บทที่ 564 ทุกคนต่างรอที่จะดูเธอเสียหน้า

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

หลังจากนั้นสิบนาที ในห้องประชุมเล็กของแผนกปฏิบัติการการลงทุน

“พวกคุณคิดว่าเธอหมายความว่ายังไง? สองวันมานี้ แผนงานที่ฉันส่งขึ้นไปให้ ก็ถูกตีกลับมาหมดเลย”

“ใช่ ฉันก็ด้วย หรือว่าเธอไม่ได้รู้เลยว่าลงทุนคืออะไร? ไม่ผ่านเลยสักอัน? แล้วบริษัทจะหาเงินจากอะไรล่ะ?”

“จุ๊~~~เบาเสียงหน่อย เธอคือคุณนายหญิงนะ…………”

เพียงประโยคเดียว สามารถสรุปยืนยันเหตุผลทั้งหมดที่เส้นหมี่จะอยู่ที่นี่ได้

ก็ใช่ เป็นภรรยาท่านประธาน จู่ๆ ก็ตกลงมานั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญของบริษัท จะพูดว่ามาด้วยความสามารถของเธอ พูดออกไป แม้ตัวเส้นหมี่เองก็แทบไม่เชื่อ

ดังนั้น ตอนที่เธอเข้ามา มองเห็นฉากที่ทุกคนมีท่าทีก้มหน้าก้มตาเรียบร้อย แต่กลับไม่รู้เลยว่า แท้จริงเบื้องหลังพวกเขาเหล่านี้มีสีหน้าท่าทางอย่างไรตอนที่พูดถึงเรื่องเธอ

ในใจของเธอไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวใดๆเลย

“ทุกท่าน ขอโทษด้วย ที่รบกวนการทำงานของทุกคน วันนี้เรียกประชุมย่อย คืออยากคุยกับทุกคนว่า ต่อไปนี้ถ้าหากรายการในมือของทุกคน สามารถสร้างกำไรต่อปีให้กับตระกูลหิรัญชาได้ต่ำกว่าหนึ่งพันล้าน ก็ไม่ต้องรับมาอีกแล้ว”

เส้นหมี่เปิดประเด็นไปตรงๆ หลังจากนำเอากระดาษไร้ค่าหนาๆที่เพิ่งจัดเรียงออกมาโยนลงบนโต๊ะ เธอมองไปยังคนเหล่านี้ พร้อมประกาศกฎข้อแรกของเธออย่างชัดเจนหลังจากที่เธอเข้ามารับตำแหน่ง

สิ้นเสียงคำพูด ในห้องประชุมก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที!

“ต่ำกว่าหนึ่งพันล้าน? ผู้อำนวยการเส้นหมี่ คุณกำลังล้อเล่นใช่ไหม? หนึ่งพันล้านนะ คุณรู้ไหมว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่?”

“ถูกต้องผู้อำนวยการเส้นหมี่ คุณ……..วางเป้าหมายไว้ใหญ่เกินไปแล้วหรือเปล่า? ถ้าหากเป็นแบบนี้ แล้วพวกเราใครจะกล้าไปลงทุนสุ่มสี่สุ่มห้า? คงไม่มีใครกล้าที่จะลงทุนกับพวกเรา?”

“ใช่ ผู้อำนวยการเส้นหมี่ หรือว่าคุณจะขอคำแนะนำจาก ผู้อำนวยการ คนก่อนไหม?”

“…………”

พวกคนเหล่านี้อดไม่ได้ที่จะเริ่มระบายความไม่พอใจออกมา

พวกเขาไม่หยุดที่จะระบายความไม่พอใจต่อเป้าหมายที่สูงเกินไปของเส้นหมี่ คำสองคำก็หนีไม่พ้นความหมายที่ว่าเส้นหมี่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาขานี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจและดูถูก

อีกทั้ง สุดท้ายยังมีบอกให้เธอไปขอคำปรึกษาจากผู้อำนวยการคนก่อน!

เส้นหมี่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

จนในที่สุด พวกเขาพูดจบลง ห้องประชุมนี้ก็เงียบลงแล้ว เธอก็หยิบเอาปากกาเคาะโต๊ะด้วยสีหน้าแบบไร้อารมณ์

“ทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหิรัญชามี 800 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมต้นทุนที่บริษัทใช้ดำเนินธุรกิจ ซึ่งทุกปีบริษัทต้องทำเงินกำไรสุทธิ 50 พันล้านหยวน ถึงจะสามารถถือว่าเป็นกำไรได้ คุณลงทุนแค่ไม่หลักหมื่น หลักสิบล้าน คืออะไร? เล่นขายของแบบเด็กเหรอ?”

“………….”

ในห้องประชุมเงียบสนิทลง ใครก็ไม่กล้าที่จะออกเสียง

เส้นหมี่เห็นเข้า สีหน้าก็ยิ่งเย้ยหยันขึ้น

“อีกอย่าง ในฐานะพนักงานของบริษัทที่มีทรัพย์สินกว่า 800 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าหากไม่สามารถแม้แต่จะคว้าโครงการลงทุนขนาดพันล้านไว้ได้ ฉันก็คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป คุณไม่ผ่านมาตรฐานของบริษัท ถ้าอย่างนั้นก็เชิญลดเงื่อนไขความต้องการของตัวคุณเองลง ไปอยู่ในสถานที่ที่เหมาะกับคุณ โอเค๊?”

ประโยคสุดท้ายนี้ เส้นหมี่พูดอย่างค่อนข้างรุนแรงแล้ว

ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมีลูกน้อง

ตอนนั้น ตอนที่อยู่วอลล์สตรีทบริษัทอีริค เธอมีลูกน้องหลายสิบคนในทีม อีกทั้งแต่ละคนก็ฉลาดปราดเปรื่อง งานที่คุยต่างก็เป็นจำนวนพันล้านดอลลาร์

แค่คนเหล่านี้?

ได้ทำงานเป็นลูกน้องเธอ ถือว่าเป็นบุญของพวกเขาแล้ว!

เส้นหมี่มองดูใบหน้าของคนเหล่านี้ที่เดี๋ยวดำเดี๋ยวขาว หยิบเอาปากกาในมือ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมไป

แน่นอนว่า หลังจากประชุมเสร็จ ตอนเที่ยงของวันนี้ก็ไม่มีใครเข้ามาหาเธอด้วยเรื่องเล็กๆไร้สาระอีก

ตอนเที่ยงตรง เส้นหมี่ก็ปิดหน้าจอโน๊ตบุ้คลง

“ผู้อำนวยการเส้นหมี่ จะขึ้นไปทำอาหารให้กับท่านประธานแล้วเหรอ?”

“อืม”

และในเวลานี้เอง เส้นหมี่ถึงจะเผยให้เห็นถึงความเขินอายตามประสาผู้หญิงออกมา หลังจากที่เหลือบมองผู้ช่วยอย่างเขินอาย เธอก็ออกไป

สองวันมานี้ เส้นหมี่ก็ทำอาหารสำหรับสองคนอยู่ที่ชั้นบนสุดจริงๆ

จากบริษัทถึงคฤหาสน์หลังเก่า ระยะทางช่างยาวไกลเสียจริง

อีกทั้ง บางครั้งแสนรักก็เลิกงานไม่ตรงเวลา หรือติดประชุม หรือติดพบลูกค้าบ้างแหละ บางทีก็ช้าไปจนดึกดื่น

ที่ที่ดีเส้นหมี่เลยซื้อกับข้าวและข้าวสารมาไว้ในห้องพักผ่อนชั้นบนสุด เพราะอย่างไรก็ตามที่นั่นก็มีอุปกรณ์เครื่องครัวครบครันอยู่แล้ว

เส้นหมี่ลงลิฟต์มา

“คุณนาย เลิกงานแล้วเหรอ?”

“อืม ท่านประธานพวกคุณล่ะ? กลับมาหรือยัง?” เส้นหมี่มองเข้าไปข้างใน

“กลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ออกไปอีกแล้ว น่าจะออกไปพบลูกค้าที่ห้องรับรองลูกค้า” พนักงานต้อนรับอธิบายให้ฟัง หลังจากมองไปทางห้องรับรองลูกค้า

ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปรอข้างในแล้ว

เส้นหมี่ก็ขึ้นมาถึงยังชั้นบนสุด และเริ่มหุงข้าวทำกับข้าว

ประมาณครึ่งชั่วโมง เธอก็นำเอาอาหารที่ทำเสร็จแล้ว เห็นว่าคนยังไม่ขึ้นมา เธอก็ไม่ได้ลงไปเรียก ก็เลยทำความสะอาดห้องชั้นบนสุดรอไปก่อน เพื่อไม่ให้ผู้ชายที่รักความสะอาดขีดสุดขึ้นมาแล้ว รู้สึกไม่สบายใจอีก

แต่ในช่วงเที่ยง เธอก็ได้ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผู้ชายชั้นล่าง กลับยังคงไม่ขึ้นมา

เกิดอะไรขึ้น?

ยังคุยกันไม่จบเหรอ?

ในที่สุดเส้นหมี่เริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยวิ่งลงมาจากข้างบน

“เจ ประธานพวกเธอล่ะ? ยังคุยกับลูกค้าไม่เสร็จเหรอ?”

“ห๊ะ?” พนักงานต้อนรับเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “คุยเสร็จแล้วนะ ออกมาแล้วด้วย เขายังไม่ขึ้นไปทานข้าวเหรอ?”

“……….”

เส้นหมี่หยิบโทรศัพท์ออกมา และกดโทรออก

เมื่อกดโทรศัพท์ออกไป ไม่นานก็มีเสียงคนรับสาย: “ฮัลโหล?”

“พี่ชาย พี่อยู่ไหน? ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้ว พี่ยังไม่มากินอีก?”

เส้นหมี่แอบบ่นไปหนึ่งประโยคผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด ก็คือเขาปล่อยให้เธอรอนานจนเธอหิวมากแล้วจริงๆ