บทที่ 711 ชาแก่ภูเขาเหลือง

บัลลังก์พญาหงส์

ตอนที่ถาวจวินหลันรู้ข่าวนี้ ก็เพียงแค่ตะลึงไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้แปลกใจนัก นางเคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อน 

 

 

อย่างไรวังหลวงก็ไม่ใช่สถานที่อื่น คนทั้งคนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครเห็นได้อย่างไร? ดังนั้นนางเคยคิดว่า หากจิ้งเฟยไม่ได้หนีไปก่อนก็คงต้องตายไปแล้ว 

 

 

จะซ่อนคนเป็นเรื่องยาก แต่หากแอบคนตายนั้นง่ายนิดเดียว ต่อให้เป็นเช่นนี้จริงก็ใช่ว่าจะง่ายดายขนาดนั้น คนที่ดูแลจิ้งเฟยมีมากมายขนาดนั้น แต่ยังหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้…นี่หมายความว่าอย่างไร? 

 

 

ถาวจวินหลันไม่ได้ไปดูด้วยตนเอง แต่ให้คนไปรายงานหลี่เย่โดยตรง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก อย่างน้อยจิ้งเฟยก็ถือเป็นหนึ่งในสี่พระชายา แล้วยังเป็นมารดาของอู่อ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ปิดเงียบเรื่องนี้ไม่ได้ 

 

 

อีกทั้งสาเหตุที่จิ้งเฟยตายก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อู่อ๋องคงไม่มีทางนิ่งเฉย ไม่มาขอคำอธิบาย 

 

 

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ถาวจวินหลันก็ให้หงหลัวรีบไปจัดการเรื่องของจิ้งเฟยอย่างเหมาะสมโดยเร็ว ไม่ว่าอย่างไรตอนที่อู่อ๋องมาถึง ก็ให้จิ้งเฟยนอนหงายอยู่ตรงนั้นไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องจัดการให้สมเกียรติ นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อรับมือกับอู่อ๋อง แต่ยังไว้หน้าจิ้งเฟยอีกด้วย  

 

 

หลี่เย่กลับมาพร้อมกับองค์ชายเจ็ด เพราะบริเวณที่พบร่างจิ้งเฟยเป็นบริเวณใกล้กับที่พักขององค์ชายเจ็ด อู่อ๋องพูดตรงๆ แฝงไว้ด้วยความสงสัยต่อองค์ชายเจ็ดและอี้กุ้ยเฟย 

 

 

เรื่องวุ่นวายมาถึงขั้นนี้ ถาวจวินหลันย่อมต้องปรากฏตัวออกมาให้เห็น  

 

 

อี้กุ้ยเฟยก็ต้องมาด้วยเช่นเดียวกัน 

 

 

แต่ใครจะรู้ว่าพออู่อ๋องเห็นพวกนางกลับแค่นหัวเราะออกมา “ทำไม พี่รองจะใช้คนมากรังแกคนน้อยอย่างนั้นหรือ” 

 

 

หลี่เย่กวาดตามองอู่อ๋อง “เช่นนั้นเจ้าคิดอย่างไร?” 

 

 

อู่อ๋องนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญฮองเฮาเหนียงเหนียงมาเป็นอย่างไรเล่า? นางดูแลวังหลังมานานหลายปี คิดว่าคงเข้าใจเรื่องเช่นนี้อย่างถ่องแท้ ข้าเชื่อว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงต้องให้ความยุติธรรมกับข้าได้เป็นแน่!” 

 

 

ถาวจวินหลันได้ยินก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา นางยังสงสัยด้วยซ้ำไปว่านี่เป็นฝีมือของฮองเฮา คิดไม่ถึงว่าอู่อ๋องยังคิดว่าฮองเฮาให้ความยุติธรรมกับเขาได้ อู่อ๋องไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน? 

 

 

หรือจะบอกว่านางพลาดอะไรไปอย่างนั้นหรือ? ถาวจวินหลันสบตากับหลี่เย่ ก้มหัวให้หลี่เย่เล็กน้อย นางอยากจะดูนักว่าอู่อ๋องกับฮองเฮาจะพูดเรื่องนี้อย่างไร 

 

 

เห็นชัดว่าหลี่เย่ก็คิดเหมือนกัน จึงหันไปบอกองค์ชายเจ็ด “น้องเจ็ดคิดว่าอย่างไร?” 

 

 

องค์ชายเจ็ดแค่นยิ้มพูดอย่างไม่สนใจ “ในเมื่อเป็นความต้องการของอู่อ๋องก็ทำเช่นนั้นเถิด ข้าอยากดูนักว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงจะให้ความยุติธรรมอย่างไร” 

 

 

ในเมื่อไม่มีคนต่อต้าน เช่นนั้นฮองเฮาจึงถูก ‘เชิญ’ มา 

 

 

ฮองเฮายังสวมชุดเต็มยศเช่นเดิม เหมือนกลัวคนไม่รู้ว่านางเป็นฮองเฮาก็มิปาน แต่…ยิ่งเป็นเช่นนี้นางกลับยิ่งรู้สึกว่าฮองเฮาดูไร้อำนาจ แต่สะท้อนความหวาดกลัวลึกๆ ออกมา 

 

 

ถาวจวินหลันไม่ได้ทำความเคารพฮองเฮา ฮองเฮาก็เพียงแค่เหลือบมองถาวจวินหลันทีหนึ่งเท่านั้น กลับไม่คิดเอาความเรื่องเล็กน้อย เพียงแค่หาที่นั่งนั่งลงไปตามสบายเท่านั้น 

 

 

อี้กุ้ยเฟยพูดชื่นชมอย่างเสแสร้ง “พูดกันว่าคนรู้หน้าที่ถือเป็นยอดคน ดูแล้วฮองเฮาเหนียงเหนียงเป็นวีรสตรีก็ยังไม่เกินไปเพคะ” 

 

 

ฮองเฮาเหลือบมองอี้กุ้ยเฟย “อี้กุ้ยเฟยก็ยังปากดีเหมือนเดิมนะ” 

 

 

นี่เป็นการเยาะเย้ยอย่างเถรตรงแล้ว อี้กุ้ยเฟยพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม สุดท้ายก็ไม่ได้ถกเถียงกับฮองเฮาอีก เพียงแต่แค่นหัวเราะ “พวกเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าเพคะ” 

 

 

เรื่องหลักก็คือจิ้งเฟย เมื่อพูดถึงจิ้งเฟย อู่อ๋องพลันก็โมโหขึ้นมา “องครัชทายาท ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือ? หรือเสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นไปทั้งอย่างนี้?” 

 

 

อู่อ๋องโกรธจัด แม้แต่ดวงตายังแดงก่ำ เห็นชัดว่ามีความเสียใจอยู่บ้าง ใช่แล้ว แม่ของตนเองตายไป เขาจะไม่เสียใจได้อย่างไร? 

 

 

แต่สัดส่วนของความโกรธและความเสียใจ…ถาวจวินหลันเอ่ยพูดเสียงเบา “อู่อ๋องพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก พวกเราก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยบอกอู่อ๋องเรื่องหาตัวจิ้งเฟยไม่พบ ท่านพูดเช่นนี้เหมือนพวกเราไปฆ่าจิ้งเฟยเสียอย่างนั้น พวกเราไม่ได้แค้นเคืองจิ้งเฟย แล้วจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?” 

 

 

แม้ถาวจวินหลันเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ความหมายกลับไม่ได้นุ่มนวล ทั้งยังไล่เอาความอู่อ๋องอีกด้วย หาว่าเขาใส่ร้ายพวกนาง 

 

 

อู่อ๋องถูกโต้กลับจนสะอึกไป แต่ก็ตอบสนองกลับมาโดยเร็ว “ตอนนี้องค์รัชทายาทกับชายารัชทายาทจัดการเรื่องในวังทั้งหมด เกิดเรื่องขึ้นกับเสด็จแม่ของข้า ข้าไม่ถามพวกท่านแล้วต้องไปถามกับใครพ่ะย่ะค่ะ?!” 

 

 

เขาพูดถูก หลี่เย่เลิกคิ้วขึ้น พูดย้อนว่า “พวกเราก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เช่นกัน เจ้าเองก็รู้ ข้าคงหาคำอธิบายให้เจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็สืบเรื่องนี้ได้มิใช่หรือ? แต่ข้าแปลกใจนัก เป็นใครที่ลงมือกับจิ้งเฟยกันแน่?” 

 

 

หลี่เย่พูดจบก็ยังเหลือบมองฮองเฮาอย่างแฝงนัย 

 

 

แม้ไม่ได้พูดโจ่งแจ้ง แต่ก็นับว่าหาเรื่องแล้ว  

 

 

อู่อ๋องก็หันไปมองฮองเฮาเช่นเดียวกัน  

 

 

ฮองเฮานั่งตัวตรงสง่างาม อมยิ้มเลิกคิ้ว “มองข้าทำไมกัน? หรือพวกเจ้าสงสัยข้า?” เงียบไปพักหนึ่ง นางก็พูดว่า “ตอนนี้หาสาเหตุการตายของจิ้งเฟยถึงสำคัญที่สุด” พลางปรายตามองถาวจวินหลัน “อย่างไรชายารัชทายาทก็ไม่เคยจัดการมาก่อน ไม่ทราบว่าเรื่องเช่นนี้ควรจัดการอย่างไรหรือ?” 

 

 

พอเจอฮองเฮาพูดหาเรื่อง ถาวจวินหลันก็เพียงยิ้มน้อยๆ “เพคะ หม่อมฉันอายุน้อย ประสบการณ์ไม่มาก ไม่ได้เข้าใจทุกอย่างเหมือนฮองเฮาเพคะ” 

 

 

นางพูดแฝงนัยไว้มาก แต่เห็นชัดว่าฮองเฮาไม่คิดจะไล่เอาความ ถึงได้พูดออกมาตรงๆ “เอาเถิด ไปเรียกคนมาพิสูจน์” 

 

 

ฉับพลันนั้น ทุกคนก็พากันเงียบ 

 

 

มีข้ารับใช้ยกน้ำชาขึ้นมาถวาย  

 

 

ทุกคนค่อยๆ ดื่มชารอผลพิสูจน์ออกมา 

 

 

ถาวจวินหลันหันไปมอง เห็นว่าไม่ใช่ชาพุทราแดง จึงปิดฝาไว้เหมือนเดิม ตอนตั้งครรภ์นางห้ามดื่มชาเหล่านี้ ดื่มได้เพียงชาพุทราแดงและชาผลไม้เท่านั้น 

 

 

เหลียนซินก็ห้ามไม่ให้องค์ชายเจ็ดดื่มชานี้เช่นกัน “องค์ชายเจ็ดยังรับยาอยู่ ห้ามดื่มชานี้เพคะ” 

 

 

องค์ชายเจ็ดคิดว่าวุ่นวาย จึงพูดว่า “ไม่เป็นไร แค่ชาแก้วเดียวเท่านั้น” พูดจบก็จะยกขึ้นดื่ม แต่เหลียนซินกลับห้ามไว้อีกครั้ง “ทำไมพระองค์ไม่ดูแลตนเองให้ดีเล่าเพคะ?” พูดจบก็แย่งชาจอกนั้นมา แล้วรินให้ใหม่อีกแก้วหนึ่ง 

 

 

องค์ชายเจ็ดจนปัญญา ทั้งยังรำคาญเล็กน้อย จึงโบกมือพูดว่า “ช่างเถิดๆ เจ้าดื่มเองแล้วกัน ข้าไม่ดื่มแล้ว ดื่มทุกวันจนเลี่ยนไปหมด” 

 

 

ถาวจวินหลันได้ยินก็หัวเราะ “นางทำก็ด้วยหวังดีกับเจ้า” 

 

 

อี้กุ้ยเฟยก็พยักหน้า “นางเป็นคนดี” สุดท้ายก็ส่งยิ้มปลอบเหลียนซิน “เอาเถิดๆ เจ้าถอยออกไปก่อน นี่เป็นชาที่องค์ชายเจ็ดประทานให้เจ้า เจ้าดื่มไปเถิด” 

 

 

เหลียนซินกลับไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แต่ยิ้มออกมาแทน พูดเสียงเบาว่า “คราวที่แล้วองค์ชายเจ็ดตรัสว่าอยากดื่มน้ำค้างดอกหลันมิใช่หรือเพคะ บ่าวทำไว้เล็กน้อย ตอนนี้จะให้คนไปตักมาให้เพคะ หากองค์ชายเจ็ดอยากดื่มชา หลังจากนี้ค่อยดื่มก็ได้เพคะ ทำไมต้องเป็นวันสองวันนี้ด้วย?” คำพูดพวกนี้ล้วนแสดงถึงความห่วงใยทั้งสิ้น 

 

 

ถาวจวินหลันส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้องค์ชายเจ็ด แต่ไม่ได้พูดเย้าแหย่อะไร เพียงแค่พูดว่า “ไปชงชาพุทราแดงให้ข้าถ้วยหนึ่ง” 

 

 

นางกำนัลคนนั้นรับคำพลางถอยออกไป  

 

 

อู่อ๋องยกถ้วยชาขึ้นมาดม แต่ก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย “นี่คือชาแก่ภูเขาเหลืองหรือ?” 

 

 

ฮองเฮาก็ก้มดม พลางยิ้มน้อยๆ “เป็นชาแก่ภูเขาเหลืองจริงด้วย” 

 

 

ถาวจวินหลันกับหลี่เย่ตกใจเล็กน้อย ชานี้ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังนัก แต่เป็นต้นชาโบราณที่ถูกปลูกไว้ในวัดแห่งหนึ่ง ทุกปีจะถูกเด็ดและเอามาทำตามกระบวนการของเจ้าอาวาสเอง ว่ากันว่าคนที่ได้ดื่มนั้นจะได้ลิ้มรสชาติที่ไม่เหมือนกัน เข้ากับคำพูดที่ว่าคนมีหลากหลายรสชาติ ทำให้ได้รับความนิยมเสมอมา 

 

 

องค์ชายเจ็ดไม่พอใจเล็กน้อย “เป็นสิ่งนี้เลยหรือ? ไม่ได้ลองชิมช่างน่าเสียดายนัก” 

 

 

หลี่เย่ยิ้มพลางเอ่ยถ่อมตัว “เช่นนั้นเจ้าก็มาลองของข้า” 

 

 

องค์ชายเจ็ดโบกมือ แต่ก็ยังรอคอย “พี่รองรีบชิมเถิด อยากรู้นักว่ามีรสชาติแบบไหนกันแน่?” 

 

 

ถาวจวินหลันได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ นางเริ่มอยากรู้เช่นกัน หรือจะลองชิมดูสักหน่อย? แต่ความคิดนี้ก็อยู่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น สุดท้ายก็วางไว้เหมือนเดิม 

 

 

อู่อ๋องกับหลี่เย่ดื่มลงไปแล้ว  

 

 

อู่อ๋องเหมือนไม่ได้ลิ้มรสอะไร ดื่มลงไปสองอึก ส่วนหลี่เย่ค่อยๆ จิบลงไปอึกหนึ่งแล้ววางลง 

 

 

ฮองเฮาวางถ้วยชาลงเบาๆ พร้อมทั้งแย้มยิ้ม “ชาแก่ภูเขาเหลืองนี่สมกับชื่อเสียงอันโด่งดัง ทุกคนล้วนพูดกันว่าองค์รัชทายาทวางแผนอย่างไร้ช่องโหว่ น่าเสียดายที่แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงคำล่ำลือเท่านั้น” 

 

 

คำพูดไม่มีต้นสายปลายเหตุของฮองเฮาทำให้คนนึกแปลกใจ  

 

 

ถาวจวินหลันใจกระตุก มองฮองเฮาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พระองค์ทำอะไรเพคะ?” 

 

 

ฮองเฮายกยิ้ม แฝงไว้ด้วยความเยาะเย้ยเล็กน้อย “เจ้าเดาว่าอะไรเล่า? ชายารัชทายาท ไม่ใช่ว่าฉลาดมาตลอดอย่างนั้นหรือ? ทำไมตอนนี้ถึงเดาไม่ได้เล่า?” 

 

 

อู่อ๋องหัวเราะเสียงดัง มองหลี่เย่อย่างเยาะเย้ย “พี่รองนะพี่รอง ข้าจะดูภรรยาและลูกของท่านเป็นอย่างดี!” 

 

 

พอสิ้นเสียง อู่อ๋องก็เข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันเล็ก เห็นชัดว่า ‘อย่างดี’ นั้นไม่ใช่ความหมายที่แสดงออกมาให้เห็นเป็นแน่ 

 

 

หลี่เย่ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไป “ฮองเฮาวางยาในน้ำชาอย่างนั้นหรือ?” 

 

 

แม้ฮองเฮาไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ 

 

 

อู่อ๋องหัวเราะพร้อมเอ่ยปากพูด “ใช่แล้ว ไม่เพียงแค่ยาพิษ ข้างนอกยังถูกล้อมเอาไว้แล้ว พี่รองคงหนีไม่พ้นแล้ว” 

 

 

หลี่เย่มองไปยังอู่อ๋องอย่างเรียบนิ่ง “นางวางยาฆ่าข้า แล้วคิดว่านางจะเก็บเจ้าไว้อย่างนั้นหรือ? นางพูดกับเจ้าว่าอย่างไร? จะหนุนเจ้าขึ้นเป็นฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือ?” 

 

 

หลี่เย่นิ่งสงบได้ แต่ถาวจวินหลันไม่สามารถทำได้ นางรีบลุกเดินไปประชิดตัวหลี่เย่ ตะโกนเสียงดังว่า “เร็ว ไปเชิญหมอหลวง!” 

 

 

หลี่เย่ยื่นมือไปจับมือของถาวจวินหลันเอาไว้ จากนั้นก็เขียนคำสามคำลงไปบนฝ่ามือของนาง 

 

 

ถาวจวินหลันใจสั่นเบาๆ แต่ก็ต้องสงบไปไม่น้อยเพราะสามคำนั้น แต่ก็ยังพูดเร่งว่า “รีบอาเจียนออกมาเพคะ เร็ว”  

 

 

นางเพิ่งพูดจบ หลี่เย่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่เป็นอู่อ๋องที่รีบยื่นมือล้วงคอให้สำรอกออกมาอย่างกระวีกระวาด 

 

 

ฮองเฮาเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนลุกขึ้นมา “ไร้ประโยชน์ พิษนี้เห็นผลเร็วมาก เจ้าอาเจียนออกมาก็ไม่ทันแล้ว” นางพูดพลางเดินออกไปข้างนอก