ถึงแม้คำพูดที่ริชาร์ดใช้จะละเอียดอ่อนมาก แต่มันก็ไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย เพราะมีเสาน้ำสายหนึ่งพ่นสูงขึ้นไปในอากาศจริงๆ พูดให้ถูกคือเสาก๊าซ และความสูงที่พ่นขึ้นมาก็มีจำกัด ถ้าไม่ได้สังเกตดีๆ ก็คงมองข้ามได้ง่ายมาก
แค่มองความรุนแรงของเสาก๊าซเพียงอย่างเดียว ก็รู้แล้วว่าที่พ่นน้ำออกมาคงจะไม่ใช่วาฬตัวใหญ่
จางจื่ออันเคลื่อนกล้องส่องทางไกลลงเล็กน้อย มองเห็นครีบหลังสีดำสูงทีเดียว ตัดผิวน้ำทะเลราวกับกระบี่ทหาร
ถ้ามองไม่เห็นการพ่นน้ำ แต่เห็นแค่ครีบหลังนี้ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของคนทั่วไปคงจะคิดว่าเป็นฉลามขาวตัวหนึ่ง แต่ถ้าลองมองให้ดี ก็จะพบว่าครีบหลังนี้แตกต่างกับครีบหลังทรงสามเหลี่ยมด้านเท่าของฉลามขาวอยู่เล็กน้อย เหมือนรูปสี่เหลี่ยมที่ข้างบนแคบ ข้างล่างกว้างมากกว่า
แน่นอนว่าเขายืนอยู่ริมทะเลในระยะปลอดภัย ถึงได้มีกะใจสังเกตรูปทรงครีบหลังอย่างละเอียด ถ้าเขาอยู่ใกล้กับครีบหลังนั่นแค่คืบ ก็คงคิดอย่างเดียวว่าต้องรีบหนีแล้ว…
ที่จริงวาฬกับฉลามแตกต่างกันมาก อย่างเช่น วิธีการว่ายน้ำ ส่วนใหญ่ฉลามมักจะดำอยู่ใต้น้ำ ถึงครีบหลังโผล่พ้นผิวน้ำ ร่างกายก็ยังรักษาระดับไว้ได้ ไม่เหมือนกับวาฬ ตอนวาฬดำน้ำอยู่ตรงผิวน้ำ มันชอบใช้ร่างกายสร้างคลื่นในทะเลขึ้นๆ ลงๆ
อีกอย่างก็คือวิธีการส่ายครีบหาง ครีบหางของฉลามจะส่ายไปทางซ้ายขวา แต่ครีบหางของวาฬกับโลมาจะส่ายขึ้นลง
จางจื่ออันดูออกว่านั่นคือปลาวาฬตัวหนึ่ง แต่หลังจากเข้าใกล้มันมากขึ้น โดยเฉพาะตอนที่เห็นมันพุ่งไปบนผิวน้ำอย่างมีความสุขเหมือนนักว่ายน้ำท่าผีเสื้อ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นวาฬเพชฌฆาตจากร่างกายสีขาวดำของมัน
วาฬเพชฌฆาตเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูง ราวกับเป็นฝูงหมาป่าในทะเล มองเห็นตัวหนึ่ง มักจะหมายความว่าบริเวณนั้นยังมีอีกทั้งฝูง
เป็นไปตามคาด ตอนเขาเลื่อนกล้องส่องทางไกลไปทางทะเลลึก ก็มองเห็นวาฬเพชฌฆาตอีกหลายตัวกำลังใกล้เข้ามา
วาฬเพชฌฆาตเป็นผู้ทรงอิทธิพลในท้องทะเล มันกินกระทั่งวาฬสายพันธุ์อื่น แม้แต่ฉลามขาวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่พวกมันกลับเป็นมิตรกับมนุษย์เป็นพิเศษ ถ้าเห็นความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เวลาเจอแมวจรจัดหรือสุนัขจรจัดนอกบ้านก็ไม่ควรไปลูบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ถ้าเจอวาฬเพชฌฆาตในทะเล หากมันอยู่ใกล้มากพอ ก็ลูบได้จนพอใจเลยทีเดียว
พวกมันเป็นมิตรกับมนุษย์ขนาดนั้น เซฮวาซึ่งเป็นครึ่งคน ครึ่งปลาอยู่ใกล้พวกมันมากกว่า ต้องได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นอยู่แล้ว
เซฮวาที่อารมณ์ไม่ค่อยดีกอดครีบหลังของพวกมันเอาไว้ แล้วให้พวกมันพาว่ายไปมาอยู่ในน้ำทะเล ราวกับสนุกจนลืมกลับบ้าน หรือหน้าที่ของเธอคืออะไร ด้วยเพราะจางจื่ออันอยู่ไกลเกินไป จึงไม่สามารถเตือนเธอได้ ทำได้แค่มองตาปริบๆ
ไม่ว่าเป็นสัตว์ฝูงไหนอยู่รวมกัน ต่างก็มีผู้นำหนึ่งหรือหลายตัว จะไร้ผู้นำเหมือนฝูงมังกรไม่ได้
จางจื่ออันสังเกตอยู่ไม่นาน ก็เห็นว่าในฝูงวาฬมีวาฬเพศเมียขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ตัวหนึ่ง ตอนวาฬตัวอื่นเล่นสนุกอยู่ด้วยกัน หรือเล่นกับเซฮวาอย่างบ้าคลั่ง พวกมันจะแสดงท่าทางเคารพ และหลบวาฬตัวนี้อย่างระมัดระวัง…ถ้าไม่ผิดไปจากที่คิด มันน่าจะเป็นผู้นำของวาฬฝูงนี้
เซฮวาเล่นกับวาฬตัวอื่นอยู่พักหนึ่ง คราวนี้ถึงจะนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้ จึงลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลราวกับกำลังย้อนกลับ พอเห็นวาฬตัวนี้ เธอก็ว่ายเข้าไปหามัน ตะกายข้างหัวของมันคล้ายกำลังกระซิบ
วาฬเพศเมียตัวนี้อาจจะเข้าใจความหมายของเธอแล้ว จึงสะบัดครีบหางดำลงไปใต้น้ำ ส่วนเซฮวาก็จับครีบหลังของมันติดสอยห้อยตามไปด้วย
วาฬตัวอื่นก็ทยอยดำลงไปใต้น้ำอย่างต่อเนื่อง
แล้วผิวน้ำก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ฟราเทอร์จึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “เธอจะปลอดภัยหรือไม่?”
มันเห็นเธอลงไปใต้น้ำนานแล้วก็ไม่ออกมาสักที จึงเดาว่าเธอเจออันตรายหรือเปล่า
“วางใจเถอะ ยังไม่เคยมีสัตว์ตัวไหนทำร้ายเธอในน้ำนะ” จางจื่ออันยอมรับได้มาก “คนโง่มีความโง่ อีกอย่างถึงเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ไม่ว่าพวกเรามีกี่คน แต่ใครจะช่วยเธอได้ล่ะ?”
เขาเติบโตอยู่ในพื้นที่ริมทะเล แม้จะว่ายน้ำเป็น แต่ให้เขาว่ายน้ำไปช่วยคนในทะเลลึกขนาดนั้น พอว่ายออกไปก็ไม่มีแรงว่ายกลับมาแล้ว ถ้าเซฮวาจัดฉากแกล้ง ก็เท่ากับเขาส่งตัวเองไปตายน่ะสิ
ฟราเทอร์มองเท้าขาดข้างนั้น แล้วพึมพำพูดว่า “นี่เป็นคำชี้แนะของเทพแน่นอน พวกเราถึงหาเท้าขาดข้างนี้เจอ เพื่อเป่าแตรให้กับความพินาศย่อยยับของคนชั่ว”
คำชี้แนะของเทพ…
จางจื่ออันไม่คิดว่าเกี่ยวข้องอะไรกับเทพ พวกเขาก็แค่บังเอิญเลือกทางเดินริมทะเลเท่านั้น ถึงฝูงหมาป่าไม่พบเท้าขาดข้างนี้ พวกภูตสัตว์เลี้ยงก็คงพบอยู่ดี
ตอนนี้เอง บนผิวน้ำก็มีละอองน้ำกระเด็นขึ้นมา ฝูงวาฬลอยพ้นผิวน้ำอีกครั้ง ส่วนเซฮวาเกาะอยู่บนครีบหลังของวาฬจ่าฝูงด้วยสองมือ
ฝูงวาฬว่ายมาทางชายฝั่งทะเล แต่พวกมันมีข้อจำกัดทางร่างกาย ไม่กล้าว่ายเข้ามาใกล้เกินไป ระยะทางช่วงสุดท้ายจึงให้เซฮวาว่ายเข้ามาเอง
“เป็นยังไงบ้าง?” จางจื่ออันถาม
เซฮวาเช็ดน้ำทะเลบนหน้า แล้วพยักหน้า “ใต้ชายฝั่งทะเลมีกระแสน้ำไปทางเหนือจริงๆ เป็นน้ำอุ่น แต่ไหลเร็วมาก ส่วนไหลไปที่ไหน…มันบอกว่าไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็ไหลไปทางเหนือตลอด เมื่อกี้มันพาฉันดำเข้าไปในกระแสน้ำมาแล้ว”
เธอหันไปชี้วาฬตัวเมียตัวนั้น แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “มันอายุมากที่สุด และยังฉลาดมาก ฉันพูดอะไรมันก็เข้าใจทั้งหมด ฉันไม่เคยเจอวาฬที่ฉลาดขนาดนี้มาก่อนเลย เปลืองแรงน้อยกว่าตอนคุยกับคุณอีก!”
จางจื่ออัน “…มันอายุมากแล้ว?”
“แก่มากเลยล่ะ แก่จนมันก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองแก่มากขนาดไหน ส่วนวาฬตัวอื่นเป็นวาฬรุ่นหลานหรือลูกของหลานมันทั้งนั้น!” เซฮวาให้คำตอบยืนยัน
จางจื่ออันครุ่นคิด “ถ้าเธอว่าอย่างนี้ มันอาจจะเป็นวาฬที่ทางการเรียกว่า ‘เจทู’ แต่คนทั่วไปตั้งชื่อเล่นมันว่า ‘คุณย่า’ ของวาฬเพชฌฆาต”
“แกว๊กๆ! เจทู?” ริชาร์ดบินลงมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะใช้กรงเล็บนกเกาหัว “ข้ารู้จักเจทูบวกหกนะ!”
เซฮวาได้ยินแล้วก็สนใจ “ที่แท้มันคือคุณย่าเหรอเนี่ย? งั้นมันอายุเท่าไรแล้ว?”
จางจื่ออันนับนิ้วดู “ว่ากันว่ามันเกิดเมื่อปี 1991 ก่อนเรือไททานิกจมหนึ่งปี ตอนนั้นราชวงศ์ชิงยังไม่ล่มสลายเลย! ถึงตอนนี้มันก็นับเป็นผู้อาวุโสขั้นสูงสุดแล้ว! คราวก่อนที่มันถูกพบคือเมื่อปี 2016 ก่อนกว่านั้นคือปี 2014 ตอนนั้นมันพาฝูงวาฬว่ายจากชายฝั่งทะเลรัฐแคลิฟอร์เนียไปยังช่องแคบจอร์เจีย…หลังจากปี 2016 ก็ไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลย เดาว่ามันอาจจะแก่ตาย คิดไม่ถึงว่ามันยังมีชีวิตอยู่สบายดี”
“ครั้งเมื่อปี 2016 สถานที่ที่มันถูกพบคือชายฝั่งทะเลซาลิช” เขาพูดเน้น แต่พบว่าพวกภูตสัตว์เลี้ยงไม่เข้าใจ จึงเสริมอีก “ชายฝั่งทะเลซาลิชก็คือสถานที่ที่ผู้คนพบเท้าขาดบ่อยๆ”
เจทูน่าจะนำฝูงวาฬตระเวนสำรวจแถบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะช่วงรัฐแคลิฟอร์เนียไปจนถึงชายฝั่งทะเลซาลิช มันน่าเชื่อถือแน่นอน ในเมื่อมันบอกว่าใต้น้ำมีคลื่นใต้น้ำมุ่งหน้าไปทางเหนือ อย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องจริง
ฝูงวาฬยังไม่ว่ายห่างออกไปจากริมชายฝั่ง เมื่อวาฬเพศเมียตัวนั้นพลิกตัวครั้งหนึ่ง เผยให้เห็นครีบหลังทั้งหมดแล้ว เขาก็จำมันได้ทันทีจากปานสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์บนครีบหลังของมัน เป็นเจทูที่หายไปจากสายตามนุษย์นานแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสถ่ายภาพเอาไว้สองสามภาพ
พอออกจากป่าเรดวูด และอัพโหลดรูปพวกนี้ขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ต จะต้องสร้างความปลื้มใจให้กับผู้คนที่เป็นห่วงชะตาชีวิตของเจทูแน่นอน