บทที่ 565 ทายาทแห่งกองทัพ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 565 ทายาทแห่งกองทัพ
แต่ตอนเที่ยงของวันนี้ ผู้ชายคนนี้ไม่รู้เป็นอะไร น้ำเสียง กลับทำให้เธอรู้สึกถึงความเย็นชา

“คุณกินเถอะ ผมยังมีเรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จ”

หลังจากนั้น เขาก็วางสายไป

เส้นหมี่: “…………”

รู้สึกช็อกถึงขีดสุด!

ไอ้คนบ้านี่กล้าวางสายเธองั้นเหรอ?

เรื่องที่เขาไม่กลับมากินข้าว โดยไม่ยอมบอกเธอ นี่ยังกล้าวางสายเธอ

เส้นหมี่เริ่มรู้สึกโกรธ

แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ใช่เป็นเด็กน้อยแล้ว หลังจากโมโหไม่พอใจอยู่สักครู่ ก็กลับไปยังชั้นบนสุด เธอก็รู้สึกสงบนิ่งลงแล้ว จากนั้นก็นั่งทานข้าวคนเดียว

เขาเป็นถึงท่านประธาน แน่นอนว่าธุระก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา ไม่ได้ห่วงเรื่องทานข้าว ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

เมื่อเส้นหมี่จัดเก็บในห้องครัวเรียบร้อย ก็พักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ตอนบ่าย ก็ลงกลับไปทำงานที่แผนกปฏิบัติการต่อ

“พวกเธอเห็นหรือยัง? วันนี้ตอนเที่ยงท่านประธานพาลูกค้าออกไปทานข้าวข้างนอก เหมือนจะไม่ได้พาเธอไปด้วยนะ”

“อืม เห็นแล้ว…….”

“งั้นเกิดอะไรขึ้น? เธอไม่ใช่ภรรยาท่านประธานเหรอ? ทำไมออกไปทานข้าวข้างนอกถึงไม่พาออกไปด้วยกัน?”

“ภรรยาท่านประธานแล้วต้องพาไปด้วยเหรอ? ได้ยินว่าเธอยังทำกับข้าวอยู่ที่ชั้นบน ทำเสร็จแล้ว ยังลงมาตามท่านประธานขึ้นไปทานข้าวด้วยความอารมณ์โกรธ สุดท้ายผลคือเขาออกไปข้างนอกกับลูกค้าเสียตั้งนานแล้ว”

“…………..”

เพิ่งจะกลับเข้ามา เธอก็ได้ยินคนกำลังนินทาเธออยู่

แน่นอนว่า เป็นการเย้ยหยันอีกทั้งหัวเราเยาะเย้ย โดยเฉพาะคือตอนที่รู้ว่าเธอทำกับข้าวไว้แล้ว แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ได้ขึ้นไปทาน

เส้นหมี่เดินเข้าออฟฟิศด้วยสีหน้าแบบไร้อารมณ์

นี่ก็คือสาเหตุที่เธอไม่ชอบมาทำงานในสถานที่แบบนี้ เธอก็รู้แต่แรกแล้ว แม้ว่าทุกคนในบริษัทจะรู้ว่าเธอคือเจ้านายหญิงของตึกนี้

แต่ว่า ยังคงมีคนอีกมากมายที่ไม่ยอมรับ

เพราะว่า เธอดูธรรมดาจนเกินไป

และก็เพราะว่า ผู้ชายคนนั้นโดดเด่นสะดุดตาจนเกินไป ในใจของพวกเธอเหล่านั้น คิดว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขา

เส้นหมี่ก็พาตัวเองเข้าสู่โหมดทำงาน

——

ใน สเปลนดิด วิลล่า

แสนรักที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกายเรียบร้อยแล้ว ในมือถือไม้กอล์ฟอยู่ มาถึงก็เหวี่ยงวงสวิงตีลูกอล์ฟสีขาวอย่างบ้าคลั่ง!

เจเค: “วันนี้เขากินยาผิดมา? ลูกกอล์ฟถูกเขาตีจนแทบจะแตกละเอียดแล้ว!”

เปรมไตร : “……………”

ไม่พูดอะไร แต่ว่า สีหน้าแบบหมดคำพูด ก็ไม่ต่างอะไรกับความหมายของเขา

ม็อกโกขมวดคิ้ว สักครู่ ถึงจะถือไม้กอล์ฟเดินออกไป

“วันนี้แกเป็นอะไร? ดูท่าไฟโมโหไม่เบานะ ใครทำอะไรแก?”

“……………”

ไม่มีคนตอบ

สิ่งที่ตอบกลับเขา มีเพียงแต่เสียง “ปิ้ว” มีลูกกอล์ฟอีกลูกที่โดนผู้ชายคนนี้ตีอย่างแรงกำลังลอยออกไป!

ไฟโมโหนี้ ไม่น้อยจริงๆ…….

ม็อกโกยืนอยู่ข้างที่วางลูกกอล์ฟ ในมือก็ถือไม้กอล์ฟอยู่: “ฉันได้ยินว่าช่วงนี้แกกำลังสืบหาเรื่องพ่อแท้ๆของแกอยู่ ทำไมล่ะ เพราะยังไม่มีความคืบหน้าเหรอ? ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม? ”

“ไม่ต้อง!”

ผู้ชายที่กำลังเหวี่ยงวงสวิงไม้กอล์ฟอยู่นั้น ก็ตอบคำถามนี้มาอย่างรวดเร็ว

แต่ว่า ยังคงมีอารมณ์ความโกรธเคืองอยู่ !

ม็อกโกทำได้เพียงแค่ยิ้มรับอย่างทำอะไรไม่ได้

สักครู่ เมื่อเขาตีไม้กอล์ฟในมืออันนี้เสร็จ เขาก็ไปหยิบน้ำขวดหนึ่งมา และไปยืนอยู่ด้านข้างกายชายคนนี้อีกครั้ง

“แกไม่ต้องการให้ฉันช่วย อีกไม่นาน ฉันก็จะต้องกลับไปกลุ่มแล้ว”

“เร็วจัง?”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ในที่สุดแสนรักก็หยุดลง หันข้างมามองดูเขา

ม็อกโกพยักหน้า: “กลับมาครั้งนี้ เดิมเพราะว่าร่างกายของปู่ฉันเกิดผิดปกติ ไม่ใช่ลาปกติของกลุ่ม เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องรีบกลับไปกลุ่ม”

“พูดถึงเรื่องนี้ ผมก็ยุ่งๆ ลืมไปเลยว่าจะถามพี่ ตอนนี้คุณปู่พี่เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”

ในที่สุดแสนรักก็นึกเรื่องนี้ออก แสดงสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที และถามคำถามออกไป

ม็อกโกยิ้ม: “ไม่เป็นไร เป็นอาการเก่าแล้ว พอถึงช่วงนี้ เขาก็จะคิดถึงคุณอา ของฉัน แล้วก็จะล้มป่วยทุกปี ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร?”

เขาเหมือนกับว่าทำอะไรไม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็สามารถมองเห็นความเบื่อหน่ายในแววตาของเขา

แสนรักถึงกับประหลาดใจไปชั่วขณะ!

สำหรับตระกูลเทวเทพ หลังจากที่รู้จักพี่ชายคนนี้ จะมากจะน้อย ก็เขาได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านของเขา คุณอาของเขาที่เสียไปแล้ว ก็ได้ยินเขาเอ่ยถึงเป็นบางครั้ง

แต่ เมื่อก่อนเขาไม่ใช่พูดว่า คุณอาของเขาเป็นคำต้องห้ามของบ้านพวกเขาเหรอ?

ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณท่านยังคงล้มป่วยจากสาเหตุที่คิดถึงคุณอาของเขาล่ะ? อีกอย่างก็เป็นแบบนี้ทุกปี?

แสนรักเกิดความสนใจขึ้น

“เรื่องคุณอาของพี่ตกลงเป็นยังไงกันแน่? ครั้งก่อนเหมือนผมได้ยินพี่พูดว่า ปู่ของพี่ไม่ชอบเขามาก”

“อืม ลูกเนรคุณ!”

ม็อกโกสรุปอย่างจำใจอีกครั้ง

แสนรัก: “……………”

ลูกของตัวเองคนหนึ่ง สุดท้ายสรุปเรียกด้วยคำแบบนี้ เขาก็ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นอะไรจริงๆ

“อะไรคือลูกเนรคุณ? หรือว่าเพราะไม่ฟังคำสั่งของตระกูลเทวเทพของพวกพี่ ก็คือเป็นลูกเนรคุณแล้วเหรอ? ผมกลับคิดว่าเรื่องนี้คุณอาของพี่ไม่ผิด เพราะชีวิตของตัวเอง อย่าว่าแต่เครื่องอิสริยาภรณ์ที่ไร้ค่า แม้แต่มงกุฎสวมอยู่บนตัวผม ผมก็สามารถที่จะทำลายมันได้!”

พอดีจังหวะนี้ เจเคกับเปรมไตรสองคนนี้ก็เดินเข้ามา

ได้ยินหัวข้อที่คุยกันนี้ เจเคก็รีบอ้าปากพูดเสริมมาหนึ่งประโยค

ม็อกโก: “……..”

ยังไม่ทันที่จะออกเสียง เปรมไตรที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ใช้เท้าเหยียบเท้าของผู้ชายที่ไม่ดูตาม้าตาเรือคนนี้อย่างจัง

“อ๊าก!! เปรมไตร แกเหยียบเท้าฉันทำไม? แกอยากตายเหรอ?!!”

“แกไม่พูด ก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอก!”

เปรมไตรเบิกตาโต และด่าไปหนึ่งประโยค

ช่างหายากจริงๆ ที่จะยั่วให้ผู้ชายพูดน้อยคนนี้กล้าปริปากด่าคนได้