ตอนที่ 127-4 สามีภรรยาพิลึกพิลั่นที่ต่อสู้ห้ำหั่นซึ่งกันและกัน

จำนนรักชายาตัวร้าย

จวบจนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนออกเดินทางต่อไปแล้ว เสิ่นถูเลี่ยยังคงตกตะลึงไม่หาย

 

 

“อาหู เมื่อครู่เขาเรียกข้าว่าอะไรนะ?” เสิ่นถูเลี่ยสงยังสัยว่าตนเองหูฝาด

 

 

“คุณชายใหญ่ เขาเรียกท่านว่าเสี่ยวเลี่ย…”

 

 

อาหูมองดูคุณชายใหญ่ของตนที่กำลังสับสน แล้วเอ่ยซ้ำอีกครั้ง

 

 

“เพราะอะไรเขาถึงเรียกข้าว่าเสี่ยวเลี่ย? ข้าแก่กว่าเสี่ยวอวี้แท้ๆ!”

 

 

เสินถูเลี่ยตะโกนไล่หลังอย่างไม่ยอมรับ

 

 

“อยากจะเป็นพี่ใหญ่ ต้องเอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน!”

 

 

เสี่ยงของซย่าโหวฉิงเทียนดังสวนมา ซึ่งมันทำให้เสิ่นถูเลี่ยหน้าหม่อยคอตกในทันที

 

 

‘เพราะข้าสู้ท่านไม่ได้ ดังนั้นถึงต้องเป็นน้องชายงั้นสิ? นี่มันตรรกะพิสดารอะไรกัน!’

 

 

เสิ่นถูเลี่ยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

 

 

แต่ทว่าเขาก็ยังต้องยอมรับอยู่ดี

 

 

‘เสี่ยวเลี่ยก็เสี่ยวเลี่ยวะ!’

 

 

เป็นน้องชายก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนี่นา!

 

 

และแล้วคนทั้งสี่ก็เดินทางไปด้วยกันเช่นนี้ ทั้งฝึกปรือฝีมือไปด้วยรีบเร่งเดินทางไปด้วย สุดท้ายจึงใช้เวลาในการเดินทางถึงหนึ่งเดือนเต็มจึงเดินทางถึงเมืองเฮ่อ——ถิ่นของตระกูลหนานกง

 

 

“ข้าอยากจะกินของอร่อย ข้าอยากจะอาบน้ำ ข้าอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดๆ!”

 

 

เมื่อเข้าเมืองมาได้ เสิ่นถูเลี่ยปากก็คาบหญ้าจิ้งจอกสีเขียว ตรงเข้าไปที่โรงเตี้ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเฮ่อทันที

 

 

เสิ่นถูเลี่ยในเวลานี้ไม่หลงเหลือความสะอาดสะอ้านอยู่เลย เขาไม่เพียงแต่หนวดเครายาวเฟิ้ม ผมเผ้ายุ่งเหยิงทั้งยังมีกลิ่นเหม็น เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังสกปรกมอมแมม ราวกับคนที่เพิ่งออกมาจากค่ายอพยพอย่างไรอย่างนั้น อาหูก็มีสภาพเหมือนๆกันกับผู้เป็นนาย ท่าทางราวกับถูกทรมานมาหนักหน่วงทีเดียว

 

 

เสิ่นถูเลี่ยค้นพบว่านับตั้งแต่ที่เขาได้ประมือฝึกฝนวรยุทธ์กับสามีภรรยาคู่นี้ ทำให้วรยุทธ์ของเขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงลากอาหูเข้ามาร่วมด้วย

 

 

สำหรับอาหูที่วรยุทธ์อ่อนหัดมากที่สุดเพียงไม่กี่วินาทีเขาก็กลายเป็นนวม ถูกซ้อมเสียจนแขนขาหน้าตาบวมปูด

 

 

ยังดีที่ได้ยาวิเศษของอวี้เฟยเยียน มิเช่นนั้นเขาคงจะตายไปตั้งนานแล้ว แต่ทว่าถูกเขาซ้อมเอาก็มีข้อดี เพราะในตอนนี้อาหูสำเร็จข้ามขั้นจากปรมาจารย์เข้าสู่จอมปราชญ์อาวุโสแล้ว ส่วนเสิ่นถูเลี่ยถึงแม้จะยังไม่สำเร็จจักรพรรดิอาวุโสได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่พลังของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นมาก

 

 

แต่คนที่ทำให้ทุกคนถึงกับร้องเรียกหลงอย่างคุ้มคลั่งนั่นก็คือ อวี้เฟยเยียน เพราะนางข้ามขั้นเข้าสู่ช่วงปลายสุดของขั้นจอมปราชญ์อาวุโสเข้าไปแล้ว

 

 

เหตุนี้ทำให้เสิ่นถูเลี่ยกระทบกระเทือนใจยิ่งนัก!

 

 

วิชาแพทย์เป็นเลิศก็ช่าง แต่อย่าเป็นเลิศทั้งในด้านวรยุทธ์ด้วยจะได้ไหมเล่า?

 

 

มันทำให้คนสะเทือนใจรู้ไหมเล่า!

 

 

เสิ่นถูเลี่ยใช้เวลาถึงสามปีเต็มกว่าจะสำเร็จจากขั้นจอมปราชญ์อาวุโสไปถึงขั้นจักรพรรดิอาวุโส

 

 

แต่เขาได้ยินว่าปีก่อนในตอนที่อวี้เฟยเยียนข้ามขั้นจากปรมาจารย์จนสำเร็จถึงจอมปราชญ์อาวุโส ซึ่งใช้เวลาเพียงสองสามเดือนเท่านั้น

 

 

นี่มันเกินยอดคนไปแล้วนะ!

 

 

เสิ่นถูเลี่ยรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเหยียบย่ำจนพรุนไปหมดแล้ว ถึงว่าเอาคนมาเทียบคนด้วยกัน น่าเจ็บใจเป็นที่สุด!

 

 

ฮึ่ย!

 

 

เถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเฮ่อเมื่อเห็นแขกสองสามคนเดินเข้ามา ก็รีบวางแท่นลูกคิดในมือลงทันที

 

 

คนที่เดินน้ำเข้ามาสองคนแรกต้องเรียกว่าขอทานทีเดียว!

 

 

เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ไม่ได้ซักมานานเท่าไหร่กัน? ผมเผ้ายุ่งเหยิงพันกันจนจะกลายเป็นเชือกได้อยู่แล้ว!

 

 

“นี่ เจ้าขอทาน พวกเจ้ารีบไปไกลๆเลยนะ อย่ามาขัดขวางข้าจะทำมาหากิน!”

 

 

“เจ้าพูดถึงใครกันหา?” สิ่นถูเลี่ยเริ่มไม่สบอารมณ์ เขาถึงกับถุยหญ้าจิ้งจอกในปากใส่หน้าเถ้าผู้นั้นทันที

 

 

“เบิ่งตาของเจ้าดูให้เต็มตา!” เสิ่นถูเลี่ยคว้าเอาเงินหลิงปี้ออกมาปึกใหญ่วางลงบนโต๊ะ

 

 

“หาห้องชั้นดีให้ข้าสองห้อง ข้าต้องการอาบน้ำ แล้วก็เตรียมสุราอาหารให้ข้าด้วย!”

 

 

ผู้ที่มาคือแขก ผู้มีเงินนับเป็นแม่

 

 

เฒ่าแก่ที่เมื่อครู่ยังแสดงท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ คราวนี้เมื่อเห็นเงินหลิงปี้เข้าก็ถึงกับดวงตาเป็นประกาย รีบเปลี่ยนท่าทีเล่นหูเล่นตาแพรวพราวทันที

 

 

“นายท่านรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้”

 

 

“เสี่ยอวี้ ที่เมืองอู๋โยวนี่ มีสองสิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุด หนึ่งคือกำลัง สองก็คือ เงิน” เสิ่นถูเลี่ยยังไม่ลืมที่จะสอนในสิ่งที่ควรรู้ให้กับอวี้เฟยเยียน

 

 

ในตอนนี้ อวี้เฟยเยียนพอจะเข้าใจคร่าวๆแล้วว่าเมืองอู๋โยวเป็นอย่างไร

 

 

ใช้สองคำก็สามารถบรรยายได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ——อิงชีวิตจริง

 

 

คนที่นี่อิงตามความเป็นจริงในการใช้ชีวิต พวกเขานับถือผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่ง นับถือเงินทองเป็นใหญ่ ซึ่งก็เป็นจริงตามที่เสิ่นถูเลี่ยกล่าวเอาไว้ หากต้องการจะสร้างชื่อที่เมืองอู๋โยวแห่งนี้ละก็ เจ้าจะต้องแกร่งเพียงพอ

 

 

เมื่อได้เงิน เถ้าแก่ก็รีบจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็ว

 

 

ห้องอย่างดีสองห้อง เสิ่นถูเลี่ยและอาหูหนึ่งห้อง ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนหนึ่งห้อง

 

 

จนกระทั่งเสิ่นถูเลี่ยเข้าไปเห็นถังอาบน้ำถังใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง เขาก็ถึงกับเขกกะโหลกตัวเองเลยทีเดียว

 

 

เพราะเขาลืมไปเสียสนิท ว่าครั้งนี้มีหญิงสาวเดินทางมาด้วยหนึ่งคนนี่นา

 

 

สำหรับเขาและอาหูสามารถเรียงลำดับก่อนหลังเข้าไปอาบน้ำต่อกันได้ แต่อวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียนเห็นทีว่าจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก

 

 

ซึ่งในตอนที่เสิ่นถูเลี่ยเตรียมที่จะเปิดห้องอีกห้องให้กับอวี้เฟยเยียนนั่นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า

 

 

“ไม่เป็นไร ข้ากับแมวน้อยอาบด้วยกันได้!”

 

 

ทำเอาเสิ่นถูเลี่ยถึงกับหน้าแดงก่ำ

 

 

‘พี่ชาย ท่านก็ไม่ต้องตรงไปตรงมาขนาดนี้ก็ได้กระมัง?’

 

 

อย่างน้อย ท่านก็ควรที่จะคำนึงถึงความรู้สึกของชายหนุ่มปลายๆที่ยังเป็นโสดเช่นข้าเสียบ้างไหมเล่า?

 

 

ตลอดการเดินทางพวกท่านสองคนทั้งแสดงความรักต่อกัน ทั้งต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ข้ารับได้ แต่ท่านอย่ามาทะลวงข้าเพิ่มในตอนนี้ได้ไหม?

 

 

หัวใจของชายหนุ่มปลายๆเช่นข้า ไม่มีใครเข้าใจหรือไรกัน!

 

 

จนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนเข้าไปในห้อง ก็เห็นอวี้เฟยเยียนก็แช่อยู่ในอ่างน้ำเรียบร้อยแล้ว

 

 

“สบายจังเลย…”

 

 

อวี้เฟยเยียนเอนศีรษะพิงขอบอ่างหลับตาพริ้ม มือคู่หนึ่งก็เอื้อมเข้ามานวดที่ไหล่ทั้งสองข้างของนางทันที

 

 

“เบามือหน่อย! ใช่แล้ว ตรงนั้นแหละ! เมื่อคืนวานนี้เจ้าเล่นงานข้าเสียจนปวดระบมไปหมด ตอนนี้ยังเจ็บอยู่เลยด้วย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกำลังดื่มด่ำกับการปรนบัติจากซย่าโหวฉิงเทียน แต่ใครจะคาดคิดไม่นานฝ่ามือใหญ่นั้นก็เลื่อนมาที่หน้าอกทั้งสองข้างของนางเสียอย่างนั้น ทำเอาอวี้เฟยเยียนตกใจจนสะดุ้งลืมตาขึ้น

 

 

“เอามือออกไปนะ ท่านกำลังจะทำอะไร?”

 

 

อวี้เฟยเยียนเสียงแหบพร่า ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าก้าวเข้าไปในอ่างกับนางเรียบร้อย

 

 

“คิดถึงพี่ไหม?” ซย่าโหวฉิงเทียนดึงอวี้เฟยเยียนให้เข้ามาในอ้อมอก เพื่อนวดที่หัวไหล่และข้อมือให้กับนาง

 

 

“ไม่คิดถึง!”

 

 

อดอยากปากแห้งมาแรมเดือน บวกกับมี ก ข ค อย่างเสิ่นถูเลี่ยและอาหูมาคอยขัดขวางอยู่ตลอด ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนแทบจะเป็นบ้าเลยทีเดียว

 

 

อีกทั้งใจของเขาก็ดันคิดแต่จะช่วยอวี้เฟยเยียนฝึกวรยุทธ์ให้สำเร็จ ดังนั้นเขาและนางจึงไม่มีเวลาให้ได้ใกล้ชิดสัมผัสกันและกันเลย

 

 

บัดนี้ เดินทางยากลำบากจนในที่สุดก็มาถึงเมืองเฮ่อจนได้ หากไม่หาเวลาเติมพลัง กินนางหน่อยละก็ คงจะผิดต่อตัวเองมากทีเดียวเชียว!

 

 

“ไม่คิดถึงจริงหรือ?”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเสียงแหบพร่า แล้วคว้ามือของอวี้เฟยเยียนวางบนอาวุธประจำกายของเขา

 

 

“แต่พี่คิดถึงเจ้ามาก!”

 

 

“อย่า…” อวี้เฟยเยียนหน้าแดงก่ำ

 

 

“ข้าหิวจนท้องร้อง ไม่มีเรี่ยวแรง…”

 

 

“ได้!” ซย่าโหวฉิงเทียนรีบปล่อยอวี้เฟยเยียนเป็นอิสระทันที

 

 

“รอให้เจ้ากินอิ่ม มีเรี่ยวแรงแล้ว คืนนี้พี่ค่อยมากินเจ้า!”

 

 

คิดพูดชวนให้คิดลึกเช่นนั้น แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน แต่อวี้เฟยเยียนก็ยังรู้สึกเขินอายอยู่ดี

 

 

จวบจนกระทั่งนางและซย่าโหวฉิงเทียนออกมาจากห้อง แก้มทั้งสองข้างของอวี้เฟยเยียนก็ยังแดงระเรื่ออยู่ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสิ่นถูเลี่ยและอาหูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดี และพวหเขาได้สั่งอาหารร้อนๆไว้รอแล้ว จากนั้นทั้งสี่คนก็กินข้าวด้วยกัน

 

 

ในขณะนั้นเสิ่นถูเลี่ยเรียกเสี่ยวเอ้อร์เข้ามา

 

 

“เสี่ยเอ้อร์ คุณหนูสกุลหนานกง มีใครรักษาจนหายแล้วหรือยัง?”

 

 

เสิ่นถูเลี่ยวางเงินจำนวนสิบหลิงปี้ลงตรงหน้าเสี่ยวเอ้อร์

 

 

มีเงินซะอย่างเรียกผีเรียกวิญญาณล้วนแต่สำเร็จผลทั้งสิ้น! เมื่อเห็นเงิน เสี่ยวเอ้อร์รู้อะไรก็พูดออกมาหมดทุกอย่าง