บทที่ 1325 สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของแบดเจอร์? / บทที่ 1326 มีนายคนเดียวชั่วชีวิต

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1325 สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของแบดเจอร์?

ทำลายสาขาย่อยและสู้กับทหารรับจ้างเยี่ยหวันหวั่นยังพอเข้าใจได้…แต่ไปแย่งเงินของตระกูลเฉินนี่มันยังไง…

แต่สไตล์การทำงานแบบนี้ของแบดเจอร์ก็ดูสมกับสไตล์ของพันธมิตรอู๋เว่ยอยู่เหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ พันธมิตรอู๋เว่ยยังคิดจะกวาดล้างตระกูลโจวเพื่อแย่งที่ดินของพวกเขาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ

“พี่เฟิ่ง ดูจากสไตล์ของนายแห่งอาชูร่าคนนั้น เดาว่าคงไม่เห็นเหลือบไรตัวเล็กๆ อย่างพวกผมอยู่ในสายตา เกรงว่าคงจะเริ่มเปิดศึกจากพี่ก่อนเป็นคนแรก”

เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ

เธอไปก่อเวรสร้างกรรมอะไรไว้กันแน่ เธอแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข…แล้วก็หยิบยืมอำนาจของพันธมิตรอู๋เว่ยตามหาซือเยี่ยหานก็เท่านั้น…

ตอนนี้เป็นไงล่ะ ขวาก็เจ้าหมาจรจัด ซ้ายก็จี้หวง แล้วยังมีนายแห่งอาชูร่าน่ารำคาญอะไรนั่นเพิ่มมาอีกคน ใครจะช่วยเธอได้บ้าง…

“มีฉันอยู่ไม่ต้องกลัว นายเองก็เป็นคนระดับสูงของพันธมิตรอู๋เว่ย แตกตื่นอย่างงี้แล้วจะเรียกขวัญกำลังใจให้คนอื่นได้ยังไง” เยี่ยหวันหวั่นใบหน้าเคร่งขรึม เหลือบมองเป่ยโต่วเล็กน้อย อย่างมากพอถึงเวลานั้นเธอก็ค่อยหนีเอาตัวรอดก็ได้…

“พี่เฟิ่งพูดถูก…” เป่ยโต่วพยักหน้าถี่ๆ

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อน

“เข้ามา” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย

“พี่เฟิ่ง” ชีซิงมองเยี่ยหวันหวั่น

“มีเรื่องอะไร” เยี่ยหวันหวั่นถาม

“ผมย้ายบีรุสกลับมาแล้วครับ” ชีซิงมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ย

“บีรุส…”

เยี่ยหวันหวั่นชะงัก ไอ้บีรุสนี่มันคืออะไรล่ะ…

เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาทันที ชีซิงคงจะมาทดสอบเธออีกแล้วสินะ

แต่ที่เยี่ยหวันหวั่นปวดหัวก็คือ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบีรุสที่ชีซิงพูดถึงคืออะไร

“หา บีรุสถูกย้ายกลับมาแล้วเหรอ?!” เป่ยโต่วประหลาดใจ เขาหันมามองเยี่ยหวันหวั่น “พี่เฟิ่ง ชีซิงใส่ใจพี่มากจริงๆ…บีรุสคือสัตว์เลี้ยงที่พี่เคยเก็บมาเลี้ยงก่อนจะหายตัวไป ผมจำได้พี่เฟิ่งชอบมันมาก!”

เมื่อเป่ยโต่วพูดจบ แววตาเย็นเยียบของชีซิงก็หันไปมองเขา

พอได้ยินเป่ยโต่วพูดอย่างนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็หยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ชีซิง พาฉันไปหามัน”

“ครับ”

ชีซิงหมุนตัวเดินออกไป

เยี่ยหวันหวั่นกับเป่ยโต่วเดินตามหลังชีซิงไปติดๆ

ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย ยัยแบดเจอร์นั่นเก็บตัวอะไรมาเลี้ยงกันนะ…

ถ้าเป็นพวกหมาแมวก็โชคดีไป แต่ถ้าหาก…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชีซิงพาเยี่ยหวันหวั่นมาที่ห้องว่างห้องหนึ่ง ยังไม่ทันเดินเข้าไป เสียงคำรามชวนขวัญกระเจิงก็ดังมาจากในห้อง

เยี่ยหวันหวั่นช็อก

เหอๆ คุณเคยรู้สึกสิ้นหวังบ้างไหม?

ฉันเคยล่ะ…

แค่ได้ยินเสียงนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็แทบจะเข่าอ่อนแล้ว เธอขอไม่เข้าไปได้ไหม?

“โตเต็มวัยแล้วจริงๆ ด้วย เสียงร้องยังน่ากลัวขนาดนี้แล้ว” เป่ยโต่วพยักหน้าหลายครั้ง

ไม่นาน ชีซิงก็เปิดประตูห้อง

เยี่ยหวันหวั่นมองเข้าไป ก็เห็นบนโซฟาในห้อง มีสัตว์ร้ายสีดำสนิทปานน้ำหมึกนอนหมอบอยู่ตรงนั้น

สูงสง่า ดำสนิท พิสดาร นี่คือภาพแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองเยี่ยหวันหวั่น

ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็มองเห็นอย่างชัดเจน บีรุสที่ชีซิงพูดถึง ก็คือเสือดำตัวหนึ่งนั่นเอง…

ประกายเย็นเยียบในดวงตาของเสือดำมองผ่านเป่ยโต่วกับชีซิงไปช้าๆ สุดท้ายก็หยุดมองที่เยี่ยหวันหวั่น

“พี่เฟิ่ง พี่ไม่คิดถึงบีรุสเหรอ” ชีซิงมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ย

“คิดถึงสิ…” เยี่ยหวันหวั่นฝืนยิ้ม คิดถึงกับผีสิ!

ชีซิงยังไม่ทันพูดอะไร เสือดำบีรุสค่อยๆ กระโดดลงจากโซฟา หางขนาดใหญ่ลู่ต่ำ ย่างกรายมาหาทั้งสามทีละก้าวๆ

—————————————————————————-

บทที่ 1326 มีนายคนเดียวชั่วชีวิต

เยี่ยหวันหวั่นภายนอกแย้มยิ้ม แสร้งทำเป็นใจเย็น โอ๊ย จะทำไงดีล่ะเนี่ย…

สัตว์ร้ายไม่เหมือนมนุษย์ พวกมันไม่ได้มองหน้าตา แต่ดมกลิ่นเอา!

เธออาจสวมรอยเป็นแบดเจอร์แห่งพันธมิตรอู๋เว่ยต่อหน้าคนอื่นได้ แต่…ต่อหน้าสัตว์ร้ายล่ะ?

ตอนนี้ชีซิงอยู่ด้วย เยี่ยหวันหวั่นไม่อาจเผยความคิดตัวเองออกมาให้เห็น ทำได้เพียงภาวนาในใจ

ไม่ว่าบีรุสจะเป็นยังไง เยี่ยหวันหวั่นก็เตรียมคำอธิบายเอาไว้แก้ตัวแล้ว

สัตว์ร้ายยังไงก็เป็นสัตว์ร้าย ยิ่งไปกว่านั่น จากที่เป่ยโต่วบอก ตอนแบดเจอร์เลี้ยงบีรุสมันยังเด็กมาก พอเลี้ยงได้ถึงตอนที่มันอายุหนึ่งปีแบดเจอร์ก็หายตัวไป ผ่านไปหลายปีแล้ว ถ้าหากบีรุสจะไม่รู้จักแบดเจอร์ หรือลืมกลิ่นของแบดเจอร์ไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติ…รึเปล่า…

แน่นอนว่าคำแก้ตัวที่เยี่ยหวันหวั่นเตรียมไว้เป่ยโต่วจะต้องเชื่อแน่ แต่ชีซิงจะเชื่อหรือไม่…ก็พูดยากเหมือนกัน…

“กรร!”

เสือดำบีรุสเดินมาหาเยี่ยหวันหวั่น แล้วจู่ๆ ก็เปล่งเสียงคำรามออกจากลำคอ

เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายในระยะใกล้ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเพียงแสบแก้วหู ประหนึ่งเสียงพายุกรีดพัด พาให้อกสั่นจวัญหาย

“จบกันๆ…”

เยี่ยหวันหวั่นหน้าซีดเล็กน้อย เธออุตส่าห์พยายามมาขนาดนี้ สุดท้าย…กลับถูกเสือดำตัวหนึ่งเปิดโปงตัวตน แม่เอ็งเถอะ…

พอเห็นเสือดำคำรามอย่างนั้น นัยต์ตาที่เย็นยะเยือกของชีซิงก็ตวัดมองมาที่เยี่ยหวันหวั่น มุมปากกระตุกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มน่ากลัว

เยี่ยหวันหวั่นกระทั่งสัมผัสได้ถึงไอสังหารรางๆ ในแววตาของชีซิง…

“ความจริง…”

เยี่ยหวันหวั่นทำท่าจะพูดแก้ตัวเหมือนที่เตรียมตัวไว้ แต่จู่ๆ กลับรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างนิ่มๆ มาถูไถอยู่ตรงท้องเธอ

เยี่ยหวันหวั่นก้มมองโดยสัญชาตญาณ

เห็นเพียงเสือดำบีรุสที่เมื่อกี้ยังดูเย็นชากระหายเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดกำลังเอาหัวใหญ่ๆ ของมันมาถูไถเธออย่างออดอ้อน…

เยี่ยหวันหวั่นนิ่ง นี่มันอะไรกัน?!

“ฮ่าๆ พี่เฟิ่ง ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าบีรุสฉลาดมาก พี่ดูสิ ตั้งหลายปีแล้วมันยังจำพี่ได้อยู่เลย” เป่ยโต่วยิ้ม แล้วยื่นมือขวาไปลูบตัวบีรุส

“โฮก!!”

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร บีรุสก็คำรามเสียงเข้ม ขนสีดำทั่วตัวตั้งชัน นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสัตว์ป่าดุร้ายเหมือนเดิม มันจ้องเป่ยโต่วเขม็ง

วินาทีนั้น เป่ยโต่วยืนนิ่งอยู่กับที่ มือขวายังบีบแก้มซ้ายของเจ้าบีรุสอยู่อย่างนั้น…

“พะ…พี่เฟิ่ง…พี่รีบกล่อมมันเร็ว…เจ้าบีรุส ตอนนั้นฉันยังเคยเอาน่องไก่ให้แกกินอยู่เลยนะ แกลืมไปแล้วเหรอ…” เป่ยโต่วรีบบอก

เยี่ยหวันหวั่นดึงมือเป่ยโต่วกลับมา เจ้าเด็กนี่เล่นไม่รู้จักเวลาเลย หยิกแก้มเสือดำเล่นอย่างงี้ ถ้าโดนกัดขึ้นมาจะไม่สงสารเลย

“บีรุสเป็นเด็กดี ไม่โกรธนะ…”

เยี่ยหวันหวั่นเอาเทคนิคเดียวกับที่เคยใช้กับต้าไป๋มาใช้กับเจ้าบีรุสด้วย

พอเห็นเจ้าบีรุสยังคงนิ่ง เยี่ยหวันหวั่นทำใจกล้าใช้มือขวาเกาใต้คางเจ้าบีรุสเบาๆ

แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เยี่ยหวันหวั่นดีใจมาก ดูท่าทางเจ้าเสือดำบีรุสจะเคลิ้มมากทีเดียว

“พี่เฟิ่ง เจ้าบีรุสจำได้แค่พี่คนเดียว…ไม่เอาคนอื่นเลย อันตรายเกินไปแล้ว พี่ไล่มันไปเถอะ” เป่ยโต่วพูดกับเยี่ยหวันหวั่น

“ไล่นายไปดีกว่าไหม?” เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองเป่ยโต่ว

ได้ยินอย่างนั้นเป่ยโต่วก็รีบฉีกยิ้มแล้วมองเจ้าบีรุส “เด็กดี มีนายคนเดียวทั้งชีวิต น่าชื่นชมจริงๆ…”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ยางอายล่ะ?

ชีซิงที่อยู่ข้างๆ ยืนมองเจ้าเสือดำบีรุสที่สนิทสนมกับเยี่ยหวันหวั่นด้วยแววตาสงสัยยิ่งกว่าเดิม