”ทุกปัญหามีทางออกเสมอบางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ยุ่งยากอย่างที่เจ้าคิดก็ได้”ชิงสุ่ยยิ้ม น้ำเสียงที่เขาพูดก็ยังคงเป็นน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัวทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปตามที่อยู่ของตนเอง โดยชิงสุ่ยรับหน้าที่ไปส่งหญิงสาว
แม้ท้องฟ้าจะมืดมิดแต่ทางเดินตรงสู่ที่พักยังคงสว่างไสว คฤหาสน์ที่เธอใช้อยู่อาศัยประดับประดาไปด้วยหินส่องแสง แม้ว่าภายในจะไม่ได้ถูกทำความสะอาดมากมายแต่ก็ยังคงสะอาดสะอ้าน ส่วนเครื่องใช้ต่างๆ ตัวของหญิงสาวเองก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยทุกอย่างที่เธอใช้บรรจุอยู่ในถุงผ้าแพรต่างมิติ
”สหายสุ่ยนี่ก็ดึกมากแล้วเจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!!”หญิงสาวหยุดที่ประตูหน้าคฤหาสน์ก่อนจะหันมาพูดกับชิงสุ่ยพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชิงสุ่ยพยักหน้าตอบกลับแม้ว่าเขาจะพยายามลบล้างความคิดด้านความปรารถนา แต่มันก็ยังคงพุ่งพ่านอยู่ในจิตใจของเขา ทางที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยง มิฉะนั้นเขาอาจจะสูญเสียความอดทน
หากจะให้ว่ากันตามจริงหญิงสาวสามารถดึงดูดเพศชายได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีมากมาย ตราบใดที่หญิงสาวคนนั้นมีเสน่ห์ ผู้ชายก็ไม่มีทางต้านทานเสน่ห์เหล่านั้นได้
ในขณะที่เพศชายชิงสุ่ยรู้สึกว่าเป็นเพศที่ขับเคลื่อนได้ด้วยความรู้สึกหลงใหล แท้จริงแล้วมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น เพศชายส่วนใหญ่จะขาดแคลนความยับยั้งชั่งใจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงดึงดูดจากหญิงสาว ฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความรู้สึก ความรู้สึกที่จะนำไปหายนะมาสู่ตัวของผู้ที่หลงในอารมณ์
”เจ้าก็เช่นกัน”ชิงสุ่ยตอบกลับก่อนจะถอยและเดินจากไป
หญิงสาวคนนั้นจ้องมองชิงสุ่ยที่กำลังเดินจากไปอย่างช้าๆ เธอดูชิงสุ่ยหายไปกับความมืดขณะที่เธอยืนนิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ และไม่รู้ว่าเธอควรลบเลือนความคิดทั้งหมดได้อย่างไร
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความไม่สบายใจส่วนหนึ่งก็เกิดจากเรื่องของผู้นำเทวะสูงสุด ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นจากความรู้สึกของชิงสุ่ย ที่มักจะเข้ามาเล่นกับอารมณ์จิตใจเธอ
เธอไม่สามารถพูดได้ว่าเธอชอบความรู้สึกแบบนี้แต่เมื่อยืนต่อหน้าชายคนนี้ เธอกลับรู้สึกถึงความแปลกประหลาด มันเหมือนความประทับใจ ที่คนอื่นไม่สามารถมอบให้กับเธอได้ ซึ่งมันยิ่งทำให้ภาพลักษณ์การแสดงออกของเธอสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
จิตใจของเธอตอนนี้จินตนาการภาพถึงตอนที่เขารักษาเธอแม้จะเป็นการรักษาพิษผ่านชั้นเสื้อผ้า และสัมผัสเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจลืมเลือนความรู้สึกในตอนนั้นไปได้
เธอส่ายหน้าเพื่อลืมเลือนความรู้สึกซับซ้อนในหัวใจจากนั้นก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปในลานหน้าคฤหาสน์ มันคงจะเป็นการดีถ้าเธอเปลี่ยนจากเรื่องที่คิดอยู่ ไปเป็นการคิดหาวิธีจัดการกับผู้นำเทวะสูงสุดแทน
……………………….
2วันก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะกลับสู่คฤหัสถ์ผู้นำเทวะ ได้มีใครบางคนเดินทางมาพบเจอเธอ
ชายคนนี้มีลักษณะเป็นชายวัยกลางคนร่างกายกำยำสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คงเป็นผมยาวสีดำสนิท ภาพลักษณ์ของเขาแลดูน่าประทับใจ และยากที่จะแยกประเภทได้ว่าเขาอยู่ฝ่ายดีหรือฝ่ายร้าย
ดวงตาที่แสนลึกล้ำคิ้วสีดำหนา เหมาะต่อการจดจำ สภาพโดยรวมสร้างความประทับใจให้กับผู้คนที่ได้พบเห็น และกลิ่นอายของเขาก็เป็นกลิ่นอายของคนที่แข็งแกร่งและทรงพลัง ”ผู้นำเทวะตงฟาง!!”
ชายคนนั้นเดินอยู่บนกลางอากาศและหยุดตรงกลางฟ้าเหนือห้องโถงใหญ่ก่อนจะตะโกนไปยังทิศทางที่ชิงสุ่ยและหญิงสาวคนอื่นยืนอยู่ๆ
”ไม่ทราบว่าท่านผู้นำเทวะสูงสุดมีธุระสิ่งใดถึงได้เดินทางมาหาข้าด้วยตัวเอง?”หญิงสาวผู้นั้นก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะเงยหน้ามองชายที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ
ผู้นำเทวะสูงสุดขมวดคิ้วไม่ได้ยินคำถามของเธอ”จักรวรรดิเกิดปัญหามากมาย ข้ามาที่นี่เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าต้องคุยกับเจ้า”
แม้จะมาด้วยคำอธิบายแต่การที่ระดับผู้นำเทวะสูงสุดเดินทางมาหาด้วยตัวเองถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ต่อให้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เขาก็ไม่ควรเดินทางมาด้วยตัวเอง ฉะนั้นหญิงสาวจึงรู้แล้วว่าข้อสันนิษฐานของเธอมีมูลที่ถูกต้อง
”ข้าเองก็มีเรื่องบางอย่างต้องการพูดคุยกับผู้นำเทวะสูงสุดเช่นกัน”หญิงสาวยิ้มตอบ หลังจากผู้นำเทวะสูงสุดมองเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวเขาเหมือนสูญเสียความสงบไปชั่วครู่หนึ่ง จากมุมมองของชิงสุ่ย เขาเองก็บอกได้เลยว่าชายคนนี้เป็นคนที่หมกมุ่น ไม่สามารถละทิ้งความหื่นกระหายของตนเองได้
”ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รีบกลับไปเพื่อปรึกษาปัญหากัน”สีหน้าการแสดงออกของผู้นำเทวะสูงสุดผ่อนคลายลงเล็กน้อย
”ข้าอยากจะพูดในที่แห่งนี้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับท่านผู้นำเทวะสูงสุด”หญิงสาวผู้นั้นส่ายหน้าเล็กน้อย
”เช่นนั้นเจ้าก็พูดมา!!”ผู้นำเทวะสูงสุดกล่าวด้วยคำพูดที่เชื่องช้าหลังจากลังเลพักใหญ่
”ข้าหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่นแล้วจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้”หญิงสาวคนนั้นชี้ตรงไปทางชิงสุ่ยและหญิงสาวคนอื่นขณะพูด
ผู้นำเทวะสูงสุดขมวดคิ้วจนหน้าผากเกิดรอยย่นแววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความชั่วร้ายขณะจ้องมองชิงสุ่ย แววตาของเขาอาจจะดูเหมือนแววตาคนที่มองดูผู้อื่นด้วยสายตาธรรมดา แต่สำหรับผู้ที่มีสัมผัสพลังปราณจิต คนเรานั้นจะรู้ถึงอารมณ์ภายในสายตาเป็นอย่างดี
เมื่อเขาสังเกตเห็นแววตาที่แสนชั่วร้ายเขาก็รีบเดินออกมาอยู่ด้านข้างหญิงสาว จากนั้นก็กล่าวอย่างช้าๆว่า “หญิงสาวผู้แสนโง่เขลา เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าคำพูดของเจ้าจะเพียงพอจะหยุดความคิดชั่วร้ายเหล่านั้น? เจ้าไม่เห็นสายตาแสนบัดซบนั้นหรือ?”
ตอนแรกเขาตัดสินใจจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่เมื่อเห็นสายตาของชายคนนั้น เขาก็ทนอยู่เงียบๆไม่ได้ บุคคลคนนี้จะต้องถูกทำลาย มิฉะนั้นชิงสุ่ยคงไม่รู้สึกสบายหากในอนาคตเขาต้องจากทุกคนไป
คำพูดของชิงสุ่ยกระตุ้นอารมณ์ของชายคนนั้นถึงขั้นขาดสมดุลก่อนที่เขาจะมองหญิงสาวด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังโกรธ “เจ้าชอบเด็กคนนี้ใช่หรือไม่?” หญิงสาวรู้นะว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเปลี่ยนไปเธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรทำได้แค่มองดูชิงสุ่ย ก่อนจะหันกลับไปมองชายวัยกลางคน “ท่านผู้นำเทวะสูงสุด ข้าต้องการกลับไปอยู่ที่พระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะ บัดนี้เป็นต้นไป ข้าขอลาออกจากตำแหน่งผู้นำเทวะ”