บทที่ 566 แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

แสนรักมองดูสองคนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

เครื่องอิสริยาภรณ์?

เขาไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อน

แต่ เขารู้ว่าสำหรับ ตระกูลทหาร แล้วสิ่งแบบนี้ ย่อมหมายถึงอะไร

ได้ยินว่า มีเพียงคนที่ชนะในสงคราม ถึงจะมีสิทธิ์ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์แบบนี้ และยังได้ยินอีกว่า มีสิ่งของนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้ตระกูลมีความสูงส่งและมีเกียรติมากขึ้น

เรียกได้ว่ากลายเป็นเชื้อพระราชวงศ์ที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น

แต่ คุณชายรองตระกูลเทวเทพ กลับทำลายมันทิ้ง?

แสนรักเองก็ไม่ค่อยเข้าใจแล้ว : “ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? เครื่องอิสริยาภรณ์เป็นถึงตัวแทนฐานะของตระกูลพวกแก เขากับคุณปู่ของแกมีเรื่องบาดหมางอะไรกันไหม?”

ทันทีที่เขาเอ่ยปากมาก็มิได้จะโทษคุณอาคนนั้น อีกอย่างในฐานะของคนนอก ก็เลยถามคำถามแบบนี้ก่อน

บางที นี่อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเขา

ตอนนั้น เขาก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับธนากรอยู่ไม่น้อย

ม็อกโกกลับพยักหน้าจริงๆ : “น่าจะไม่ชอบที่คนในตระกูลจัดการชีวิตให้เขานะ เขาเป็นทายาทของตระกูล ทายาทแห่งกองทัพ ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็ต้องกดดันตกอยู่ที่เขา เรื่องแต่งงาน เรื่องงาน………เป็นต้น”

“ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ถือว่าปกติมาก แต่ว่า เขาก็ไม่ควรที่จะทำลายเครื่องอิสริยาภรณ์ของตระกูลพวกพี่”

“ใช่ ดังนั้นตอนนั้นปู่ของฉันโกรธมาก ได้ยินว่า เพราะว่าเรื่องนี้ ขณะนั้นเดือดดาลกันทั้งประเทศ ลงทัณฑ์ความผิดครั้งใหญ่ของปู่ไว้ และยังประกาศเตือนอย่างเข้มงวด ปู่ของฉันเกลียดมาก จนถึงขั้นตอนหลังที่ คุณอา ของฉันตาย เขาก็ไม่แม้แต่จะมองดูเขาเลย”

ม็อกโกเล่าย้อนถึงเรื่องในอดีตของตระกูลเทวเทพ ยังคงมีความใจหายเบาๆ

ในความเป็นจริง ตอนนี้ขุนนายในตระกูลเทวเทพ ยังคงเป็นชื่อต้องห้ามที่ห้ามเอ่ยถึงอยู่

เพราะว่า ตอนนั้นความหวังทั้งหมดที่ตระกูลเทวเทพ มีต่อเขา ต่อมาเขากลับหักหลัง ตระกูลเทวเทพ ก็เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง และยังทำให้วงศ์ตระกูลเกิดความอับอายในเมืองหลวง พวกเขาต่างก็พากันเกลียดเขา!

ดาวหนึ่งดวงที่ควรจะส่องแสงเด่นสว่างที่สุดในพระราชวงศ์ สุดท้าย กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งดึงตกลงมาต่ำต้อย

พวกเขาไม่สามารถที่จะนับเขาเป็นคนของตระกูลเทวเทพ

ยิ่งไม่ให้อภัยเขาด้วย!

แสนรักฟังเข้าใจแล้ว สุดท้าย เขาได้เพียงแค่ถอนหายใจ

“งั้นปู่ของพี่ก็คงไม่ได้คิดถึงเขาจนป่วยหรอก แต่โรคหัวใจกำเริบจากที่สั่งสมมานานกว่า 20 ปี”

“ฉันก็คิดว่าใช่”

ม็อกโกฝืนยิ้มแห้งๆ พูดเสริมมาประโยคหนึ่ง

หลังจากที่คุยเรื่องครอบครัวของคนอื่น ในที่สุดอารมณ์ของแสนรักก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย พี่ๆ น้อง ๆ สี่คนตีกอล์ฟกันรอบสุดท้ายเสร็จแล้ว อีกอย่างมีโทรศัพท์จากทางบริษัท แสนรักก็เตรียมที่จะกลับไป

“บริษัทแกทางนั้นก็เพิ่งจะกลับสู่สภาพมั่นคง มีเรื่องอะไรก็อย่าเพิ่งวู่วามไป จำไว้ให้ปรึกษาคุยกันดีๆ อย่าเอาแต่เก็บไว้ภายในใจ รู้ไหม?”

ม็อกโกคือพี่ใหญ่สุด หลังจากที่เห็นว่าเขาจะไป ก็ยังกำชับย้ำเขาไปหนึ่งประโยค

เจเคได้ยิน ก็ยิ้มและพูดแทรก : “ถูก ถูก พี่สาม ผมได้ยินว่า พี่พาพี่สะใภ้สามไปทำงานที่บริษัทด้วย? สุดยอดจริงๆ อย่างนั้นพี่ก็สามารถปรึกษากับเธอได้ ผมรู้มาว่าความสามารถเธอก็เก่งกาจไม่ใช่ย่อยนะ”

“หุบปากของแกซะ!”

เดิมทีมันเป็นหัวข้อคุยแก้เบื่อตามปกติ

แต่ ทันทีที่คำพูดของเจเคจบลง ผู้ชายคนนี้ที่สีหน้าเพิ่งจะกลับมาดีขึ้น จู่ ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง

เจเค: “……….”

ม็อกโก: “……….”

ที่แม้แต่ผู้ชายด้านข้างคนหนึ่งที่ไม่ค่อยพูดอะไรมากอย่างเปรมไตร ก็หันมองผู้ชายคนนี้อยู่หลายครั้ง

ความหมายคือ แน่นอนว่าทุกคนต่างก็เข้าใจตรงกัน

คนคนนี้ ที่แท้วันนี้มาระบายอารมณ์โมโหที่นี่ ก็เพราะทะเลาะกับภรรยา!!

——

ตอนที่เส้นหมี่เลิกงานวันนี้ ก็ยังไม่เห็นแสนรักกลับเข้ามา

แต่ เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ

เพราะว่า เขาเป็นท่านประธาน ทุกวันงานที่ต้องจัดการก็เยอะแยะมากมาย ไม่ได้กลับมาเลิกงานตรงเวลา ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

เส้นหมี่จัดเก็บสิ่งของบนโต๊ะทำงาน

“ติ่ง………….ติ่งติ่ง………….”

“ฮัลโหล?”

“หม่ามี๊ เลิกงานหรือยัง? พวกเราอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกับคุณป้า รีบตามมา พวกเรากำลังกินเค้กกันอยู่ค่ะ”

เป็นหนูรินจันที่โทรศัพท์มา บอกว่าพวกเธอกำลังอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ให้เธอรีบตามไป

แสงดาวพาพวกเขามาถึงที่นี่เลยเหรอ?

เส้นหมี่รู้สึกดีใจขึ้นมา เธอก็รีบคว้ากระเป๋าออกไปจากบริษัทโดยทันที

จริงๆด้วย เมื่อเธอไปถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัท ก็มองเห็นเด็กๆ น่ารักสองสามคนกำลังนั่งเล่นกันอยู่ในรถของเล่น รถโยกไป ในมือก็ถือไอศกรีมไป

แต่แสงดาวล่ะ?

ผู้หญิงคนนี้ กลับเล่นหยิบตุ๊กตาอยู่ที่ตู้หยิบตุ๊กตาคนเดียว

“เหอะ! ของเล่นบ้าอะไรเนี่ย หลอกเอาเงินของฉันชัดๆ!”

หยิบอยู่หลายครั้งก็หยิบไม่ได้สักตัว แน่นอนว่า ผู้หญิงคนนี้ก็เลยใช้เท้าเตะไปหนึ่งที และตะโกนด่าระบายโมโหใส่ตู้หยิบตุ๊กตาอย่างหัวเสีย

เส้นหมี่: “………..”

สะบัดหัวส่ายไปมา ไม่สนใจเธอ รีบตรงไปหาพวกเด็กๆ

“อิคคิว รินจัง กำลังกินไอศกรีมกันอยู่เหรอจ๊ะ?”

“ใช่ค่ะใช่ค่ะ หม่ามี๊ แม่มาถึงสักที นี่ อันนี้เว้นไว้ให้หม่ามี๊ค่ะ”

หนูรินจังเป็นเด็กผู้หญิง ค่อนข้างติดคน เมื่อเห็นหม่ามี๊มาถึงแล้ว ก็รีบกระโจนลงมาจากรถโยกราวกับเจ้านกนางแอ่นน้อยในมันที

เส้นหมี่รีบนั่งลงรอกอดรับเธอไว้

คิวคิวก็ลงมา แต่ เขาไม่ได้อ้อนเก่งเหมือนน้องสาวของเขา หลังจากเดินมาแล้ว ก็จับมือหม่ามี๊ไว้ “หม่ามี๊ หม่ามี๊ทำงานเหนื่อยไหมครับ? แด๊ดดี๊ให้หม่ามี๊ทำงานเยอะไหม?”