลับมา เรียกได้ว่าเขากุมอำนาจ

พาเจ้าดำเดินตรวจตราบนเขาอวิ๋นทั้งวัน ได้รับสายตาเลื่อมใสของศิษย์น้องผู้หญิงผู้ชาย

“ศิษย์พี่สี่ ศิษย์พี่ลู่ฝานจะกลับมาตอนไหนเหรอ”

“ศิษย์พี่หานเฟิง ศิษย์พี่ลู่ฝานเข้าคุกใต้ดินจริงเหรอ”

“ศิษย์พี่หานเฟิง ศิษย์พี่ลู่ฝานหล่อไหม”

เมื่อศิษย์น้องทั้งชายทั้งหญิงเห็นหานเฟิง ก็พากันมาล้อมเขาไว้ ถามอย่างเอาเป็นเอาตาย

หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานแค่ไปรับการทดสอบเท่านั้น อีกไม่นานก็กลับมา พวกนายจะกลุ้มใจไปทำไม ส่วนเขาหล่อหรือเปล่า เหอะๆ แน่นอนว่าหล่อไม่เท่าฉัน”

หานเฟิงเดินส่ายหัวไปมารอบๆ หนึ่งรอบ จนมาถึงตีนเขาอวิ๋น

ตอนนี้กลุ่มคนกำลังสร้างประตูคณะหนึ่งเดียว หานเฟิงมองตัวอักษรคำว่าหนึ่งเดียว ที่ใหญ่และทรงพลัง แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

หานเฟิงลูบหัวเจ้าดำแล้วพูดว่า “เจ้าดำ แกคิดว่าศิษย์น้องลู่ฝานจะกลับมาเร็วๆ นี้ไหม”

เจ้าดำพยักหน้าแรงๆ เพื่อแสดงว่ายังต้องถามคำถามนี้เหรอ

หานเฟิงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ แกยังมีความมั่นใจกว่าฉันเยอะเลย”

พูดจบ หานเฟิงมองท้องฟ้า พระอาทิตย์ตกดิน แสงยามเย็นทั่วฟ้า