ภาคที่ 4 บทที่ 175 ตายเพราะรอยแยกพลังสูญ

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 175 ตายเพราะรอยแยกพลังสูญ

ดาบของซูเฉินเริ่มเรืองแสง จุดแสงดาวปรากฏบนผิวดาบ

นี่คือพลังต้นกำเนิดยามถูกกลั่นแน่นจนถึงที่สุด ประกายระยิบระยับพร่างพรายออกมาพร้อมพลังอันน่าประหลาด เกิดเป็นแสงดาวส่องสว่างจ้าออกมา

แสงดาวมาบรรจบเป็นริ้วพลัง มุ่งสู่หน้าผากเฮ่อซื่อ รูม่านตาเขาขยายออกด้วยความกลัวสุดขีด

“อย่า !” ฉือหมิงเฟิงร้องตะโกน

มีโอกาสร้องออกมาครั้งเดียวก่อนศีรษะจะกระเด็นไป

ดาบเดียวเท่านั้น !

ใช้เพียงดาบเดียวซูเฉินก็บั่นคอเฮ่อซื่อได้

ทว่าฉือหมิงเฟิงไม่แปลกใจ เพราะท่าดาบนั่นมีกำลังเกินกว่าคนด่านทะลวงลมปราณธรรมดาจะสามารถทำได้ พลังมันแตะถึงคนด่านสู่พิสดารแล้ว

ไม่แปลกที่เฮ่อซื่อไม่อาจรับดาบเดียวจากด่านสู่พิสดารได้

หากจะมีเรื่องน่าประหลาดใจ ก็คือเรื่องที่ซูเฉินสามารถออกท่าดาบที่แกร่งขนาดนั้นออกมาได้อย่างไรมากกว่า

แต่ฉือหมิงเฟิงก็ไม่ประหลาดใจมากมาย ด้วยท่าดาบเป็นของซูเฉิน คนผู้นี้สร้างปาฏิหาริย์มานับครั้งไม่ถ้วน จะสร้างอีกสักครั้งก็คงไม่น่าแปลกแล้วกระมัง ?

ฉือหมิงเฟิงมองร่างไร้ชีวิตของเฮ่อซื่อล้มลง

ก่อนร่างเฮ่อซื่อจะล้มถึงพื้น ซูเฉินก็ชิงเอาแหวนในมือเฮ่อซื่อมาแล้ว

“กรรร !”

เสียงคำรามลั่นดังกึกก้องไปทั่วห้อง

ต้นเสียงมาจากเจ้าปีศาจแรดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าคลังสมบัติ

แม้ว่าเฮ่อซื่อจะไม่มีโอกาสได้เปล่งเสียง แต่ท่าดาบของซูเฉินก็ทำให้เกิดแรงปั่นป่วนในอากาศ สร้างความผันผวนพลังขึ้นไม่น้อย ซึ่งราชันอสูรกายสามารถสัมผัสได้

เสียงร้องนี้เป็นดั่งระฆังเตือนภัย ดังก้องไปทั่วทั้งวังทันที

ซูเฉินเพียงแต่เดินไปหาฉือหมิงเฟิงด้วยท่าทีสบาย ยื่นมือออกไปแล้วเอ่ยเสียงสงบว่า “ของท่าน”

ฉือหมิงเฟิงกลืนน้ำลายแล้วส่งแหวนพลังให้ซูเฉิน “ข้าเพียงอยากรู้ว่าท่านจะรับมือสถานการณ์อย่างไร ไม่ได้คิดจะหักหลังท่านเลย” เขาอธิบาย

หากมองจากบางมุม นี่เป็นคำอธิบายได้ดีว่าฉือหมิงเฟิงกำลังยอมก้มหัวร้องขอความเมตตา

คนด่านสู่พิสดารก้มหัวให้กับซูเฉินที่เป็นคนด่านทะลวงลมปราณ

“ข้ารู้” ซูเฉินตอบเสียงเบา

เยี่ยเม่ยและตุ๊กตากระดาษขาวก็ส่งแหวนพลังให้ซูเฉินเช่นกัน

เสียงฝีเท้าของสัตว์อสูรร่างยักษ์ได้ยินดังกึกก้องอยู่ที่โถงทางเดินด้านนอก

ซึ่งก็คือเสียงฝีเท้าของเจ้าแรด

ซูเฉินไม่เสียเวลา มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องสมบัติชั้นในทันที

พลังของขนนกแยกนภาเกือบหมดแล้ว ขอบของรอยแยกพลังสูญที่ไหวไปมาในอากาศเริ่มสั่นสะท้าน แสดงให้เห็นว่ามันเริ่มไม่มั่นคงแล้ว

ซูเฉินก้าวเข้าไปในหลุมพลัง

ต่อมาตุ๊กตากระดาษขาวและเยี่ยเม่ยจึงก้าวตามเข้าไป

ในขณะที่ฉือหมิงเฟิงกำลังจะข้ามไปบ้างนั่นเอง ก็พลันเห็นซูเฉินที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้ปลายดาบที่ไปที่บางสิ่ง

เขากำลังชี้ไปที่แผ่นรูปแบบต้นกำเนิด

ฉือหมิงเฟิงชะงักค้างไป

เขาจ้องหน้าซูเฉิน

ซูเฉินเอ่ยว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าหากจุดเชื่อมต่อถูกทำลายในฉับพลัน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทำการการเคลื่อนย้ายผ่านพลังงานสูญ ?”

ฉือหมิงเฟิงเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว

ซูเฉินเอ่ย “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้าอยากรู้นัก ไม่เพียงแต่อยากรู้ว่าเส้นทางจะเกิดอะไร แต่ยังอยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากขณะนั้นมีสิ่งมีชีวิตที่กำลังข้ามไปด้วย”

ฉือหมิงเฟิงหลั่งเหงื่อเย็นทั่วหน้าผาก

เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่คว้าตัวเยี่ยเม่ยไว้ เขาน่าจะไปควบคุมทางออกเสียมากกว่า !

เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน ?

สมบัติและเงินตราทำให้ใจเขาหมองหม่น ดวงตาพร่ามัว จิตใจสับสน

เขายังต้องซูเฉินต่อไปอย่างเงียบเชียบ

เสียงฝีเท้าด้านนอกยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามมาด้วยเสียงเปิดค่ายกลทีละค่าย ในโถงทางเดินยังมีค่ายกลจำกัดขอบเขตติดตั้งเอาไว้ เจ้าแรดยักษ์ไม่สนใจค่ายกลเหล่านั้นแล้วรีบมุ่งหน้ามายังคลังสมบัติโดยเร็ว

จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังตูม เจ้าแรดใช้นอกระแทกเข้ากับประตูหน้า

เคราะห์ดีที่ประตูนี้ไม่ใช่ประตูธรรมดา สร้างขึ้นจากโลหะล้ำค่า ทั้งยังมีค่ายกลมากมายคอยเสริม

แต่กระทั่งประตูที่ทรงพลังเช่นนี้ก็ยังเริ่มส่งเสียงร้องครวญครางภายใต้การโจมตีของเจ้าแรด สุดท้ายก็เริ่มแตกออก

ดูท่าประตูจะพังลงภายในไม่ช้าแล้ว

ฉือหมิงเฟิงจึงเริ่มลนลาน เขาไม่มีทางรับมือกับอสูรทรงพลังพวกนี้ได้แน่

เขาจ้องไปยังซูเฉิน “ซูเฉิน…… ข้า……”

“รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ถูกทรยศหักหลังหรือยังเล่า ?” ซูเฉินถาม

ฉือหมิงเฟิงพยักหน้าจริงจัง

“เช่นนั้นก็ขอให้ท่านจำความรู้สึกนี้ไว้ ภายภาคหน้าอย่าได้กระทำความผิดเช่นนี้อีก” ซูเฉินเอ่ยเสียงข่มขู่

ราวกับคำนวณมาแล้ว พอเขาพูดจบ ประตูคลังสมบัติก็ถูกทำลาย เจ้าแรดทรงพลังหน้าผวาพุ่งเข้ามาแล้วร้องลั่น คลื่นพลังต้นกำเนิดเผยออกจากกาย ม้วนตัวเข้ามาใส่ฉือหมิงเฟิงราวกับคลื่นยักษ์

คลื่นพลังกำลังจะม้วนตัวกลืนฉือหมิงเฟิงเข้าไป ซูเฉินจึงเก็บดาบแล้วขยับไปด้านข้าง “ออกมาเถอะ”

ฉือหมิงเฟิงจึงรีบกระโดดเข้าไปโดยเร็ว เขากระโดดเข้ารอยแยกพลังไป มาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในป่าขนาดเล็ก

พอรีบหันไปก็เห็นว่าซูเฉินยังคงยืนอยู่หน้ารอยแยกพลัง

“รีบปิดรอยแยกพลังสูญเสียสิ !” ฉือหมิงเฟิงร้องเสียงดังลนลาน

หากเจ้าแรดนั่นข้ามมาได้ ทุกคนก็คงไม่รอด

ซูเฉินเพียงแต่จ้องเข้าไปในรอยแยกพลังสีหน้าสงบนิ่ง

เจ้าแรดขู่คำรามอีกครั้งแล้วพุ่งเข้ามาในรอยแยกพลัง จังหวะที่มันพุ่งเข้ามานั้นเอง ซูเฉินก็ใช้ดาบแทงแผ่นรูปแบบต้นกำเนิด

ตู้ม !

แผ่นรูปแบบต้นกำเนิดแตกกระจาย หลุมพลังหายไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าแรดพี่เพิ่งจะพุ่งเข้ามาในหลุมพลังยังคงติดอยู่กลางทาง

ในตอนนั้นเอง ทุกคนเห็นพลังงานสูญรุนแรงแผ่ออกมารอบทิศราวกับใบมีดขนาดเล็ก ค่ายกลนับไม่ถ้วนที่ตั้งเรียงรายอยู่ในโถงทางเดินไม่อาจทำอะไรเจ้าแรดทรงพลังตัวนี้ได้ แต่เมื่อพบกับริ้วพลังงานสูญอันคมเฉียบเข้ามันก็ไม่อาจต้านทาน ถูกหั่นร่างเป็นริ้ว ๆ นับพันทันที เหลือไว้เพียงนอขนาดใหญ่ที่รอดผ่านหลุมพลังแล้วร่วงลงมาตรงหน้าซูเฉิน

“กรรร !”

แม้จะเหลือเพียงหัว เจ้าแรดก็ยังคงส่งเสียงคำรามออกมา ภาพมายาของเจ้าแรดปรากฏขึ้น ภายใต้การควบคุมของภาพมายา เลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วพลันกลั่นแน่นรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วพุ่งเข้าใส่ซูเฉินราวกับเป็นเศษเหล็ก

ในเมื่อพื้นฐานพลังมันถึงระดับเจ้าอสูรกายแล้ว มันจึงไม่ตายง่าย ๆ แม้จะเหลือเพียงหัว ใช้เวลาสักหน่อยก็จะงอกร่างออกมาใหม่ได้ พลังจิตของพวกมันแข็งแกร่งมากพอที่จะใช้ควบคุมวัตถุภายนอกได้ ตราบเท่าที่พลังจิตยังอยู่ พวกมันก็จะยังมีชีวิตอยู่

แน่นอนว่ากล่าวเช่นนั้นก็ยังนับว่าเกินจริงไป ทั้งด่านผลาญจิตวิญญาณและเจ้าอสูรกายนั้นมีข้อจำกัดอยู่ที่พลังจิต แม้จะสามารถงอกร่างใหม่ได้ ก็ต้องเสียพลังงานจิตเป็นจำนวนมาก

หากเจ้าแรดมุ่งพลังงานจิตไปที่การฟื้นฟูร่างเพียงอย่างเดียว มันก็อาจจะทำได้ แต่ก็ได้เพียงครั้งหนึ่งเท่านั้น ทว่ามันกลับไม่เลือกเช่นนั้น กลับใช้พลังจิตทั้งหมดมุ่งสังหารซูเฉินแทน

ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ต้องสังหารไอ้บัดซบที่ขโมยสมบัติของฝ่าบาทไปให้ได้

เจ้าแรดมีความภักดีเป็นอย่างสูง มันจึงถูกเลือกให้เฝ้าหน้าคลังสมบัติ

โชคไม่ดีที่การโจมตีของมันไร้ผลต่อซูเฉิน

“คิดจะใช้พลังงานจิตโจมตีข้าอย่างนั้นหรือ ? หากเป็นเรื่องพลังจิตข้าแกร่งกว่านัก” ซูเฉินเอ่ยเสียงสงบ

คลื่นพลังงานจิตระเบิดออกมา ทำให้เจ้าแรดรู้สึกราวกับตนต่อกรอยู่กับศัตรูขั้นราชันย์ก็มิปาน

“ไม่ !”

มันร้องลั่น รวบรวมกำลังทั้งหมดพยายามฝืนต้าน

ทว่าจิตของเจ้าแรดอ่อนแอกว่าซูเฉินเป็นทุนเดิม ในตอนนี้มันเองก็ไม่มีร่างกายอีกต่อไปแล้ว จึงไม่อาจฟื้นฟูพลังงานจิตได้อีก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของซูเฉิน เจ้าแรดจึงได้แต่ร้องครวญ จิตกลายเป็นเถ้าธุลี ก่อนจะลอยหายไปกับสายลม

เจ้าอสูรกายจึงถูกสังหารสิ้นไปเช่นนั้น เหลือไว้เพียงผลึกแก้วต้นกำเนิดระดับเจ้าอสูรกายชิ้นหนึ่งที่ลอยเข้ามาในมือซูเฉินเบา ๆ

ผลึกแก้วชิ้นนี้ได้มายากเย็นนัก แต่เมื่อเทียบกับชิ้นที่อยู่ในคลังสมบัติจักรพรรดิอสูรกายแล้ว ก็นับว่าเทียบไม่ติด

ยังไงเสีย… การชิงสิ่งของคนอื่นมักได้ประโยชน์กว่าทำงานอย่างซื่อตรงสุจริตอยู่แล้วนี่นะ