บทที่ 6 บทที่ 56 วิวัฒนาการ

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บางส่วนของร่างกายไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้มันคลานลงบันไดนี้ต่อไปไม่ได้…เพราะภายในร่างกายของมันมีของที่แตกต่างกันอยู่มากมาย ก่อนที่จะสามารถย่อยสลายของเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์นั้น มันก็ไม่อาจควบคุมร่างกายของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันเพิ่งได้รับบาดเจ็บหนักมา ทำให้ร่างกายที่แต่เดิมรวมตัวได้ยากแล้วกลายเป็นยากขึ้นไปอีก

เหมือนกับตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะว่าร่างกายทุกส่วนต่างหิวโหย มันก็ไม่อาจจะขยับเดินทางได้อย่างราบรื่น

มันเคลื่อนไหวเหมือนงูจากที่ไกลออกไปมาถึงสถานที่แห่งนี้ ส่วนตอนนี้มันเป็นเหมือนกับตุ๊กแกคลานหลบหนีอยู่บนกำแพงด้านข้าง ความขัดแย้งภายในร่างกายลดน้อยลงไม่น้อยหลังออกมาจากสถานที่แห่งนั้นแล้ว

แต่เมื่อความรู้สึกขัดแย้งหายไป ความรู้สึกหิวโหยก็รุนแรงขึ้นมา

หรือจะสะสมเสบียงแบบเดิมงั้นหรือ? นับตั้งแต่มันได้รับบาดเจ็บหนัก มันก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่า บนโลกนี้มีสิ่งที่ทำร้ายมันได้อยู่ไม่น้อย

ดังนั้นมันจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ระมัดระวัง…ไม่ให้ตนเองถูกรบกวนตอนสะสมอาหารและไม่ให้ถูกสิ่งที่ทำร้ายมันได้พบเห็น

ในระหว่างที่มันเดินทางไปตามตรอกซึ่งเต็มไปด้วยเงามืด มันได้เริ่มมุ่งหน้าไปใกล้อาหารที่ทำให้มันตื่นเต้น นับตั้งแต่มันหนีรอดออกมาได้ มันก็พบกับอาหารอร่อยชนิดนี้

และที่มากกว่านั้นก็คือบนโลกนี้มีอาหารอร่อยถูกปากชนิดนี้อยู่เต็มไปหมด อีกทั้งอาหารชนิดนี้ยังได้มาง่ายโดยไม่ต้องออกแรงเลย

มันยังไม่รู้ว่าอาหารชนิดนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘มนุษย์’ เพราะตอนนี้มันแค่เคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น

ใช่แล้ว นับตั้งแต่มันถูกสร้างออกมามันก็เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณมาตลอด

ด้วยสัญชาตญาณนี้ทำให้มันพบเหยื่อที่เหมาะสมในส่วนลึกของตรอกได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้อาหารที่มันมองว่าหาได้ง่ายนั้นกำลังนอนอยู่บนพื้น

มันไม่รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ในโลกมนุษย์จะเรียกว่าอาการเมาจนล้มกองบนถนน และยิ่งไม่รู้ว่าคนที่เมาจนล้มอยู่ที่นี่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ‘คนเร่ร่อน’

ส่วนหัวเป็นส่วนที่มันชอบกัดเป็นส่วนแรก

คนเร่ร่อนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ บางทีเขาอาจจะกำลังฝันหวานด้วยอิทธิพลของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้นเขาก็ลาจากโลกที่ทอดทิ้งเขาไปตลอดกาล

หลังจากมันกลืนกินส่วนหัวของคนเร่ร่อนจนหมด ต่อมาทั้งร่างของมันก็ปกคลุมไปทั้งตัวของคนเร่ร่อน จากนั้นทุกส่วนของร่างกายมันก็เริ่ม ‘ปฏิบัติการ’ ขึ้นมา

ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดดังขึ้น มันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างถูกลอกออกมาจากร่างกายของตนเอง จากนั้นความเจ็บปวดอันรุนแรงก็เริ่มกระตุ้นเส้นประสาทของมัน ทำให้มันส่งเสียงกรีดร้องอันแปลกประหลาดออกมา

แต่เสียงก็ไม่ดังมาก แม้จะเจ็บปวดมากขนาดไหนก็…ยังคงไม่ดัง เพราะมันยังวิวัฒนาการส่วนที่เป็นปากของมันไม่เสร็จสมบูรณ์

ร่างกายของมันถูกตัดออกเป็นสองส่วน ด้วยของบางอย่างเหมือนแท่งไม้ที่ถูกตัดโดยช่างไม้

แต่ร่างกายที่แยกก็ยังคงกระตุกอย่างรุนแรง

“ถูกตัดแบบนี้ก็ยังไม่ตายงั้นเหรอ?”

ตอนนี้เองนีโรก็ค่อยๆ เดินออกมาจากมุมหนึ่งของตรอก เธอมองมันที่อยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มองซากร่างของคนเร่ร่อนซึ่งถูกตัดออกเป็นสองส่วน และสุดท้ายก็หันมามองมันอย่างพิจารณาอีกครั้ง

เธอมาถึงที่นี่ก่อนนานแล้ว เพราะ ‘ยามะ’ ได้กลิ่นของมัน

เธอไม่ได้รีบร้อนลงมือในตอนที่มันกำลังกินอยู่ก็เพื่อให้มันลดความระมัดระวังลง…สำหรับเรื่องความเป็นตายของคนเร่ร่อนนั้น…ในเมื่อไม่รู้จักกัน จะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับเธอ

“แก่นกลาง…” นีโรตวัดแขนในทันใด แสงบนมือวาบผ่านไปบนร่างกายครึ่งหนึ่งของมัน

มีดยามะอันดุร้าย…มีรูปร่างเหมือนดาบคาตานะ*

หลังจากถูกมีดยามะตัดแล้ว ร่างกายส่วนนั้นก็กลายเป็นกองเลือด นีโรถึงได้พูดขึ้นมาว่า “ไม่อยู่ที่นี่…งั้นก็คงอยู่อีกส่วนหนึ่ง”

เธอเดินไปยังมุมซึ่งส่วนที่เหลือของมันซ่อนอยู่ พร้อมกับลากมีดยามะเดินไปข้างหน้า

เสียงคมมีดกรีดไปบนพื้นซีเมนต์เหมือนกับเสียงคนขายเนื้อกำลังลับมีด

“แกจะต้องแปลกใจแน่ว่าทำไมถึงถูกพบ?” นีโรหรี่ตาลง “เพราะตามปกติมีดยามะกินของที่คล้ายแกมามาก ดังนั้นไม่ว่าแกจะซ่อนกลิ่นของตัวเองแค่ไหนก็หนีมันไม่พ้น”

ชั่วขณะนั้นมันก็หดร่างกายของมันเข้า

“ยินดีกับแกด้วย ยามะ” ตอนนี้นีโรยิ้มและพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าจะพบเจอ ‘อาหาร’ ที่แกกินประจำในประเทศนี้ มิน่าแกถึงได้ตื่นเต้นแบบนี้ แต่ดูเหมือนไอ้นี้จะไม่ค่อยเหมือนผลิตภัณฑ์ล้มเหลวที่แกจัดการเป็นประจำ ดูแล้วคงเป็นเพราะใช้ปีศาจทางฝั่งตะวันออกเป็นวัสดุ…”

มีดยามะแทงเข้าไปในร่างของมัน “ฉันจะดูสิว่าแก่นกลางของแกซ่อนอยู่ที่ไหน…อืม เป็นใครกันแน่ที่ประกอบร่างแกขึ้นมา? ดูจากฝีมือแล้วคงไม่ใช่ฝีมือของพวกเฒ่าสารเลวของสมาคมที่ศึกษาสิ่งนี้…เป็นคุกงั้นเหรอ?”

แต่เมื่อนีโรครุ่นคิดแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่ เธอส่ายหน้าและยกมีดยามะขึ้นมา แล้วแทงลงไปอีกที่

คุกไม่น่าจะสนใจของแบบนี้

มันที่ถูกมีดยามะทิ่มแทงสองครั้งก็ให้ร่างกายเกิดความรู้สึกล่มสลาย…มันที่เดิมทีไม่เข้ากันอยู่แล้ว มาตอนนี้กลับเหมือนเครื่องยนต์ซึ่งฟันเฟืองติดขัดจนเป็นอัมพาตอย่างสมบูรณ์ มีเพียงความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แต่ทันใดนั้นนีโรกลับส่ายหน้าอย่างกะทันหัน “ดูจากท่าทีแล้ว คงยังวิวัฒนาการไม่ถึงขั้นที่สามและคงยังถามอะไรไม่ได้”

เธอดึงมีดยามะออกมาและชูมันขึ้นสูง บนมีดยามะมีเส้นใยแสงสีม่วงฟ้าค่อยๆ โผล่ออกมา “ตามกฎเดิม นอกจากแก่นกลางที่ต้องเก็บกลับแล้ว นอกนั้นแกอยากกินมากน้อยแค่ไหนก็ตามสบายเลย”

ชั่วขณะนั้นเส้นใยแสงสีม่วงฟ้าก็ขยายตัวขึ้นมา ดูเหมือนมีดยามะจะตื่นเต้นแล้วสินะ

“โอ้ สงบใจไม่ไหวแล้วเหรอ”

นีโรส่ายหน้าค่อยๆ ลดแขนตัดลงไป

แต่ภายในพริบตานั้น มันกลับขยับตัวอย่างกะทันหัน บน ‘ใบหน้า’ บางใบหน้าของมันบริเวณท้องของส่วนที่เหลือครึ่งหนึ่งก็ยิงบางอย่างออกมา!

ยิงพุ่งด้วยหมายจะให้ทะลุหัวใจของนีโร!

พริบตาเดียวนีโรก็ยกมีดยามะขึ้นมาขวางไว้ตรงหน้าของตัวเอง ได้ยินเพียงเสียง ติ๊งๆๆๆ หลายเสียงดังขึ้น…ของที่ยิงออกมาดูคล้ายกับเข็มพิษ…คล้ายกับเข็มบนก้นของผึ้ง

“ตอบโต้งั้นเหรอ?” นีโรรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าอยู่ด้านหลัง…เพราะของสิ่งนี้ได้กลายเป็นกองเลือดไหลหนีลงคลองในตรอกไปอย่างรวดเร็ว

“อา หนีไปแล้ว”

นีโรพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็เก็บมีดยามะที่กำลังสั่นและไม่พอใจกลับไป

“อืม ถือว่าไม่ได้พบแล้วกัน~เพราะถึงยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน~”

เธอแบกกระบอกยาวสีดำไว้ด้านหลังอีกครั้ง หลังจากหาวครั้งหนึ่งแล้วก็เอามือล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อ…และ…เดินจากไป…

มีดยามะ : ไหนว่าจะให้ข้ากินอาหารไง???

วันหนึ่งขณะที่ลั่วชิวกำลังทอดไข่เจียวและเบคอนอยู่ในครัว เพิ่งโรยเกลือไปเล็กน้อยก็ได้ยินเสียงท่าทางรีบร้อนดังมาจากห้องนั่งเล่น

เป็นเสียงของเริ่นจื่อหลิง

เริ่นจื่อหลิงพุ่งตัวเข้ามาในครัวอย่างรวดเร็ว ปากยังกัดหนังยางและกำลังมัดผมของตนเองอยู่

“มีเรื่องอะไรครับ?” ลั่วชิวถามออกไป

“ฉันไม่กินข้าวเช้าแล้วนะ” เริ่นจื่อหลิงพุ่งเข้ามาหยิบขนมปังชิ้นหนึ่งและกัดไว้ในปาก “มีข่าว! ข่าวใหญ่!! พบซากร่างไร้หัวของคนเร่ร่อนและร่างกายส่วนที่เหลือยังถูกของบางอย่างตัดออกเป็นสองท่อน ศพถูกทิ้งอยู่ในตรอก! อาจจะเป็นฆาตกรโรคจิต!”

เจ้าของสมาคมลั่วค่อยๆ หันกลับมา

ขณะนี้เริ่นจื่อหลิงกำลังเบิกตากว้างพูดว่า “เธอก็คิดว่าร้ายกาจมากใช่ไหม!”

แต่ลั่วชิวกลับส่ายหน้า

เริ่นจื่อหลิงกะพริบตาและถามไปว่า “เธอดูสงบไปหน่อยนะ ไม่ตกใจเลยงั้นเหรอ?”

แต่ลั่วชิวกลับตอบอย่างเรียบเฉยว่า “ผมแค่คิดว่า เรื่องที่คุณกัดขนมปังอยู่แต่ยังพูดได้ชัดเจนดูแปลกประหลาดกว่าอีก…”

เริ่นจื่อหลิง…หลังรองบรรณาธิการเริ่นชูนิ้วกลางออกไปทักทายลั่วชิวแล้วก็รีบออกจากประตูไปทันที

พูดชัดเจนทั้งที่กำลังกัดขนมปังอยู่ได้ยังไงกัน?

เจ้าของสมาคมลั่ว…ทอดไข่เจียวต่อ

*ดาบคาตานะ ดาบซามุไรญี่ปุ่น