ภาคที่ 32 ป้ายคำสั่งจิตโลกา ตอนที่ 6 ตื่นตระหนก

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 6 ตื่นตระหนก โดย Ink Stone_Fantasy

จ้าวภูเขาฉื้อเหมยหยุดลงแล้วมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายตาเยียบเย็น เพียงแค่ใช้กงล้อในมือทั้งคู่สกัดกั้นพลังทำลายล้างบ้างเป็นครั้งคราวโดยมิได้โจมตีอีกต่อไป แม้ฉากหน้าจะยังคงเย็นชา แต่ภายในใจกลับกำลังไตร่ตรองการต่อสู้เมื่อครู่นี้ “กงล้อแห่งห้วงอากาศของข้ายังมิได้บรรลุถึงขั้นสุดอย่างแท้จริง หากบรรลุถึงขีดสุดแล้ว ดอกไม้สีดำของเขาพวกนั้นจะต้องต้านทานเอาไว้มิได้แน่ ขณะที่ดอกไม้ถล่มทลายลงไปนั้น การโจมตีเข้าเสริมทุกหนแห่ง ไม่มีที่ให้หลบหลีกได้ กงล้อแห่งห้วงอากาศจำเป็นต้องทนรับการโจมตี”

ในห้วงสมองของเขามีข้อมูลโดยละเอียดขณะที่ได้รับเคล็ดวิชาสืบทอดมา

เมื่อรับมืออย่างต่อเนื่อง เขาก็ค่อยๆ ได้อะไรมาบ้าง

ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็หยุดลง บุปผาผลาญทำลายดอกแล้วดอกเล่าค่อยๆ สลายไป กลับคืนสู่ฟ้าดิน

“ไม่เสียทีที่เขตลวงเป็นอันดับที่หนึ่งของผู้บำเพ็ญทั้งปวง ร้ายกาจใช้ได้เลยทีเดียว หากเจ้าไม่มีลูกไม้เขตลวงแล้วล่ะก็ ข้าก็จะสามารถเอาชนะเจ้าได้อย่างง่ายดาย” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดด้วยเสียงเฉียบคม

“วิธีการด้านอากาศของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยก็เยี่ยมยอดอย่างแท้จริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงชมเชยประโยคหนึ่ง สายตากลับมองดูรอบด้านแวบหนึ่ง เมื่อครู่เขาหนีอย่างรวดเร็วเป็นระยะทางหลายสิบล้านลี้ การต่อสู้ครั้งนี้มิได้เกิดลูกหลงที่ส่งผลกระทบต่อผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในตัวเมืองเหล่านั้น มีเพียงขอบเขตแสนล้านลี้ที่จ้าวภูเขาฉื้อเหมยบันดาลโทสะออกมาในตอนแรกสุดเท่านั้นที่สิ่งมีชีวิตสูญสิ้นไปจนหมด

“ข้ายังมีธุระอีก ต้องขอตัวก่อนแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ขณะเดียวกันมิติด้านข้างก็มีบิดเบี้ยว เขาสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่งก็เข้าไปอยู่ในนั้น

คนสติฟั่นเฟือนผู้นี้ อยู่ยิ่งห่างจากเขาก็ยิ่งดี

คนสติฟั่นเฟือนที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย ต่อให้ไม่พอใจยิ่งกว่านี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำได้เพียงสลัดทิ้งไปก่อนเท่านั้น

เดิมทีจ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดกับตงป๋อเสวี่ยอิงไปพลาง หวนคิดและไตร่ตรองการต่อสู้ครั้งนี้ไปพลางอยู่แล้ว แต่ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นจากไปนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปรไป

เขามองดูอากาศตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

อากาศผืนนั้นฟื้นคืนสภาพปกติแล้ว แต่การสัมผัสรับรู้อากาศของเขาร้ายกาจเพียงใด เขาจำระลอกคลื่นขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้อย่างชัดเจน

“นี่ นี่มัน…” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันศาสตร์การส่งถ่ายทางสายของพวกเรานี่นา เขา เขาสำแดงออกมาได้อย่างไรกัน”

คุ้นเคยเกินไปแล้ว

เคล็ดวิชาสืบทอดทางสายของพวกเขานี้เป็นความลับอย่างยิ่งยวด

ทั่วทั้งอากาศอันสับสนอลหม่าน ผู้ที่นับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดอย่างแท้จริงก็มีอยู่เพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือประมุขหอหมื่นโลกา อีกคนหนึ่งก็คือเขา จ้าวภูเขาฉื้อเหมย! ดังนั้นจ้าวภูเขาฉื้อเหมยจึงย่อมเกิดความหยิ่งผยองในใจขึ้นเป็นธรรมดา แม้แต่บรรดาเทพจักรวาลซึ่งมีพลังแข็งแกร่งกว่าเขา เขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา ความหยิ่งผยองของเขาก็มาจากเคล็ดวิชาสืบทอดของเขานั่นเอง ในสายตาเขา เคล็ดวิชาสืบทอดของตนนั้น…เหนือกว่าระบบการบำเพ็ญอื่นๆ ทั้งหมด!

ระบบศาสตร์โบราณ ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ระบบทิพย์ ระบบเหล่ากลืนกิน ระบบการบำเพ็ญพลรบซึ่งแกร่งที่สุดและอื่นๆ

ล้วนห่างชั้นกับเคล็ดวิชาสืบทอดของตนลิบลับ

เคล็ดวิชาสืบทอดของตนนั้นสามารถกดดันเคล็ดวิชาสืบทอดทั้งปวงได้อย่างแท้จริง!

เคล็ดวิชาสืบทอดทางสายนี้ทำให้เขา จ้าวภูเขาฉื้อเหมยมีศาสตร์การส่งถ่ายพิเศษ ร่างแปรก็สามารถสำแดงออกมาได้! และสามารถปรากฏกายขึ้นในที่แห่งใดของอากาศอันสับสนอลหม่านก็ได้ นอกจากนี้หากมีร่างแยก ร่างแยกก็สามารถซ่อนตัวได้ ศาสตร์การสะกดรอยทั้งมวลล้วนหาไม่พบ พลังรบก็น่าหวาดหวั่นมากเช่นกัน เขาจัดอยู่ในอันดับเหนือสุดของบรรดาระดับชั้นที่เก้า

เขาและประมุขหอหมื่นโลกาล้วนมีสถานะไม่ธรรมดา

แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางสายพวกเขาออกมาเสียนี่!

“เขาศึกษาสำเร็จได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก! ท่านอาจารย์มิได้อยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่านเลย ทางสายของพวกเรามีเพียงข้าและศิษย์พี่หมื่นโลกาแค่สองคนเท่านั้น แม้พวกเราจะถ่ายทอดให้บรรดาศิษย์เช่นกัน แต่ก็ถ่ายทอดแค่พื้นฐานสุดให้เท่านั้น มิได้บำเพ็ญจนถึงระดับที่สูงส่งพอ หากท่านอาจารย์มิได้เห็นด้วย ก็ย่อมมิอาจถ่ายทอดเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักให้ได้ เขาไปศึกษาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกามาจากไหนกัน” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยแตกตื่นอยู่บ้าง ทั้งยังมีความเดือดดาลอยู่ด้วย

เขาเข้าใจดีมากว่า

แม้พวกผู้บำเพ็ญศาสตร์โบราณจะสามารถส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ แต่วิธีก็แค่เช่นทางเดินมิติหรือการเคลื่อนที่ผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ดังนั้นจึงต้องเป็นร่างจริงเท่านั้นที่สามารถสำแดงออกมาได้ ไม่เพียงแค่ศาสตร์โบราณเท่านั้น แต่รวมถึงบรรพชนห้วงอากาศด้วย! เนื่องจากวิธีการของพวกเขามีภาระมากเกินไป ร่างแปรจึงไม่มีทางสำแดงออกมาได้เลย

แต่ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทางสายจ้าวภูเขาฉื้อเหมยนั้น หากบรรลุแล้ว การสำแดงออกมาก็เป็นภาระของพลังจิตน้อยมาก ร่างแปรก็สามารถสำแดงออกมาได้อย่างง่ายดาย

“ร่างแปรของเขาสามารถสำแดงออกมาได้ ก็มิใช่ว่าสามารถไปเสาะหารังระดับเกราะทองได้แล้วหรือ” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยโมโห และถึงขั้นร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ในสายตาของเขา

เมื่อฝูงมารผลาญทำลายมีภัยคุกคามมากขึ้นทุกทีๆ ในท้ายที่สุดเทพจักรวาลเหล่านั้นก็จะต้องก้มหัวศิโรราบต่อเขา เพื่อขอให้เขาช่วยตามหา! เพราะว่า ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ ศิษย์พี่ของเขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว จึงไม่ต้องร้อนรนอีกต่อไป เขาเคยพูดคุยกับศิษย์พี่ประมุขหอหมื่นโลกามาก่อน จึงไม่มีทางมาแย่งชิงผลประโยชน์ครั้งใหญ่นี้กับเขา เขาลับมีดดังฉับๆ มาตั้งนานเพื่อที่จะขูดรีดบรรดาเทพจักรวาลสักตั้ง

หากได้ศิลาปฐมโลกามาไม่ถึงหลายล้านก้อนไปจนถึงสักสิบล้านก้อน จะรามือได้อย่างไรกัน

แต่ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สามารถสำแดงออกมาได้เช่นกัน เมื่อดูจากนิสัยของอีกฝ่ายที่สามารถไล่ล่าฝูงมารผลาญทำลายไปทั่วสารทิศอย่างไม่ย่อท้อต่อความลำบากแล้ว เกรงว่าคงจะยินดีตามหารังระดับเกราะทองโดยไม่ต้องเรียกร้องศิลาปฐมโลกา!

“ไม่ เรื่องพรรค์นี้จะเกิดขึ้นมิได้เป็นอันขาด” นัยน์ตาของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยฉายแววร้ายกาจ หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้เขาจงใจท้ายทายเพียงเพื่อต่อสู้ เช่นนั้นตอนนี้เขาก็ร้อนใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว และยังถึงขั้นเกิดความอาฆาตขึ้นมาเลยทีเดียว

อากาศด้านข้างบิดเบี้ยว

จ้าวภูเขาฉื้อเหมยสาวเท้าเข้าไปในนั้นแล้วหายวับไป

การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของเขาเหมือนกับตงป๋อเสวี่ยอิงทุกประการ!

……

ภายในเมืองใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ที่นี่มีหอหมื่นโลกาตั้งอยู่แห่งหนึ่ง

หอหมื่นโลกาครอบคลุมไปหลายท้องที่ของอากาศอันสับสนอลหม่าน ภายในหอหมื่นโลกาแต่ละแห่งล้วนมีชายชราอยู่ผู้หนึ่ง ชายชราล้วนเหมือนกันทุกประการ กลิ่นอายก็เหมือนกันหมด เพราะล้วนแต่เป็นร่างแยกของเทพจักรวาล ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ ที่แท้แล้วร่างแยกของเขามีจำนวนมากน้อยเท่าใดนั้น เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่

สวบ

เนื่องจากเป็นระยะทางใกล้มาก จ้าวภูเขาฉื้อเหมยจึงส่งถ่ายตรงไปยังหอหมื่นโลกาทันที นอกจากที่นี่จะมีชายชราซึ่งเอนกายนอนกรนดังคร่อกๆ อยู่บนตั่งแล้ว ก็ไม่มีแขกเหรื่อใดอีกเลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากการรับประทานอาหารภายใน ‘หอหมื่นโลกา’ สักมื้อนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงลิบลิ่ว และอาหารก็ยังย่ำแย่มาก หากไม่มี ‘เหตุผลพิเศษ’ แล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดเข้ามาแน่นอน

“เอ๊ะ” ชายชราซึ่งกำลังนอนกรนดังคร่อกๆ ลืมตาอันห้อยย้อยขึ้นมา แล้วเหลือบมองจ้าวภูเขาฉื้อเหมยซึ่งปรากฏกายขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ ว่า “ฉื้อเหมยเองหรือนี่ ไยจู่ๆ ก็มาปรากฏกายตรงนี้ได้เล่า”

“ศิษย์พี่ เกิดเรื่องยุ่งยากแล้ว” จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกล่าว

“เรื่องยุ่งยากรึ เรื่องยุ่งยากอันใดกัน” ชายชรายืดกายขึ้น ยังคงไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าใดนัก เขาและศิษย์น้องจ้าวภูเขาฉื้อเหมยนั้นแตกต่างกัน เขาสำเร็จเป็นเทพจักรวาลตั้งนานแล้ว เขาสามารถมองดูโลกเกิดขึ้นและดับสลายไปได้อย่างสงบมาก เมื่อเทียบกันแล้ว ‘จ้าวภูเขาฉื้อเหมย’ ศิษย์น้องของเขาต้องร้อนรนมากกว่าอยู่บ้าง

จ้าวภูเขาฉื้อเหมยกล่าวว่า “ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักของทางสายพวกเรา ท่านมิได้ถ่ายทอดให้ศิษย์กระมัง”

“หากท่านอาจารย์มิได้อนุญาต ข้าจะกล้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักออกไปได้อย่างไรกัน” ชายชราส่ายหน้า

จ้าวภูเขาฉื้อเหมยพูดเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าก็มิได้ถ่ายทอดเช่นกัน แต่ว่า…ตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งวังทวีสูญผู้นั้นกลับสามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมาได้”

“อะไรนะ”

ชายชราตกตะลึง

ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา…เป็นวิธีการที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดของเคล็ดวิชาสืบทอดซึ่งเป็นหัวใจหลักของพวกเขา

อย่างเขาและจ้าวภูเขาฉื้อเหมย แม้จะกล่าวว่ามาจากทางสายเดียวกัน แต่อันที่จริงแล้วก็เอนเอียงไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน! เหมือนดั่ง ‘จักรพรรดิดำ’ และบรรพชนโลกาก็เอนเอียงไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน

แม้พวกเขาทั้งสองจะเป็นทิศทางที่แตกต่างกันของสายเคล็ดวิชาสืบทอด แต่พวกเขาก็สามารถสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมาได้เช่นเดียวกัน นี่เป็นวิธีการเดินทางพื้นฐานที่สุด

“ตงป๋อเสวี่ยอิงรึ” ชายชราไม่อยากจะเชื่อ “ขั้นอลวนอย่างเขาคนหนึ่งจะไปศึกษาศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกามาจากไหนกัน ท่านอาจารย์ก็มิได้อยู่ในอากาศอันสับสนอลหม่านของเรา หากท่านอาจารย์กลับมา ข้าก็ต้องสามารถสัมผัสรับรู้ได้ทันทีสิ!”

“ถูกต้อง ข้าสงสัยว่าเขาจะอาศัยเขตลวงของเขาตรวจพบวิธีการบำเพ็ญพื้นฐานที่สุดจากศิษย์ของพวกเราน่ะสิ และจากวิธีการบำเพ็ญพื้นฐานที่สุด…ก็ผลักดันจนเป็นศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาขึ้นมา” นัยน์ตาของจ้าวภูเขาฉื้อเหมยเต็มไปด้วยแววอาฆาต “อากาศอันสับสนอลหม่านนี้มีขุมอำนาจหลายฝ่าย ผู้ที่อยากจะศึกษาทางสายเคล็ดวิชาสืบทอดของพวกเรามีมากมายยิ่งนัก เทพจักรวาลพวกนั้นต่างก็มองเคล็ดวิชาสืบทอดของพวกเราตาเป็นมัน ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้กลับรับรู้และแอบศึกษาวิธีการพื้นฐานของเรา จนผลักดันศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาออกมาได้ จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปมิได้เป็นอันขาด! หากเขามีชีวิตอยู่ต่อไป ก็เกรงว่าคงจะเรียนรู้ได้มากกว่านี้ ต้องฆ่าเขาทิ้งเสีย!”

 ………………………………….