บทที่ 1109 ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หลิงเจิ้นสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่ราวสองสามครั้งเพื่อสงบจิตใจตนเองจากนั้นจึงค่อยๆ หันหน้าไปเผชิญหน้ากับทุกคน..
  สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลิงเสี่ยวเป็นคนแรกพร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้องสาม.. เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องของหลิงหยุนไปเลย! ท่านพ่อกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เรื่องนี้หลิงหยุนไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย!”
  “หลิงห่าวทำผิดอย่างมหันต์เขาสมควรได้รับการลงโทษแล้ว!”
  “ข้ารู้ว่าที่เจ้าทำเช่นนี้ก็เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของข้า และต้องการให้ข้ารู้สึกดีขึ้น! ข้าขอขอบใจเจ้ามาก!”
  หลังจากที่พูดจบหลิงเจิ้นก็ยกมือขึ้นตบบ่าหลิงเสี่ยวหลิงเสี่ยวจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่.. นี่ท่าน..”
  หลิงเจิ้นยกมือห้ามหลิงเสี่ยวไม่ให้พูดอะไรอีกจากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองสมาชิกตระกูลหลิงคนอื่นๆ และพูดขึ้นอย่างช้าๆ
  “ครั้งนี้หลิงห่าวทำเรื่องที่ผิดต่อตระกูลหลิงอย่างมากต่อให้ทุกคนไว้ชีวิตเขา ข้าในฐานะผู้นำตระกูล ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลงมือสังหารเขาอยู่ดี เพื่อเป็นการรักษากฏตระกูลหลิงให้ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป..”
  “ในเมื่อโทษของหลิงห่าวก็คือโทษตายเท่านั้น!ด้วยเหตุนี้.. ไม่ว่าเขาจะถูกใครสังหารก็ตาม จะเป็นท่านพ่อ ตัวข้า หรือว่าหลิงหยุน ผลก็ไม่ต่างกัน! ทุกคนจึงไม่จำเป็นต้องห่วงความรู้สึกของข้า!”
  เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์..ในเมื่อลูกชายของหลิงเจิ้นตายทั้งคน เขาย่อมต้องโศกเศร้าเสียใจเป็นธรรมดา เขาหันใบหน้าที่เศร้าสร้อยนั้นไปทางหลิงหยุน ในขณะที่หลิงหยุนเองก็จ้องมองหลิงเจิ้นด้วยแววตาหยิ่งทะนง ไม่หวั่นเกรง..
  “หลิงหยุน..ข้าในฐานะผู้นำตระกูลหลิง และฐานะพ่อของหลิงห่าว ต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ปล่อยปละละเลยลูกจนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!”
  หลิงหยุนได้ฟังคำขอโทษของหลิงเจิ้นเขาจึงรีบยกมือขึ้นห้ามพร้อมกับตอบไปว่า “เรื่องนี้ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า!”
  ในเมื่อหลิงหยุนได้แก้แค้นหลิงห่าวไปแล้วเรื่องอื่นๆ เขาจึงไม่อยากจะใส่ใจ!
  หลิงเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยและในที่สุดก็หันไปทางหลิงลี่ จากนั้นหลิงเจิ้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลิงลี่พร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “ท่านพ่อ..คำโบราณว่าไว้ มีลูกไม่รู้จักอบรมสั่งสอน ย่อมทำให้ผู้เฒ่าผู้แก่ต้องเจ็บปวด รวมไปถึงบรรพชนต้องอับอาย!”
  “เรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็คือความผิดของข้า..ขอท่านพ่อได้โปรดลงโทษลูกด้วย!”
  หลังจากพูดจบ..หลิงเจิ้นก็โขกศรีษะลงกับพื้นแน่นิ่งอยู่เช่นนั้น หลิงลี่นิ่งมองหลิงเจิ้นที่โขกศรีษะนิ่งอยู่กับพื้นอยู่ครู่หนึ่ง เขากำหมัดแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า..
  “หลิงเจิ้น..หลิงห่าวอายุยังน้อยจึงได้พลาดพลั้งทำผิดไป ความผิดครั้งนี้ของหลิงห่าว ตัวเขาเองก็ได้รับโทษด้วยตัวเองไปแล้ว ไหนเลยตระกูลหลิงจะสามารถลงโทษเจ้าได้อีกเล่า เอาล่ะ.. ลุกขึ้นได้แล้ว!”
  ในคืนนี้..สมาชิกตระกูลหลิงล้วนต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์สลับกันไปมาอยู่เช่นนี้ หลิงลี่จึงอยากให้เรื่องวุ่นวายนี้สงบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยก็เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปก่อน และค่อยพูดจากันใหม่วันหลัง..
  หลิงเจิ้นยังคงนั่งก้มหน้านิ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ท่านพ่อ.. อย่าได้เข้าข้างลูกอีกเลย!”
  “ท่านพ่อเชื่อใจและไว้ใจข้าจึงได้มอบตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงให้ ข้าเองก็ทำหน้าที่ผู้นำตระกูลหลิงมาถึงสิบแปดปีแล้ว แต่กลับไม่อบรมสั่งสอนลูกชายตัวเอง ปล่อยให้เขาทำเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ นี่ย่อมเป็นความผิดมหันต์ของข้าเช่นกัน!”
  “ลูกทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของท่านพ่อสมาชิกตระกูลหลิงทุกคน และเหล่าบรรพชน ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก และไม่มีหน้าที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงอีกต่อไปแล้ว!”
  “ลูกอยากจะขอให้ท่านพ่อได้โปรดอนุญาตให้ลูกลาออกจากการเป็นผู้นำตระกูลหลิงและขอให้ท่านพ่อเลือกผู้นำตระกูลคนใหม่ให้มาทำหน้าที่แทน!”
  ทุกคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของหลิงเจิ้นนั้นล้วนบ่งบอกถึงความจริงใจ และหลังจากพูดจบก็ยกศรีษะขึ้นโขกลงกับพื้นอีกครั้ง..
  สมาชิกตระกูลหลิงต่างก็คิดไม่ถึงว่าหลิงเจิ้นจะตัดสินใจทำเช่นนี้..แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ถึงสีหน้าและคำพูดที่จริงใจของหลิงเจิ้น..
  ในฐานะผู้นำตระกูลหลิง..ลูกชายของตนเองได้ทำความผิดที่ร้ายแรงเกินให้อภัย หนำซ้ำยังถูกหลิงหยุนสังหารตายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ จะยังมีทางออกอื่นสำหรับหลิงเจิ้นได้อย่างไรกัน
  หากเขายังอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงต่อไปเขาจะสามารถออกคำสั่งกับหลิงหยุนได้อย่างนั้นหรือ
  แน่นอนว่าย่อมเป็นไปไม่ได้!
  อย่าว่าแต่หลิงเจิ้นจะไม่สามารถออกคำสั่งกับหลิงหยุนได้เลยในวันข้างหน้าหากทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากัน ก็คงต้องรู้เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแทบมองหน้ากันไม่ติดอย่างแน่นอน!
  หลิงเจิ้นยังคงก้มหน้าลงกับพื้นนิ่งเงียบภายในห้องจึงมีเพียงความเงียบสงัด ที่แม้แต่เข็มสักเล่มตกก็คงได้ยินกันอย่างทั่วถึง..
  “พี่ใหญ่!นี่มันคนละเรื่องกัน หลิงห่าวก็ส่วนหลิงห่าว.. ท่านก็ส่วนท่าน! พี่ใหญ่อย่าได้ตำหนิตนเองเช่นนี้เลย!”
  แต่ในระหว่างที่หลิงเสี่ยวจะพุ่งเข้าไปหาหลิงเจิ้นเพื่อต้องการที่จะดึงเขาให้ลุกขึ้นจากพื้นนั้น หลิงลี่ที่คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ ก็ตัดสินใจพูดขึ้นว่า
  “ผู้นำตระกูล..เจ้าคิดดีแล้วรึที่ต้องการจะลาออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิง”
  หลิงเจิ้นยังคงก้มหน้าและตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังฟังชัด “ลูกคิดดีแล้วท่านพ่อ!”
  “เวลานี้ลูกเศร้าใจยิ่งนัก!อยากจะขอเวลาพักผ่อนดูแลจิตใจสักช่วงหนึ่ง ขอท่านพ่อได้โปรดทำตามความต้องการของลูกด้วยเถิด!”
  หลิงลี่ถอนหายใจพร้อมกับโบกมือให้หลิงเจิ้นลุกขึ้น“เอาล่ะ.. หากเจ้าต้องการเช่นนี้จริงๆ ข้าก็จะทำตามความต้องการของเจ้า ให้เจ้าได้ลาออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลเพื่อรักษาใจตามที่ต้องการ..”
  “ขอบคุณท่านพ่อ!”
  หลิงเจิ้นเอ่ยขอบคุณพร้อมกับโขกศรีษะคาราวะหลิงลี่อีกครั้ง..
  “ลุกขึ้น!”
  หลิงลี่ปลดปล่อยลมปราณออกจากฝ่ามือพลังปราณที่อ่อนโยนพุ่งเข้าไปพยุงร่างของหลิงเจิ้นให้ลุกขึ้นจากพื้นทันที..
  หลิงเจิ้นลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่ายสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่ในใจนั้นกลับมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่แล้ว..
  ในเมื่อเวลานี้หลิงลี่เองก็อยู่ในขั้นเซียงเทียน-9แล้ว ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงของหลิงเจิ้นจึงแทบไร้ความหมาย และผู้นำแต่เพียงในนามเท่านั้น!
  และที่ผ่านมา..เรื่องใหญ่ๆในตระกูลก็ล้วนแล้วแต่เป็นพ่อของเขาที่จัดการ และตัดสินใจ ส่วนตัวหลิงเจิ้นนั้นก็เพียงจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆภายในตระกูลเท่านั้น
  อีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนก็กลับเข้าตระกูลหลิงแล้วหนำซ้ำยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิงอีกด้วย เวลานี้อาวุโสที่สุดก็คือหลิงลี่ และเด็กที่สุดก็คือหลิงหยุน หลิงเจิ้นจึงเปรียบเสมือนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน ตำแหน่งผู้นำตระกูลของเขาจึงเหมือนกับถูกบีบไว้ทั้งสองด้าน และแทบจะไม่มีความหมายอะไรอีกเลย..
  แม้กระทั่งการช่วยเหลือหลิงเสี่ยวในครั้งนี้หลิงลี่ยังไม่อนุญาตให้เขาเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งจบ หลิงเจิ้นรับรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่ได้มีอำนาจอะไรเลยในตระกูลหลิง novel-lucky
  อีกทั้งในวันข้างหน้า..เรื่องราว และการตัดสินใจทั้งหมดในตระกูลหลิงนั้น ย่อมตกเป็นของหลิงหยุนอย่างแน่นอน!
  หนำซ้ำเวลานี้มรดกตกทอดของตระกูลหลิงหลิงลี่ยังมอบให้หลิงหยุนเป็นผู้ดูแลรักษา และหลิงลี่แทบไม่เห็นว่าเขาเป็นผู้นำตระกูลเลยแม้แต่น้อย..
  แทนที่จะยึดติดกับตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงต่อไปเขาสู้ใช้โอกาสนี้ลาออก แลการตัดสินใจเช่นนี้ยังทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ไม่ติดใจ หรือเฝ้าจับตามองเขาอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวเขาก็จะได้มีอิสระในการทำเรื่องต่างๆได้โดยที่ไม่มีผู้ใดสนใจ..
  อีกทั้งในเมื่อหลิงเจิ้นไม่ต้องแบกรับภาระต่างๆในตระกูลหลิงแล้วเขาก็จะมีเวลา และมีอิสระมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้.. เขาก็จะมีโอกาสไปสำรวจสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของตนเองมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงเวลาที่เขาจะได้ออกไปสำรวจอย่างที่ต้องการเสียที..
  สถานที่แห่งนั้น..หากเขายังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-2 ต่อให้มีคนนำเงินมากองมากมาย เขาก็ไม่กล้าไปอย่างแน่นอน!
  แต่หลังจากที่หลิวเทวะได้ปลดปล่อยปราณอมตะเสวียนหวงออกมาเมื่อครู่นั้นทำให้หลิงเจิ้นสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ได้ในทันที หนำซ้ำเขายังได้ดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงมากมายไว้ในร่างกายด้วย หลิงเจิ้นจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองจะสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7 ได้อีกในไม่ช้า!
  และหากสามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-7ได้ หลิงเจิ้นก็มั่นใจว่าตนเองจะสามารถเข้าไปสำรวจสถานที่แห่งนั้นได้ และหลิงเจิ้นเชื่อว่าหากสามารถเข้าไปได้เมื่อใด เขาจะได้รับประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล จนทำให้ตัวเขาเองสามารถเข้าสู่ขั้นที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้อย่างแน่นอน!
  แต่ก่อนอื่น..เขาต้องปลดพันธนาการจากตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงเสียก่อน เพื่อที่จะได้มีอิสระไปท่องเที่ยวสำรวจดินแดนลี้ลับแห่งนี้ และตราบใดที่สามารถมีชีวิตรอดจากการสำรวจดินแดนลี้ลับแห่งนี้ได้ เขาย่อมมีโอกาสที่จะเข้าสู่ขั้นเหนือพลังธรรมชาติได้อย่างแน่นอน!
  และเมื่อถึงเวลานั้น..เขาจะกลับมาตระกูลหลิงแก้แค้นหลิงหยุนแทนหลิงห่าว!
  ด้วยเหตุนี้..การลาออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลของหลิงเจิ้นนั้น เขาได้วางแผนไว้ในใจ และตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ไปคุยเรื่องนี้กับหลิงห่าวที่บ้านแล้ว เขาไม่ได้ตัดสินใจทิ้งตำแหน่งผู้นำตระกูลเพียงเพราะการตายของหลิงห่าว..
  หลิงเจิ้นได้วางแผนทุกอย่างล่วงหน้าไว้แล้วเขาเพียงแค่รอคอยให้ถึงวันนี้เท่านั้น และหลังจากที่จัดการฝังศพของหลิงห่าวเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะขอหลิงลี่ออกไปท่องเที่ยว วางเรื่องของตระกูลหลิงไว้ชั่วคราว และทำในสิ่งที่ตนเองปรารถนา..
  แต่ที่หลิงเจิ้นคิดไม่ถึงก็คือว่า..หลิงลี่กลับยอมรับการลาออกของเขา และอนุญาตอย่างง่ายดาย ทำให้หลิงเจิ้นรู้สึกแปลกใจไม่น้อย!
  “ประเทศชาติขาดผู้นำไม่ได้ฉันใดตระกูลหลิงของเราก็ขาดผู้นำไม่ได้เช่นกัน!”
  หลังจากที่หลิงเจิ้นลุกขึ้นยืนหลิงลี่ก็หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับประกาศว่า “หลิงหยุน.. ในเมื่อลุงของเจ้าได้ลาออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว ตำแหน่งนี้จึงตกเป็นของเจ้าไป!”
  หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงง“ห๊ะ!”
  หลิงลี่พูดต่อว่า“เจ้ายังจะทำหน้างุนงงอะไรอีกงั้นรึ ข้าก็เพิ่งจะประกาศในห้องบูชาบรรพชนว่าเจ้าคือผู้นำตระกูลหลิงรุ่นต่อไป แม้แต่มรดกตกทอดของตระกูลหลิง ข้าก็ได้มอบให้เจ้าเป็นผู้เก็บรักษา เวลานี้ลุงของเจ้าลาออกแล้ว ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงจึงต้องตกเป็นของเจ้าในทันที เจ้ายังจะร้องห๊ะอีกงั้นรึ?”
  หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของหลิงลี่ก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงลี่กำลังบีบให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดโดยเร็ว เขาทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่โอดครวญไปว่า..
  “ท่านปู่..แต่ข้ายังต้องฝึกฝนวิชา และท่านเองก็รู้ว่าข้ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการ ข้าจะดูแลตระกูลหลิงในตอนนี้ได้อย่างไรกัน”
  หลิงหยุนไม่ได้อยากได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงตั้งแต่แรกแล้วและตำแหน่งนี้ก็ไม่ได้มีค่าใดๆกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขาจึงต้องการที่จะปฏิเสธ..
  “หึ!”
  หลิงลี่ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจพร้อมกับพูดต่อว่า“ข้าให้เจ้าขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิง ไม่ได้บอกให้เจ้าเลิกฝึกวิชา หรือห้ามเจ้าไปทำอะไรที่ใหน”
  “เจ้าไม่อยู่บ้านก็ยังมีข้า..มีลุงสอง มีพ่อของเจ้า พวกเขาจะไม่สนใจตระกูลของตัวเองหรืออย่างไรกัน เจ้าจะไปทำอะไรที่ไหนก็ไปได้ เพียงแต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงต้องเป็นของเจ้าเท่านั้น!”
  หลิงลี่พูดออกมาจนหลิงหยุนไม่สามารถโต้แย้งได้จึงได้แต่นิ่งเงียบ!
  “สมาชิกตระกูลหลิงทุกคนฟังข้า!”
  “ข้าขอประกาศว่า..จากนี้เป็นต้นไปหลิงหยุนจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิงแทนหลิงเจิ้น และหลิงหยุนจะเป็นผู้ดูแลกฏ และเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องราวทั้งภายในและภายนอกตระกูลหลิง!”
  หลิงลี่ไม่เปิดโอกาสให้หลิงหยุนได้ปฏิเสธและรีบประกาศต่อหน้าทุกคนทันที จากนั้นจึงเหลือบมองหลิงเย่วพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “ลูกสอง..เจ้าเคยช่วยหลิงเจิ้นดูแลเรื่องต่างๆในตระกูลหลิงเช่นไร ในวันข้างหน้าก็ยังคงต้องทำเช่นเคย! และหากหลิงหยุนไม่อยู่ เจ้าก็จัดการเรื่องราวต่างๆ แทนเขา เจ้าคิดเห็นเช่นใด”
  หลิงเย่วรีบตอบรับทันที“ลูกจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่านพ่อ และจะตั้งใจช่วยหลิงหยุนดูแลงานทั้งหมดภายในตระกูลหลิง!”
  หลิงลี่พยักหน้า“ถ้าเช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”
  จากนั้นหลิงลี่ก็กวาดตามองสมาชิกทุกคนในตระกูลหลิงก่อนจะร้องประกาศก้องว่า “เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลหลิงคืนนี้ หากผู้ใดแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว ข้าจะเป็นผู้สังหารคนผู้นั้นด้วยตนเอง!”
  “พวกเจ้าทุกคนเข้าใจหรือไม่”
  “น้อมรับคำสั่งท่านปู่!”
  ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็ร้องตะโกนออกมาอย่างเห็นพ้องต้องกัน..