หญิงสาวไม่ได้ต้องการคำตอบจากผู้นำเทวะสูงสุดแต่เธอบอกเราว่าเธอต้องการกลับไปที่พระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะทันที เพื่อเตือนสติผู้นำเทวะสูงสุด ให้รู้ว่าเธอยังคงเป็นคนของพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะ
แต่ชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายชายคนนั้นรู้อยู่แล้วว่าเธอคือคนของพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะ แต่เขาก็ยังคงวางยาพิษเธอ นั่นก็มีความหมายอย่างชัดเจนแล้วว่า ชายคนนี้ไม่ได้เกรงกลัวภูมิหลังของเธอเลย และจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้นำเทวะสูงสุดก็คงมีสถานะสูงส่งภายในพระราชวังอมตะเบญจพิษเช่นกัน
ผู้นำเทวสูงสุดขมวดคิ้วและกล่าวกับหญิงสาวๆ”เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเข้าร่วมหรือลาออกจากตำแหน่งผู้นำเทวะได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้เขาจะต้องกลับไปกับข้า”
”ในเมื่อผู้นำเทวะสูงสุดไม่ยอมรับเงื่อนไขของข้าข้าก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน”เงื่อนไขที่หญิงสาวคนนี้ได้บอกกล่าวเอาไว้คือห้ามไม่ให้ผู้นำเทวะสูงสุดยุ่งเกี่ยวกับคนรอบข้างเด็ดขาด
”เจ้ากล้าดียังไง!!เจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับข้า ข้าขอถามอีกครั้งว่าเจ้าจะกลับไปหรือไม่?”
สายตาของหญิงสาวบ่งบอกถึงความดิ้นรนเธอต้องการจะกลับไปเพื่อไม่ให้ทุกคนที่อยู่ในหอคอยจักรพรรดิต้องมาเกี่ยวข้องในเรื่องของเธอ แต่เธอรู้ดีว่าต่อให้เธอไปสถานที่แห่งนี้ก็คงต้องวุ่นวาย ซึ่งในขณะที่เธอกำลังลังเล ชิงสุ่ยก็เดินออกมาและกล่าวว่า “นางเป็นแขกของหอคอยจักรพรรดิ เจ้าสามารถพูดคุยกับนางได้หลังจากที่นางกลับไป แต่ตอนนี้ข้าขอให้เจ้ากลับไปซะ เพราะที่แห่งนี้ไม่ต้อนรับเจ้า”
หากทัศนคติของหญิงสาวสามารถเรียกความโกรธแค้นที่ซ่อนอยู่ในใจของผู้นำเทวะสูงสุดคำพูดของชิงสุ่ยก็คงเปรียบเสมือนระเบิดที่ทำให้อารมณ์ของเขาปะทุอย่างรุนแรง อารมณ์ของผู้นำเทวะกำลังเดือดถึงจุดสูงสุด และคำพูดของชิงสุ่ยก็ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายขาดออกจากกัน
”เจ้าหนูน้อยข้าอดทนกับเจ้ามานานแล้ว และตอนนี้มันถึงขีดสุด”
เสียงของผู้นำเทวะสูงสุดเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเย็นชาทันทีที่เขากล่าวจบ เขาก็พุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ยทิ้งไว้แค่เพียงภาพลวงตาที่อยู่ด้านหลัง
ชิงสุ่ยปลดปล่อยพลังจนถึงขีดสุดจากนั้นก็รีบเรียกง้าวทองทะลวงศัตรูขึ้นมาไว้บนมือเขาสลายร่างกายเป็นเพียงภาพเงา เพื่อตอบโต้การจู่โจมของผู้นำเทวะสูงสุดอย่างฉับพลัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่สามารถเลือกหนทางหลบหนีได้ สิ่งที่เขาทำได้คือการจู่โจมเพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังต้องได้รับบาดเจ็บ
ระดับความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยในปัจจุบันอยู่ที่3,800,000 เต๋า แต่ความสามารถในการป้องกันของเขาน่ากลัวยิ่งกว่า หากรวมกับเกราะทองคำวชิระและพลังสัตย์ถวายชีพของอสูรนรกรัตติกาล มันทำให้พลังในการป้องกันของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ระดับพลัง 40,000,000 เต๋า ซึ่งเป็นสถานะพลังที่เขาสามารถรักษาระดับให้มันคงทีได้
สาเหตุที่ชิงสุ่ยเรียกไม่ถอยกลับแต่ก้าวไปข้างหน้าก็เพราะเขามั่นใจในพลังป้องกันยิ่งกว่านั้นเขาไม่ได้เก่งกว่าการใช้พิษของศัตรูแต่อย่างใด
กรงเล็บพิษคร่าหฤทัย!!
ฝ่ามือของผู้นำเทวะข้างนึงแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทพร้อมกับกลิ่นเหม็นซากเน่าฝ่ามือสีดำมุ่งเป้าไปที่หัวใจของเถิงชิงซานอย่างเจาะจง บีบบังคับให้ชิงสุ่ยกลายเป็นฝ่ายป้องกัน และด้วยการโจมตีที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ มันได้หยุดกระบวนท่าของชิงสุ่ย ไม่ให้เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้ ฉะนั้นสิ่งที่เขาทำได้คือการปลดปล่อยพลังปราณเพื่อต้านทานแรงพิษ การโจมตีของชายคนนั้นมีจุดประสงค์หลักคือการสังหารชิงสุ่ยให้เร็วที่สุดแม้ชิงสุ่ยจะรู้ว่าศัตรูเป็นผู้ใช้พิษ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกทึ่งในพลังของศัตรู
แต่เนื่องจากศัตรูจงใจจะให้เขาตายเขาก็ไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตาใดๆกับศัตรูอีกต่อไปแล้ว
ฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์!!
ทักษะวชิระจู่โจม!!
กลิ่นอายที่ทรงพลังพุ่งพล่านออกมาจากฝ่ามือที่กำลังเลือนลางกลายเป็นเพียงแค่แสนบริสุทธิ์สีขาวขณะที่มันกำลังเข้าปะทะกับฝ่ามือสีดำสนิทของผู้นำเทวะสูงสุด
ปังงงง
”ไม่!!”หญิงสาวคนนั้นพยายามหยุดชิงสุ่ยแต่มันก็สายเกินไปแล้ว
หลังจากเสียงประทัดดังสนั่นผ่านพ้นไปภาพที่ปรากฏคือชิงสุ่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิมส่วนทางด้านของผู้นำเทวะสูงสุดกลับกลายเป็นฝ่ายกับกระเด็นกลับไป สภาพร่างกายภายนอกและดูจะบาดเจ็บเล็กน้อย
หลังจากที่คำนวณจะกำลังที่เขาได้รับจากศัตรูชิงสุ่ยคาดเดาว่าชายคนนี้จะต้องมีพลังไม่ต่ำกว่า 6,000,000 เต๋า ซึ่งไม่เกิน 17,000,000 เต๋า มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจและเชื่อว่าศัตรูไม่มีทางทำร้ายเขาได้ รวมทั้งการใช้พิษที่เขาเองก็มั่นใจว่าศัตรูไม่มีทางทำอะไรเขาได้เช่นกัน
รูปภาพหยินหยางโคจรภายในทะเลแห่งปัญญาอย่างรวดเร็วหนอนไหมมังกรทองที่อยู่ภายในศูนย์กลางบ่อแก่นแท้โลหิตเคลื่อนไหวอย่างน่ากลัวหลังจากที่ไม่ได้ถูกกระตุ้นมาเป็นเวลานาน แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความน่าประหลาดใจให้กับร่างกายของชิงสุ่ย
เมื่อเทียบความตกใจจากใบหน้าของชิงสุ่ยแล้วคนที่ตกใจยิ่งกว่าคงจะเป็นผู้นำเทวสูงสุด เขาควรจะสังหารศัตรูได้ภายในกระบวนท่าเดียว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากเขาจะสร้างความบาดเจ็บให้กับศัตรูไม่ได้ เขากลับกลายเป็นฝ่ายบาดเจ็บเสียเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นไปได้อย่างไร……………….
ชายคนนี้อายุเท่าไหร่กันแน่?ทำไมพลังของเขาถึงได้กลายเป็นเพียงพลังที่ไร้ประโยชน์? ผู้นำเทวะสูงสุดตกอยู่ในสภาวะสับสน เขาควรจะสู้หรือควรจะยอมถอยดี?
ชิงสุ่ยยังคงยืนนิ่งหลังจากการโจมตีครั้งแรกเสร็จสิ้นลงร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพื่อพักฝืนและเตรียมตัวปลดปล่อยพลังสูงสุดเพื่อโจมตีครั้งต่อไป หากพลังสูงสุดในครั้งแรกไม่สามารถข่มขวัญศัตรูได้ การโจมตีครั้งต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกแล้ว
ผู้นำเทวะสูงสุดฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็วและจ้องมองชิงสุ่ยแต่ก็ยังไม่ขยับอะไรทั้งสิ้นเขารู้สึกว่าการโจมตีก่อนหน้านี้มันจะต้องเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจอะไรบางอย่างผิด ถึงกระนั้นเขาก็พร้อมที่จะโจมตีอีกครั้ง บางทีใช้หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอาจจะมีสมบัติบางอย่างซ่อนอยู่บนร่างกาย และใช้มันตอบโต้เขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ผู้นำเทวะสูงสุดก็พยายามหาเหตุผลและเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องมีสมบัติที่ทรงพลังเหมือนกับเขาจากนั้นผู้นำเทวะสูงสุดก็เงยหน้ามองดูชิงสุ่ยด้วยความสงบนิ่งและมั่นคง ความรู้สึกอิจฉาพุ่งพล่านไปทั่วจิตใจของเขา
ผู้นำเทวะพุ่งเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งและทุกๆครั้งที่เขาโจมตี เขาค้นพบว่าความเสียหายที่ก่อให้เกิดกับร่างกายของชิงสุ่ยมันมีแนวโน้มว่าจะลดลงทุกครั้ง แน่นอนว่าเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็พยายามจนกระทั่งเข้าใจอะไรบางอย่าง
ฮ่าฮ่า ฮ่า
เสียงหัวเราะที่กดดันสร้างความตื่นตระหนกให้กับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่อยู่ในรัศมีรอบ10 ลี้
”เจ้ากำลังหัวเราะอะไรกัน?”ชิงสุ่ยที่ป้องกันการโจมตีและอัดกระแทกศัตรูให้กระเด็นกลับไปหลายต่อหลายครั้งไม่แน่ใจว่าศัตรูกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ต่อให้ศัตรูใช้ไพ่ตายอื่นๆ เขาก็เชื่อมั่นว่าชุดเกราะทองคำวชิระจะมีพลังเหลือเฟือมากพอที่จะต้านทานพลังของศัตรู
”ที่ข้าหัวเราะก็เพราะข้าเกือบถูกเจ้าหลอกได้สำเร็จเอาเป็นว่าถ้าเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป เจ้าคิดเช่นไร?”
��