ที่ถูกคนพบเห็นมากที่สุดบนชายฝั่งทะเลแห่งนี้คือวาฬสีเทา แต่ตอนนี้วาฬสีเทาขึ้นเหนือแล้ว แต่กลับได้เห็นฝูงวาฬเพชฌฆาตที่พบตัวได้ยากแทน โดยเฉพาะคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นวาฬเพชฌฆาตรุ่นคุณย่าซึ่งพบเห็นได้ยากกว่าตัวนี้
ถ้าตอนนี้จางจื่ออันมีเรือยาง เขาจะต้องเข้าไปดูมันใกล้ๆ แน่นอน ด้วยอยากจะเห็นดวงตาคู่นั้นของมันที่เห็นการเปลี่ยนแปลงมามากกว่าร้อยปีสักหน่อย และมันซ่อนไหวพริบที่ยากจะจินตนาการแบบที่เซฮวาบอกจริงหรือเปล่า
น่าเสียดายที่เขาไม่มีเรือ และคำให้การของวาฬก็ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
“เธอถามหรือเปล่าว่ามันคิดจะไปจากน่านน้ำนี้เมื่อไหร่?” เขาถามอีก
เซฮวาตอบว่า “ถึงยังไงก็คงไม่ไปตอนนี้ เหมือนพวกมันคิดจะใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่นี่ บนชายฝั่งทะเลของที่นี่มีแมวน้ำเยอะมาก พวกมันต้องกินให้อิ่มก่อน แล้วค่อยออกเดินทาง”
จางจื่ออันครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วถึงพูดว่า “งั้นเธอก็เล่นกับพวกมันต่อเถอะ พวกฉันจะเดินอยู่บนบก พวกเธอก็ไปเล่นกันในทะเลเถอะ ลองตามกันไปด้วย อาจจะช่วยฝูงวาฬได้บ้าง”
“ช่วยอะไรได้บ้าง?” เซฮวาไม่ค่อยสมัครใจ “หรือว่าจะให้มันช่วยหาสมบัติหรือเรืออับปางใต้ทะเล? มันอายุมากขนาดนี้แล้ว คุณอย่าขี้งกขนาดไปรบกวนพวกมันด้วยเรื่องหยุมหยิมนี้เลย!”
จางจื่ออันไม่คิดว่าตัวเองจะร่ำรวยได้จากการเจอเรืออับปางใต้ทะเล ทั่วไปแล้วหากเรืออับปางและสมบัติอยู่ในทะเลหลวงน่านน้ำอาณาเขตของอเมริกา ถึงเขาหาสมบัติเจอจริงๆ แต่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ต้องส่งมอบให้ประเทศ…
“ไม่ใช่ ให้มันกับฝูงวาฬช่วยคน” เขาอธิบาย “อาจจะมีคนที่ริดชีวิตตอนหลี่ผีเท่อโยนพวกเขาลงในทะเล ตอนนั้นคงต้องให้พวกมันออกโรงแล้ว”
เซฮวาคิดดูแล้ว เรื่องนี้น่าจะไม่มีปัญหา เดิมทีวาฬเพชฌฆาตก็ยินดีจะอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างเป็นมิตรอยู่แล้ว อีกอย่างเธอก็ไม่อยากเจอศพมนุษย์ในทะเลด้วย
เธออยากปรึกษากับฝูงวาฬว่าไม่ต้องเข้าใกล้ ขอแค่มุดหัวลงไปใต้น้ำ แล้วคุยกันด้วยวิธีเพลงของวาฬก็พอแล้ว
ประมาณครึ่งนาที เธอก็โผล่หัวออกมาจากน้ำ แล้วบอกว่าฝูงวาฬยินดีจะช่วยในเรื่องนี้ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกมันก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ทำ
หลังจากปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงก็เดินบนชายหาดต่อ ฝูงหมาป่าพ้นจากผู้ต้องสงสัยกินคนยังคงวิ่งนำข้างหน้า ทั้งหาอาหารและนำทาง
ฟราเทอร์มองซ้าย ขวา หน้า หลัง แล้วพูดเหมือนกำลังคิดบางอย่าง “เป็นกองทัพที่ใหญ่และมหัศจรรย์จริงๆ ถึงเทียบกับปีนั้นแล้ว…ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย”
กองทัพที่เดินอยู่ริมชายฝั่งทะเลนี้มีแมว สุนัข นก ลิง นกเค้าแมว หมาป่าวิ่งอยู่ข้างหน้า ทางซ้ายมีฝูงวาฬและเจ้าตัวครึ่งคน ครึ่งปลาว่ายน้ำอยู่ ข้างหลังมีฝูงกวางตามมาไกลๆ และไกลออกไปกว่านั้นอาจจะยังมีแบดเจอร์ หมาป่าไคโยตี และหมีดำตามมาด้วย…ยังไงสัตว์พวกนั้นก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขา รวมตัวกันด้วยเหตุผลที่แตกต่าง แต่สร้างกองทัพมโหฬารพันลึกยาวเหมือนมังกรอยู่ในป่า ยาวเหยียดราวพันลี้เพื่อให้ได้ภาพโอ่อ่ายิ่งใหญ่
เซฮวากำลังว่ายน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่ในป่าทะเล เดี๋ยวว่ายท่าฟรีสไตล์ เดี๋ยวว่ายท่ากรรเชียง พลางใช้เสียงความถี่ต่ำที่หูคนไม่ได้ยินสื่อสารกับฝูงวาฬ ไม่รู้สึกเหงาเลยสักนิด
เจทูมีชีวิตมาหนึ่งร้อยปีแล้ว พูดได้ว่าดวงตาคู่นั้นเห็นความเจ้าเล่ห์ของโลกและหนทางของโลกแล้ว มันเลือกพาฝูงวาฬหลบอยู่ในชายฝั่งทะเลห่างไกลไร้ผู้คนแบบนี้ ก็เป็นเพราะมันมีความรู้สึกซับซ้อนต่อมนุษย์ ทั้งใฝ่ฝันถึง แต่ก็หวาดกลัว
คนที่ลำบากที่สุดในทีมยังคงเป็นจางจื่ออัน เขาสะพายกระเป๋า เดินอยู่บนชายหาดแล้วกินแรงพอสมควร แต่ดีร้ายอย่างไรวิสัยทัศน์บนชายหาดก็กว้างไกล ไม่ได้เหมือนในป่าที่ได้ยินเสียงเล็กน้อยก็สงสัยว่าหลังต้นไม้หนาสักต้นอาจจะซ่อนสัตว์ประหลาดอะไรเอาไว้
ขณะที่เขากำลังเดินอยู่บนชายหาด เซฮวาก็รีบว่ายเข้ามาข้างชายฝั่งเล็กน้อย เธอกับฝูงวาฬได้ยินเสียงผิดปกติ เป็นเสียงซึ่งมีกฎเกณฑ์และเป็นระเบียบ ไม่เหมือนกับเสียงของธรรมชาติ
เธอฟังอยู่สักพักหนึ่ง แล้วตะโกนว่า “ทะเลข้างหน้ามีเสียงเคลื่อนไหว เหมือนมีคนกำลังพายเรือ”
จางจื่ออันเคยพาเธอออกทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้ใบพัดพันเข้าไปในทรายหรือของแปลกประหลาด เขาจะใช้ไม้พายพายออกจากพื้นที่ทะเลตื้นริมชายฝั่ง เธอจึงรู้ว่าเสียงพายเป็นอย่างไร
ฟราเทอร์มองรอบๆ แล้วเอ่ยเตือนว่า “พวกเราเข้าใกล้มากแล้ว เลี้ยวผ่านแหลมตรงหน้าก็น่าจะเห็นแล้ว”
พวกภูตสัตว์เลี้ยงไม่ต้องให้จางจื่ออันเตือน ก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นแล้ว
ตอนนี้เขาคิดถึงโดรนเนคเบตที่หายไปเป็นพิเศษ ถ้ามีมันบินอยู่เหนือหัว ทุกอย่างในรัศมีหลายกิโลเมตรจะอยู่ในสายตามากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เมื่อเดินไปถึงบริเวณแหลม จางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์เลี้ยงก็หยุดทันที ปล่อยให้เซฮวากับฝูงวาฬไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อนสักหน่อย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เซฮวาก็กลับมารายงาน “ข้างหน้ามีเรือเล็กลำหนึ่ง แต่แปลกมากเลยนะ เรือลำนั้นทำจากท่อนไม้ ไม่มีใบพัด ใช้แรงคนพายล้วนๆ”
“บนเรือมีกี่คน?” เขาถาม
“ประมาณสี่ห้าคน เป็นผู้ชายทั้งหมด เหมือนฉันได้ยินเสียงผู้หญิงด้วย แต่มองไม่เห็นผู้หญิง” เธอพูดอย่างงุนงง
เขาให้ภูตสัตว์เลี้ยงรอคำสั่งอยู่ที่เดิม จากนั้นตัวเองก็วางกระเป๋าสะพายลง ถือแต่กล้องส่องทางไกล เหยียบขึ้นไปบนหินโสโครก ใช้สองมือสองเท้าค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนแหลมเพียงลำพัง
อีกด้านหนึ่งของแหลม ในทะเลที่ไม่ค่อยลึกมีเรือเล็กทำจากไม้ลอยอยู่ลำหนึ่งจริงๆ ใหญ่กว่าเรือบุกของเขาอีก ผู้ชายท่าทางกล้าหาญสี่คนบนเรือแบ่งกันพายเรือเป็นสองกลุ่ม ยังมีคนท่าทางเหมือนหัวหน้านั่งอยู่ท้ายเรือด้วย
บนชายฝั่งทะเลมีท่าเรือทำขึ้นง่ายๆ อยู่ท่าหนึ่ง และมีทางเส้นเล็กๆ จากท่าเรือยาวเข้าไปในป่า
ไกลออกไปกว่านั้น บนที่สูงของชายฝั่งทะเลมีประภาคารสีขาวไม่สูงมากตั้งอยู่หลังหนึ่ง และมีบ้านเรือนทำจากไม้ซ้อนกันเป็นทิวแถวในป่า ยังมองเห็นเงาคนทำงานอยู่ในที่นาขนาดใหญ่ด้วย
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ต้องเป็นรังโจรของหลี่ผีเท่อแน่นอน
ส่วนเรือเล็กทำจากไม้ที่เซฮวารู้สึกแปลกๆ ลำนั้น เหตุผลที่ไม่ใช้มอเตอร์และใบพัดแต่ใช้คนพายเรือนั้นง่ายมาก กลุ่มคนปลูกฝังความเชื่อผิดๆ แบบนี้ต้องผิดกับกลุ่มคนมีความรู้แน่นอน คงจะบอกให้ต่อต้านผลิตผลจากเทคโนโลยี เพราะวิทยาศาสตร์ส่งผลให้ทุกคนตกต่ำ แล้วย้อนกลับไปใช้ชีวิตแบบยุคสมัยโบราณอันสมบูรณ์…ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น การปกครองของพวกเขาก็จะไม่มั่นคง ข้ออ้างของพวกเขาก็จะถูกเปิดโปง
หัวโจกของกลุ่มพวกนี้จะไม่ตัดขาดกับโลกภายนอก แต่จะขอให้สาวกตัดขาดจากโลกภายนอก ดังนั้นถึงได้เลือกตั้งรังโจรอยู่ในสถานที่ห่างไกลแบบนี้ การคมนาคมไม่สะดวก การสื่อสารถูกตัดขาด
จางจื่ออันยังไม่ทันสังเกตอย่างละเอียด ก็มีความเคลื่อนไหวใหม่มาจากทางเรือเล็ก
สี่คนนั้นหยุดพายแล้ว จอดเรือไว้ห่างจากชายฝั่งประมาณร้อยเมตร จากนั้นหัวโจกที่นั่งอยู่ท้ายเรือก็ชี้นิ้วออกคำสั่ง ยกหญิงสาวผิวขาวที่กำลังดิ้นไม่หยุดคนหนึ่งออกมาจากใต้ท้องเรือ
มือเท้าของหญิงสาวผิวขาวถูกเชือกไนล่อนมัดไว้แน่นหนา ปากก็ถูกผ้าขี้ริ้วยัดเอาไว้ และที่น่าตกใจอย่างยิ่งคือ เท้าของเธอผูกเชือกป่านเอาไว้เส้นหนึ่ง และปลายอีกด้านหนึ่งของเชือกป่านมัดอยู่กับหินก้อนหนึ่ง
เธอดิ้นรนอย่างสิ้นหวังราวกับปลาขึ้นบก ดวงตาของเธอคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา กำลังอธิษฐานต่อพระเจ้า อธิษฐานให้เกิดปาฏิหาริย์ ขอให้มีคนมาช่วยเธอ
แต่เธอก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องยาก ไม่มีคนหาเธอเจอได้ ที่นี่เป็นดินแดนปิศาจ เป็นมุมที่ถูกพระเจ้าลืม